1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

แองเจลิน่า โจลี่ กับบทบาทของนักแสดง และความเป็นแม่

แองเจลิน่า โจลี่ กับบทบาทของนักแสดง และความเป็นแม่

"แองเจลิน่า โจลี่" สาวสวยผู้รับบทเป็น แฟรงกี้ คุ้ก กัปตันตาเดียวในภาพยนตร์ "Sky Captain and the World of Tomorrow" โดยฝีมือของผู้กำกับและเขียนบทครั้งแรก "เคอร์รี่ คอนราน" ซึ่งเหตุผลสำคัญที่เธอตัดสินใจรับบท คือภาพยนตร์เรื่องนี้ก้าวถึงจุดที่ไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดเคยพยายามที่จะทำมาก่อน

"ในฐานะของศิลปินนักแสดงคนหนึ่ง ฉันมองว่ามันมีความสดใหม่ และยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันจึงเป็นโครงการที่กล้าหาญมากโครงการหนึ่ง" แองเจลิน่า โจลี่กล่าวอย่างสั้นๆ ในการแถลงข่าวในลอส แองเจอลิส "ทุกคนในทีมนั้นต่างมีส่วนร่วมและพยายามไปด้วยกัน ซึ่งฉันก็คิดถึงความมุ่งมั่นแบบนั้นมากๆ และทุกวันนี้ที่คุณถ่ายทำภาพยนตร์กัน คุณอาจไม่มีทางได้รู้สึกถึงความสนุก ผจญภัย และการได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่มีใครกล้าเสี่ยงทำมาก่อน ซึ่งเพียงแค่นั้น การได้เข้าไปมีส่วนร่วมก็น่าตื่นเต้นแล้ว"

Sky Captain and the World of Tomorrow คือ ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำหน้าฉากบลูสกรีนทั้งเรื่อง ที่สตูดิโอแห่งหนึ่งนอกกรุงลอนดอน ซึ่งเคยใช้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับตำนานมาแล้วอย่าง "Star Wars" และ "Indiana Jones" ของผู้กำกับ "จอร์จ ลูคัส"

"มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันต้องใส่ฟองอากาศ (หมวกดำน้ำ) และที่คาดตา แล้วฉันก็นั่งแสดงอยู่บนกล่อง" โจลี่ กล่าวอธิบายสภาพของการถ่ายทำ "แล้วฉันก็ไม่ได้นั่งอยู่ในเครื่องบินหรือที่ไหนทั้งนั้น ฉันก็นั่งแสดงอยู่อย่างนั้นในห้องที่เต็มไปด้วยทีมงานอีกเป็นร้อย แล้วก็แกล้งทำสำเนียงเป็นคนอังกฤษ แกล้งทำเป็นคนเท่ๆ แต่ฉันก็ต้องนั่งอยู่บนกล่องกระดาษ ฉันก็ต้องทำทั้งหมดนั้นพร้อมทั้งแสร้งว่ากำลังบินกันอยู่ ฉันรู้สึกแบบว่าติงต๊องสุดๆ

คุณรู้ไหม แต่ว่าพอสักพักนึงฉันก็คิดได้ว่ามันก็ดีเหมือนกันที่ได้สนุกและสร้างสรรค์กับธุรกิจบันเทิงแบบนี้ แล้วได้ลองสิ่งที่ไม่น่าปลอดภัยแถมยังได้รู้สึกสนุกมากกัน และกล้าบ้าบิ่นไปกับทางที่เราเลือกกัน ซึ่งมันก็ดีมากๆ และก็เป็นอะไรที่ใหม่มากเหมือนกัน

ฉันคิดว่า จู๊ด ลอว์ และ กวินเน็ธ นั้นอาจจะรู้สึกแย่กว่าฉันหน่อยเพราะมันต้องมีอะไรหลายอย่างพุ่งมาหาพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็ต้องแสดงออกมาให้เห็นว่ามันน่ากลัวจริงๆ ส่วนฉันอย่างมากก็แค่เรือรบวิ่งมาข้างหลังแค่นั้นเอง แต่ทั้งนี้ด้วยฐานะของนักแสดงเราก็ต้องแสดงให้ทุกคนเชื่อได้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราก็เลยชินกับห้องเปล่าๆ และฉากเปล่าๆ เหล่านั้น"

นอกเหนือไปจากการแสดงหน้าฉากบลูสกรีน โจลี่ยอมรับว่าที่คาดตานั้นทำให้เธอสูญเสียการมองไปพอสมควรรวมทั้งการรับรู้เรื่องมิติ "มันก็มีเวียนหัวและเก้งก้างเกิดขึ้นบ้าง" เธอกล่าว "เมื่อไรก็ตามที่นักแสดงคนไหนมาพูดกับฉัน แล้วพวกเขาก็จะเดินเข้ามา คุณไม่มีทางเห็นหรอกว่าใครแอบย่องมาข้างหลัง ทำให้เกือบจะต้องหันหลังไปดู พอเสร็จสิ้นการถ่ายทำในแต่ละวันแล้วถอดมันออก จะรู้สึกเหมือนกับเพิ่งตื่นนอนตอนเช้า แต่ก็ไม่เลวนะ ค่อนข้างสนุกเสียด้วยซ้ำ"

