หาคำตอบ เพื่อนรัก หรือ รักเพื่อน กับภาพยนตร์ เพื่อนสนิท
คุณเคยแอบรักเพื่อนไหม? ตอนไหนที่รู้ตัวว่าเกินเพื่อน? คำถามที่คุณจะถูกถามใน "เพื่อนสนิท" ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับแฟนฉัน "เอส - คมกฤษ ตรีวิมล" ร่วมด้วยนักแสดงหน้าใหม่ถอดด้ามอย่าง "ซันนี่ - สุวรรณเมธานนท์" "นุ่น - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา" และ "เอ๋ - มณีรัตน์ คำอ้วน" สมทบด้วยเหล่าผองเพื่อนขำๆ "โอปอล์ - ปาณิสรา พิมพ์ปรุ" และ "ดัมมี่ - ธนาบดินทร์ ยงสืบชาติ"
โดยมีการเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 21 อาคารจีเอ็มเอ็มแกรมมี่เพลส เริ่มงานด้วยการให้สื่อมวลชนร่วมเขียนเรียงความประกวดในหัวข้อ ตอนไหนที่รู้ตัวว่าเกินเพื่อน ตามมาด้วยวีทีอาร์ เพื่อนมีเยอะแล้ว และ เพื่อนสนิท ก่อนที่จะโชว์ อ๋อมแอ๋ม ที่ขนเอาเพลงมากมายมาตัดบอกเล่าเรื่องราวความสนิทแบบเพื่อนสนิท หลังจากนั้น 3 นักแสดง กับ 1 ผู้กำกับ ก็เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า
ที่มาของเพื่อนสนิท
เอส "คือเรื่องนี้มันเป็นหนังสือคล้ายๆ หนังสือท่องเที่ยว แต่ว่าเขาใช้นิยายเล่า โดยไข่ย้อยไปอยู่พงัน แล้วตกเรือก็มาเจอนุ้ยที่เป็นพยาบาล ไข่ย้อยก็เขียนจดหมายถึงดากันดา เราก็เอาวิธีการของหนังสือมาเล่า แต่บางอย่างในหนังสือเราก็ทำให้ใหญ่ขึ้นอย่างงานวัด เพื่อที่จะได้มีจุดที่พัฒนาความสัมพันธ์ของไข่ย้อยและดากันดา และก็มีอีกหลายเหตุการณ์ที่ผมเพิ่มเติมเข้าไปนอกเหนือจากหนังสืออีก อย่างเหตุการณ์เล็กๆ ในหนังสือเราก็เอาไปขยาย"
ลุยงานกำกับคนเดียวเลย
เอส "ตอนแรกเรื่องบทเนี่ย เพื่อนก็มีแสดงความคิดเห็นบ้าง แต่พอออกกองต้องทำคนเดียวก็เหงาๆ เวลามีปัญหาก็ไม่รู้จะปรึกษาใคร ซึ่งผมก็ต้องทำงานหนักขึ้น รับผิดชอบเต็มๆ แต่ส่วนตัวผมหน้าที่ผม ผมให้ความสำคัญกับบทและการแสดงเป็นหลัก คือทุกๆ ส่วนสำคัญหมด แต่การเล่าเรื่องต้องน่าสนใจ นักแสดงต้องเล่นอย่างที่ผมคิดเอาไว้ บางทีเล่น 20 เทกก็มี แต่ผมไม่ดุนะ แต่ถ้าอะไรที่ไม่ใช่จริงๆ เราก็ไม่อยากยอมรับ
ถ้ามีโอกาสแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด แต่อย่างว่าผู้กำกับหนังไทยไม่ได้ทุกอย่างที่อยากได้หรอก นี่เราก็ใช้งบไป 20 ล้านได้เพราะว่าเราย้ายที่เลยดูเยอะหน่อย"
เพื่อนสนิท แตกต่างกับ แฟนฉัน ยังไง
เอส "สลับที่กันน่ะครับ อย่างแฟนฉันเด็กเป็นเพื่อนกันแต่ถูกล้อว่าเป็นแฟน แต่เรื่องนี้เป็นแฟนกันแต่พยายามบอกว่าเป็นเพื่อน ซึ่งพอพวกพี่ๆ เขาได้ดูเขาก็ชอบอย่างพี่เก้ง (จิระ มะลิกุล) พี่สิน (ยงยุทธ ทองกองทุน) เป็นหนังวัยรุ่นที่เหมาะสำหรับคนมีความรัก"
เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกเลย พวกเรา 3 คนรู้สึกอย่างไร
ซันนี่ "รู้สึกตื่นเต้นมากครับ ก็อยากให้มันออกมาดีๆ"
นุ่น "เรื่องแรกก็ตื่นเต้น เห็นตัวอย่างหนังแล้วรู้สึกอยากดูค่ะ แล้วก็อยากให้คนที่มีเพื่อนสนิทมาดูเรื่องเพื่อนสนิทกันค่ะ"
เอ๋ "เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกนะค่ะ เราทุกคนตั้งใจเต็มที่ รู้สึกดีใจแล้วก็ตื่นเต้นน่ะค่ะ"
ซันนี่ มาเล่นเรื่องนี้ได้ยังไง
ซันนี่ "หลวมตัวมาเล่นครับ เพราะว่าตอนแรกผมปฏิเสธไป แต่ถ้ามาดูอย่างนี้ คงเสียใจมากที่ไม่เล่นหนังเรื่องนี้ เพราะว่าผมรักหนังเรื่องนี้ ในเรื่องผมจะเล่นอะไรเซอร์ สกปรกๆ มากกว่า"
กับการมารับบท ไข่ย้อย ซึ่งในเรื่องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวรู้สึกยังไง
ซันนี่ "กดดันครับ กลัวจะทำหนังเขาเจ๊ง แต่เขาก็เลือกผมมา ผมก็พยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ให้ซวยคนอื่นเขาครับ เวลาเล่นบทไข่ย้อยก็จะเล่นเป็นตัวเอง 65% เป็นไข่ย้อย 35%"
แล้วนุ่นมาเล่นเรื่องนี้ได้ยังไง
นุ่น "นุ่นประกวดดัชชี่เกิร์ลได้ค่ะ แล้วพี่เขาก็ลองให้มาเทสต์หนังดู พออ่านบทแล้วก็รู้สึกเลยว่าหนูเลยพี่หนูเลยแล้วก็บุคลิกคล้ายๆ มั้งค่ะก็เลยได้ ดีใจยิ่งกว่าถูกหวยอีก (ยิ้ม) กะจะเรียนต่อก็เลยมาทำงานก่อนค่ะ"
ในเรื่อง นุ่น รับบทอะไร
นุ่น "รับบท ดากันกา ค่ะ เป็นผู้หญิงที่กวน ทะเล้น เป็นสาวมั่นใจสามารถกินเหล้ายาดองแล้วก็แดนซ์กระจายได้ คล้ายนุ่น แต่ดากันดาจะมากกว่าตรงที่มีลูกบ้าเยอะมาก สำหรับการทำงานในเรื่องนี้นุ่นไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่ละคนในกองนิสัยคล้ายๆ กัน จะเป็นห่วงก็ผู้กำกับค่ะที่น่าจะปวดหัวกับพวกเรามาก เพราะแต่ละคนก็ไม่นิ่งเลย เวลาทำงานนุ่นจะมีความกระตือรือร้นที่จะทำ หนึ่งนุ่นชอบบทมันบ้าได้เต็มที่ แล้วเรื่องนี้ก็มีเพื่อนนักแสดงใหม่เหมือนกันด้วยทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนกัน"
เอ๋ ล่ะ
เอ๋ "ในเรื่องเอ๋จะรับบทเป็น นุ้ย เป็นพยาบาลที่เกาะพงันค่ะ ซึ่งจะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ไม่หวานมาก มีความเข้มแข็งในตัวเอง ที่ได้มาเล่นเรื่องนี้เพราะว่ารอยยิ้มมั้งค่ะ (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ เอ๋ก็อยากเป็นพยาบาลค่ะ ได้เล่นบทนี้ก็ดีค่ะ ชอบ"
ทำงานกับ เอส เป็นไงบ้าง
ซันนี่ "สนุกมากครับ ไม่คิดว่าจะรู้สึกดีขนาดนี้ที่ได้มาเล่น นึกว่ากองหนังจะเครียด พอมาเจอกองนี้สนุกมากครับ ผมไม่รู้จักพี่เอสมาก่อนครับ ไม่รู้ด้วยครับว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับแฟนฉัน เจอพี่เขาครั้งแรกก็งงๆ มายืนมองเราแล้วก็หัวเราะ"
