ช้าง มวยคชสาร และ จา เครื่องปรุงเด็ดในเมนู ต้มยำกุ้ง
เป็นที่กล่าวถึงและได้รับความสนใจมากสำหรับ "ต้มยำกุ้ง" ภาพยนตร์ไทยแอ็กชั่นที่มา เพื่อหวังสร้างปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเรื่อง "องค์บาก" ดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ในชีวิตของ "จา - พนม ยีรัมย์" เจ้าของคำขวัญ ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน และแน่นอนว่าไม่ใช้ ซีจี
ช้าง มวยคชสาร และ จา พนม ยีรัมย์ คือ 3 เครื่องปรุงแรกที่จะถูกนำมาเผยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ใน ต้มยำกุ้ง เมนูไทยจานเด็ดที่ว่ากันว่าแพงที่สุด มีสนนค่าตัวสูงถึง 300 ล้านบาท
"สิ่งที่เราตั้งใจและยังคงไว้ใน ต้มยำกุ้ง คือ การรักษาความเป็นไทยให้คนทั่วโลกได้รู้จัก และสร้างความเข้าใจอันถูกต้องถึงวัฒนธรรม แนวความคิด และประเพณี อันดีงามของคนไทย โดยหัวใจสำคัญคือวัฒนธรรมความเป็นอยู่จริงๆ และความผูกพันที่สืบทอดกันมาระหว่างคนกับช้าง ซึ่งคนต่างชาติอาจไม่เคยรู้ว่าลึกซึ้งถึงขนาดที่ว่าช้างเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา
เราเชื่อว่าหนังเรื่องนี้ออกไปคนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วจะเข้าใจคนไทย ประเทศไทยว่าเราดูแลช้างกันยังไงชีวิตความเป็นอยู่ ความผูกพันระหว่างคนกับช้างที่ชาวต่างชาติอาจไม่เคยเห็น นั่นคือหัวใจสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจทำเรื่อง ต้มยำกุ้ง"
ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง กล่าว เล่าให้ฟังถึงสาเหตุสำคัญที่เลือก ช้าง มาเป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องปรุงแรกในเมนูเด็ดจานนี้ โดยยังคงมี จา มาร่วมปรุงแต่งรสชาติในฐานะผู้ถ่ายทอด มวยคชสาร ซึ่งนอกจากจะต้องโชว์ศิลปะการต่อสู้มวยไทยโบราณอีกระดับขั้นที่เน้นความแปลกใหม่แล้ว ยังถ่ายทอดถึงความรู้สึกผูกพันระหว่างช้างกับคน ซึ่ง จา เล่าให้ฟังว่า
"รับบทเป็น ขาม ในเรื่องจะมีพ่อ 2 คน พ่อแท้ๆ ซึ่งเป็นคน และ พ่อใหญ่ ซึ่งเป็นช้างประจำตระกูล มีลูกช้างชื่อ ขอน ที่เรารู้สึกผูกพันเหมือนกับเป็นน้องแท้ๆ โดยมีความฝันสูงสุด คือ ถวายช้างซึ่งตรงตามคชลักษณ์ให้กับในหลวง การที่เติบโตมาในครอบครัวคนเลี้ยงช้าง ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากทหารจตุรังคบาทเป็นองครักษ์ที่อยู่ประจำเท้าทั้ง 4 ข้างของช้างศึกในสมัยโบราณ เพื่อคอยปกป้องไม่ให้ข้าศึกเข้ามาทำร้ายช้าง
อย่างเช่น ถ้าดาบหลุดมือเมื่อไหร่ เขาก็จะมีท่ามวยที่ไว้ป้องกันตัวและใช้ในการต่อสู้เรียกว่า ท่ามวยคชสาร ซึ่งเป็นมวยเกี่ยวกับช้าง ซึ่งเป็นมวยโบราณที่เน้นเกี่ยวกับการทุ่ม ทับจับ การหัก ที่เราจะนำมาให้เห็นในภาพยนตร์ โดยนำมาจากพฤติกรรม หรืออิริยาบถตามธรรมชาติของช้าง อย่างเช่น ช้างทำลายโลง คชสารแทงโลง เอราวัณเสยงา หักงวงไอยรา ซึ่งล้วนเป็นท่ามวยเกี่ยวกับช้างทั้งสิ้น เป็นการนำเสนอมวยไทยในรูปแบบที่โดดเด่นชนิดที่ว่าหลายคนอาจไม่เคยได้สัมผัสและคนทั่วโลกก็อาจไม่รู้จัก"
อดใจไว้เตรียมตัวเปิบกันอย่างเป็นทางการ 11 สิงหาคม นี้