นักแสดงสาวแองเจลิน่า โจลี่ยิ้มรับอย่างเต็มใจว่าบางครั้งนั้นความเป็นแม่ก็มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการที่เธอจะตัดสินใจเลือกรับแสดงบทบาทใดๆ แต่อย่างไรก็ดีความเป็นแม่ของเธอนั้นก็ไม่มีทางที่จะมาขวางทางความเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวู้ดลงไปได้ โดยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เธอยังมีผลงานภาพยนตร์ที่เตรียมรออกฉายอีกถึง 3 เรื่อง ได้แก่ "Sky Captain and the World of Tomorrow" "Shark Tale" และ "Alexander"

"ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะว่าเขา (แม้ดด็อกซ์ ลูกชายชาวกัมพูชาของโจลี่) ยังเล็กอยู่มาก" โจลี่ กล่าว "ถ้าต่อไปเขาโตขึ้น ฉันก็คิดว่านั่นก็อาจจะเป็นบทที่ฉันจะเลือก แต่ว่าตอนนี้ฉันมีความสุขมากที่ได้ทำ Sky Captain เพราะฉันก็ใช้เวลาเพียงแค่ 4 วัน แล้วฉันก็ทำอย่างรวดเร็ว แต่ถ้ามันต้องกินเวลาเป็นเดือน นั่นก็หมายความว่าฉันต้องอยู่ห่างจากลูกชายเป็นเวลานานๆ ฉันก็เลยชอบภาพยนตร์ที่ฉันสามารถทำได้ในเวลาไม่นานนัก"

บ่อยครั้งที่ แองเจลิน่า โจลี่ มักจะได้รับบทบาทที่เธอสามารถแสดงความเข้มแข้งของผู้หญิงออกมาได้อย่างมาก ซึ่งเธอก็กล่าวว่าเธอได้รับความแข็งแกร่งแบบนั้นมาจากผู้เป็นแม่ของเธอ

"ฉันคิดว่าฉันถูกแม่เลี้ยงมาให้เป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากที่สุด ฉันไม่ตัดสินใคร ฉันชอบคนที่เป็นตัวของตัวเองและแสดงออกมาอย่างนั้น และพูดกับฉันอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นฉันก็เลยแสดงออกมาอย่างนั้นและไม่ดูถูกใคร ซึ่งฉันก็คงไม่สบายใจ ถ้าหากใครมาทำอย่างนั้นกับฉันเหมือนกัน ฉันก็เลยเป็นคนแบบจริงใจ 100 เปอร์เซ็นต์และแสดงออกมาอย่างนั้นด้วย อาจจะเป็นเพราะฉันผ่านอะไรแบบนั้นมาจากพ่อแม่ของฉัน

ตอนนี้ฉันก็เป็นแม่คนแล้ว หรืออาจมาจากการที่ฉันท่องไปในโลกแล้วเห็นว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงเป็นอย่างไร และสิ่งที่น่าหวาดกลัวหรือสะเทือนใจนั้น เป็นอย่างซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ฉันต้องเจอในชีวิตประจำวันนั้นยังเทียบไม่ได้ ฉันก็เลยพยายามที่จะไม่หวาดกลัวอะไรที่ไร้สาระเหล่านั้นจนเกินไป"

โจลี่ กล่าวว่าเธอได้รับแรงบันดาลใจอย่างมาก ไม่เพียงแต่จากลูกชายของเธอ แต่ยังเป็นชีวิตของเธอเองด้วย

"ฉันอยากใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ฉันชอบที่การแสดงและก็โชคดีมากที่ได้ทำมัน ฉันชอบที่ฉันได้ทำงานสร้างสรรค์แบบนี้ แต่มันก็มีบางครั้งที่ฉันคิดว่าฉันอยากใช้ชีวิตเป็นอย่างตัวละครเหล่านั้น แต่แล้วฉันก็เริ่มคิดได้ว่าฉันอยากใช้ชีวิตในแบบของฉันเองมากกว่า ฉันก็คิดว่านักแสดงส่วนใหญ่ที่เคยผ่านช่วงเวลาแบบว่า ฉันอยากไปถ่ายหนังในทะเลทรายซาฮาร่า แล้วก็เริ่มคิดได้ว่า ทำไมฉันไม่พาครอบครัวข้ามทะเลทรายซาฮาร่าแล้วก็ไปใช้เวลเรียนรู้ชีวิตคนแถวนั้น