นุ่น "ชอบมากเลย สนุก นุ่นอ่านบทแล้วก็ขอพี่เขาเล่นด้วย นุ่นชอบมาก"
เอ๋ "พี่เอสเป็นคนสนุกมากๆ ไม่ทำให้กองเครียดเลย ไม่ดุ ไม่เหมือนเจ้านาย ตลกดี (ยิ้ม)"
เห็นว่าเอ๋เป็นคนอีสานแล้วต้องมารับบทคนใต้ ยากไหม
เอ๋ "เอ๋เป็นคนร้อยเอ็ดค่ะ แต่ในเรื่องต้องพูดภาษาใต้ เพราะว่าเป็นพยาบาลอยู่ที่พงัน ก็มีต้องไปเรียนภาษาใต้ด้วยค่ะ ยากค่ะ"
เรื่องนี้สร้างมาจากนิยาย ซันนี่เคยอ่านมาก่อนหรือเปล่า
ซันนี่ "ผมไม่ได้อ่านครับ อ่านบทก่อนแล้วค่อยมาอ่านนิยาย แล้วก็ชอบมาครับ"
มีฉากไหนโหดๆ หรือประทับใจบ้าง
ซันนี่ "อย่างในฉากเรือเนี่ยเหนื่อยมาก โหดมาก ออกจากกรุงเทพฯ เที่ยงคืน ถ่ายที่พัทยาตีสี่ ไม่มีใครได้นอนเลย ขึ้นเรือปั๊บอ้วกเป็นแถว (ยิ้ม) ส่วนฉากที่ผมประทับใจมีหลายฉาก อย่างตอนที่ต้องบอกนุ่นว่า ฉันรักแก ฉากนี้ผมต้องห้ามใครมายิ้มใกล้ๆ เพราะว่าพี่เงาะ แอ็กติ้งโค้ช เขาจะบิวต์อารมณ์ให้แล้ว พอเข้าฉากก็ถ่ายเลย
เออ! แล้วมีตัดผมก็ไม่บอกผมด้วยนะ รวบผมผมแล้วบอกถ้าสกินเฮดก็ดีตัดแล้วก็แปลกๆ นะ แต่ไม่เสียดายเดี๋ยวก็ยาวอีก ส่วนตัวผมสั้นยาวก็ได้ นี่ก็ลดน้ำหนักไปตั้ง 14 โล เพื่อหนังเรื่องนี้เลย พี่เอสเขาสั่งเข้าฟิตเนส ถ้าไม่ลดป่านนี้ผมหน้าเป็นวัวไปอยู่ที่ไหนแล้วไม่รู้ หมดอนาคตไปเลย ตรงนี้แหละข้อดีอย่างหนึ่ง ฟรีด้วย (หัวเราะ) เอาผมแลกไป"
นุ่น "ฉากยากของนุ่นคือฉากกินยาดองที่แบบต้องเซียนมาก เซียนสุดๆ ซึ่งนุ่นกินแอลกฮอลล์ไม่เป็น ฉากนี้ 10 กว่าเทกน่ะ ส่วนฉากทรมานร่างกายเป็นซีนเกี่ยวกับลูกทุ่งวิจิตรศิลป์ที่บรรยากาศการถ่ายทำหนาวมาก แต่ดากันดาใส่เสื้อกล้าม กระโปรงบางๆ รองเท้าแตะ เต้นๆๆ แต่ก็สนุกมากเลย เอ็กตร้ามาถามเลยว่าพี่เต้นได้ไง พี่ไม่อายเหรอ เราก็ไม่รู้ว่าชมหรือเปล่า แต่ถ้าถามถึงฉากกุ๊กกิ๊กแทบไม่มีเลย"
เอ๋ "ฉากที่ยากสุดก็คงเป็นฉากกินเบียร์ค่ะ ต้องกินให้หมดในทีเดียว แต่จริงๆ เป็นน้ำเปล่านะคะ ซึ่งกินไปประมาณ 3 ขวด เสร็จแล้วก็ต้องวิ่งต่อน่ะคะ โอ๊ย! จุกมากเลย (หัวเราะ)"
แล้ว เอส ล่ะ น้องๆ นักแสดงเป็นไงบ้าง
เอส "ผมอยู่กับเรื่องนี้มานาน และเราก็คิดถึงมันมาตลอดว่าเราอยากจะทำออกมาแบบไหน ก็จะมี 3 คนนี้อยู่ในหัวตลอดเลย แต่ไม่มีหน้าตานะครับ มีแต่บุคลิก พอมาเห็นเทปแคสติ้ง ผมก็ชอบผมเชื่อในความรู้สึกแรกว่าคนนี้ใช่ แต่เขาเป็นนักแสดงใหม่ไง ก็ต้องมีฝึกฝน เพราะว่าเขาต้องมาเล่นเป็นคนอื่นที่เขาไม่ได้เป็นไง ก็มีซันนี่กับนุ่นไปฝึกท่าทางการวาดรูปแบบเด็กวิจิตรศิลป์ เอ๋ก็ต้องไปฝึกฉีดยาฝึกอะไรที่พยาบาลต้องทำเพื่อความสมจริง"
ใช้เวลาถ่ายทำนานไหม
เอส "ก็ 3 เดือน เปิดกล้องก็ไปเชียงใหม่ ไปกลับกรุงเทพฯ ครับ แต่ส่วนใหญ่จะที่เชียงใหม่ มีที่อื่นบ้างอย่างที่ปากช่องก็มี ซึ่งตอนถ่ายที่นั่นหนาวมาก ซันนี่กับนุ่นเขาไม่ได้เตรียมเสื้อไป ส่วนที่พงันก็ร้อนมาก ร้อนจนต้องพักกอง ตอนบ่ายก็มีพายุกลางทะเล นักแสดงก็อยู่ในเรือน่ากลัวครับ พายุแรงมาก"
คิดว่าเรื่องนี้ทำเงินไหม
เอส "ทำเงินไหม ไม่รู้ (หัวเราะ) แต่ผมอยากให้คนมาดูๆ เยอะ ผมมั่นใจว่าผมเล่าเรื่องนี้โดน โดยเฉพาะคนที่ประสบการณ์มาก่อน ถ้าได้มาดูเรื่องนี้น่าจะโดน"
ถ้าชีวิตจริงต้องเผชิญสถานการณ์อย่างใน ไข่ย้อย จะเลือกใคร
ซันนี่ "ตัวผมเหรอ ไม่รู้นะ แต่ถ้าผมเป็นตัวไข่ย้อยผมจะเลือก เฮ้ย! ไม่เอาเดี๋ยวเล่าหนังหมด (ยิ้ม) อ่ะ! ถ้าเป็นผมนะ ความสัมพันธ์ 4 ปี กับ 2 เดือน ผมว่ามันแทนกันไม่ได้ 4 ปี ผูกพันมากกว่า แต่ก็คงรู้สึกผิดกับอีกคนเหมือนกัน"
หลังจากเรื่องนี้มีโอกาสจะได้เห็น ซันนี่ บนจอเงินอีกไหม
ซันนี่ "ไม่ดีกว่า ผมไม่เก่ง ให้คนที่เขาเก่งกว่าเล่นดีกว่า ผมความสามารถนิดเดียว ไม่มีใครบอกหรอกครับ ผมรู้สึกเอง ยิ่งทำอะไรต่อหน้าคนเยอะๆ ผมอาย"
3 คนเนี่ยเคยมีประสบการณ์เพื่อนสนิทในชีวิตจริงหรือเปล่า
เอ๋ "เอ๋มีแอบปลื้มเพื่อนห้องเดียวกันค่ะ เขาจะเป็นสุภาพบุรุษและก็เป็นนักบาสฯ ด้วย ก็แอบปลื้มเขามา 2 ปี จนเขาไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งวันนี้ค่ะ"
ซันนี่ "ของผมไม่ค่อยมีครับ"
นุ่น "ของนุ่นจะมีแต่เพื่อนผู้ชายค่ะ เพราะว่านุ่นเรียนคณะวิศวะฯ เชียงใหม่ เพื่อนๆ จะไม่เห็นนุ่นเป็นผู้หญิงเลย ประสบการณ์อย่างนี้ก็เลยยังไม่มีค่ะ เศร้า! (ยิ้ม)"
ฝาก เพื่อนสนิท หน่อย
เอส "ทำงานคนเดียวก็รู้สึกคิดถึงเพื่อนบ้างเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ทำความฝันส่วนตัวให้เป็นจริงน่ะครับ ผมอ่านเรื่องนี้มานาน และก็อยากทำมานานแล้วครับ 7 ปีแล้ว พอได้ออกมาเป็นหนังแล้วมีนักแสดงจริงๆ อย่างที่ผมได้จินตนาการไว้ ผมหวังว่าทุกคนคงจะชอบหนังที่ผมตั้งใจทำครับ"
ซันนี่ "บทดี ผู้กำกับเก่ง ผู้ช่วยเท่ ตากล้องฝีมือ พวกเขาตั้งใจทำกันมากครับ ก็อยากให้หนังประสบความสำเร็จ ดูแล้วจะจุกครับ ไม่ใช่คนข้างๆ เตะนะ (หัวเราะ) แต่เป็นความตื้นตัน ขอให้ได้ดูครับ เพื่อนสนิท เย้! (ยิ้ม)"
นุ่น "สำหรับหนังเรื่องนี้นุ่นอยากให้ทุกคนมาดู แล้วหันไปมองคนข้างๆ ว่าความสัมพันธ์เป็นยังไง มิตรภาพเป็นยังไง ดูแล้วรับรองว่ารู้สึกดีกับคำว่าเพื่อนมากค่ะ"
เอ๋ "ถ้ามาดูหนังเรื่องนี้จะได้อะไรไปหลายอย่าง ที่แน่ๆ เลยก็คือได้อมยิ้มไปคนละแท่ง (ยิ้ม)"
ได้เวลาบอกลา เพื่อนสนิท วันที่ 6 ตุลาคม นี้ ทุกโรงภาพยนตร์