เป้าหมายในชีวิตของฉัน คือฉันอยากตายอย่างคนที่มีประโยชน์ และได้ทำอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต ทั้งศึกษาวัฒนธรรม ผู้คน ภูมิประเทศและเลี้ยงดูครอบครัวของฉัน นั่นเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำนอกเหนือจากการได้มีงานที่ฉันสนุกไปกับมันพร้อมกับใช้ชีวิตด้วย"

แองเจลิน่า โจลี่ อาจวางตัวของเธอเอาไว้ในโลกของเหล่าหญิงแกร่ง ทว่าหนึ่งบทบาทที่เธอจะไม่ขอกลับไปรับอีกแล้วก็คือ "Lara Croft"

"ฉันชอบที่ได้มาแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้นะ ซึ่งฉันก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากภาพยนตร์เรื่องนี้และฉันก็มีช่วงเวลาที่ดีมาก แต่ฉันก็คงจะไม่กลับไปทำอีกแล้ว"

ดูเหมือนตอนนี้หน้าที่หลักอีกอย่างนั้นอยู่ที่ แม้ดด็อกซ์ ลูกชายของเธอ และให้ความสุขทุกอย่างที่เขาควรจะต้องได้ และที่เธอขาดหายไปในช่วงเวลาแห่งวัยเยาว์ของเธอ โดยเฉพาะอย่างช่วงคริสต์มาส

"ฉันไม่เคยมีช่วงคริสต์มาสที่น่าประทับใจเลย เพราะฉันมาจากครอบครัวที่แตกแยก ดังนั้นถ้าหากจะมีลูกสักคนฉันก็คิดอยู่เสมอว่า ฉันน่าจะมีต้นไม้ มีนี่ มีนั่น ฉันควรจะมีบ้าน และมีคริสต์มาสที่น่าจดจำ ฉันคิดว่าฉันจะพาเขาท่องโลกไปทุกคริสต์มาส เมื่อปีที่แล้วฉันก็เลยพาเขาไปดูปิระมิดที่อียิปต์ แล้วฉันก็จะพาเขาไปที่ใหม่ๆ ทุกปี ตอนนี้ฉันก็คิดๆ อยู่ว่าปีนี้ฉันจะพาเขาไปไหนดี อาจจะเป็นมรดกที่ไหนสักที่อาจจะเป็น ทัช มาฮาล หรือไม่ก็ ป่าอะเมซอน" โจลี่ กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

สำหรับแผนการอุปการะเด็กคนต่อไปนั้น ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

"ฉันยังไม่ได้พบเด็ก แต่ฉันก็ทำทุกขั้นตอนอยู่เผื่อว่าวันนั้นจะมาถึงสักวัน อย่างน้อยฉันก็จะได้รู้สึกว่าฉันได้พยายามมากที่สุดแล้ว ดังนั้น ถ้าหากฉันมีโอกาสได้ไปสถานรับเลี้ยงเด็กพรุ่งนี้ แล้วความรู้สึกมันใช่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันก็คงจะตัดสินใจ"

นอกจากนี้ โจลี่ก็ยังคงตามหาความฝันอีกอย่างของเธอ นั่นคือ การบิน

"ฉันไปเรียนขับเครื่องบินและมันก็เยี่ยมมาก ฉันเคยได้บินเดี่ยวมาแล้วและฉันก็ซื้อเครื่องบินมาแล้วด้วย" มันก็คงเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นนักผจญภัย ความเป็นสาวแกร่งที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีทีท่าจะลดลงมาได้ง่ายๆเลย"

ความคิดเห็น

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

  • รักแห่งสยาม
    เข้าฉายปี 2007
    แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
  • Harry Potter and the Chamber of Secrets
    เข้าฉายปี 2002
    แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
  • ตีสาม 3D
    เข้าฉายปี 2012
    แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Theory of Everything - สตีเฟน ฮอว์คิง พูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องจริง จึงอนุญาตให้ใช้เสียงของเขาในตอนจบ และให้ยืมเหรียญแห่งอิสรภาพ กับวิทยานิพนธ์ที่ลงชื่อ สตีเฟน ฮอว์คิง ไปใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากด้วย อ่านต่อ»
  • Jupiter Ascending - แชนนิง เททัม ต้องสวมอุปกรณ์บริเวณปากที่ทำให้ลักษณะของขากรรไกรของเขาเปลี่ยนไป เพื่อรับบท เคน อุปกรณ์ชิ้นนั้นทำให้ แชนนิง หุบปากไม่ได้ แถมยังทำให้เขาพูดลำบากอีกด้วย อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวของคนแปลกหน้า 6 คนที่พบว่าพวกเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม พวกเขาจะต้องใช้สมองเพื่อค้นหาเบาะ...อ่านต่อ»