เจ้ย เปิดใจกว่าจะเป็น สัตว์ประหลาด! ภาพยนตร์ จูรี่ ไพรซ์
"สัตว์ประหลาด!" ภาพยนตร์เรื่องแรกของประเทศไทยที่ได้รับรางวัล จูรี่ ไพรซ์ ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ โดย "เจ้ย" อภิชาติพงศ์ วีระเศรฐกุล เจ้าของผลงานเรื่องนี้ หลังจากได้รับรางวัลก็ได้กลับมาจัดงานแถลงข่าวขึ้นที่ตึก จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ณ ห้องออดิทอเรี่ยม ชั้น 21
"เรื่องนี้ผมใช้เวลาในการหาทุนเพื่อสร้างหนังนานถึง 2 ปี ซึ่งยากลำบากมากกว่าที่จะได้มา เนื่องจากหลังจากที่หนังเรื่อง สุดเสน่หา ได้รางวัล ก็มีต่างประเทศเสนอที่จะให้ทุนกับเรื่อง สัตว์ประหลาด 2 ประเทศ แต่มีบริษัทหนึ่งในประเทศไทยเรียกเข้าไปคุยบอกว่าจะเป็นผู้ลงทุนให้ ผมก็เลยตกลง แต่พอมาทีหลังทางบริษัทกลับบอกยกเลิกโครงการ ผมก็เลยต้องหาสปอนเซอร์ใหม่ พอกลับไปสองประเทศที่เคยเสนอมา เค้าก็บอกว่าเราไปหาเค้าช้าไปแล้ว เค้าลงทุนให้กับหนังเรื่องอื่นไปแล้ว ผมก็เลยต้องเริ่มตั้งต้นหาใหม่เองทั้งหมด" คุณเจ้ยได้กล่าวถึงอุปสรรคสำคัญในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้
ชาวต่างชาติชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ไหม
"มีทั้ง 2 ฝ่าย คือดูหนังเราไม่จบเพราะไม่เคยชินบ้าง ส่วนที่รับไม่ได้ก็โห่กันบ้าง ซึ่งมันเป็นวัฒนธรรมของคานส์อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ชอบและสนใจหนังแนวนี้"
ทำไมคิดทำภาพยนตร์แนวนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะไม่ทำเงิน
"จะบอกว่าไม่ทำเงินก็ไม่ได้นะครับ เพราะผมเป็นนักทำหนัง การทำหนังที่ดีที่สุดของผมคือเป็นผู้กำกับที่ดีที่สุด ในการหาทุน หาโปรดิวเซอร์มาร่วมทำหนัง เค้าก็ต้องดูแล้วว่า สัตว์ประหลาด มีอัตราการเสี่ยงน้อยในต่างประเทศจึงตัดสินใจร่วมงานด้วย คืออยากจะบอกว่าหนังเรื่องนี้มันต้องดูด้วยใจ เพราะหลายคนเข้าไปดูแล้วบอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่รู้สึกว่าได้อะไรบางอย่างติดตัวกลับไป ภาพในหนังมันติดอยู่ในหัวกลับไปด้วย"
คิดว่าจะช่วยพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทยได้อย่างไรบ้าง
"คงจะเป็นด้านกำลังใจมากกว่า รุ่นน้องๆ คงคิดว่าเออทำไมง่ายจัง ใครๆ ก็ทำได้ อะไรประมาณนี้ อีกทางก็คือ เรียกร้องความสนใจจากรัฐบาลให้หันมาดูว่า ศิลปะ กับ การค้า มันต้องไปด้วยกัน คือผมดูบูธหนังไทยที่คานส์แล้วขอบอกว่า ผมอายเพราะรัฐบาลไทยเน้นไปทางด้านการค้าทั้งหมด เพราะรัฐบาลเราคิดว่าหนังที่ขายได้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ผมถึงเน้นตลอดว่าตั้งคนที่ไม่เหมาะสมกับหน้าที่เข้ามาทำงาน เพราะถ้าคุณได้คนที่เหมาะสม หนังบ้านเราจะก้าวหน้าไปมาก ที่ผมพูดอาจจะแรงไป แต่ก็คิดว่าสมควรที่จะพูด"
แล้วอยากได้อะไรจากรัฐบาลบ้าง
อย่างแรกเลย คือ บุคลากร อยากได้คนที่มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ หลังจากได้บุคลากรก็ต้องมาดูกันที่นโยบายว่าจะเน้นสนับสนันไปที่จุดไหนบ้าง และเรื่องการเซ็นเซอร์ การแบ่งเรตติ้ง การลงทุน การจัดเทศกาลภาพยนตร์ ผมคิดว่าแค่นี้ก็หนักมากแล้วสำหรับรัฐบาล แต่เราก็น่าที่จะเริ่มทำกันได้แล้ "
ขณะนี้มีประเทศใดที่สนใจซื้อ สัตว์ประหลาด! ไปแล้วบ้าง
" ็มีหลายประเทศครับ เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ ญี่ปุ่น คือเราได้ตัวแทนขายที่ดีอย่าง เซลลูลอยด์ ดรีม (Celluloid Dream) ซึ่งถนัดที่จะขายหนังแนวนี้อยู่แล้ "
ก้าวต่อไปอยากทำอะไรอีกบ้าง
" ้านหนังก็จะมีหนังเพลงกึ่งสารคดี และหนังแนววิทยาศาสตร์ คือจะเป็นเรื่องภาคที่ 3 ต่อจากสัตว์ประหลาด ต้องหาผู้ร่วมลงทุนก่อนเพราะต้องใช้ทุนมา "
หนังเรื่องต่อๆ ไปจะทำภาพยนตร์ที่ดูง่ายหรือไม่
" รื่องที่จะทำเงินหรือไม่ ผมคงบอกไม่ได้ เพราะมันอยู่ที่คนดูว่าจะมาดูหนังเราหรือเปล่า แต่ในโครงการต่อไปของผมมันเป็นหนังเพลง และยังเป็นเรื่องแรกที่ผมใช้นักแสดงอาชีพมาเล่น เพื่อเป็นพาหนะจูงคนดูให้เข้ามาดูหนังของเร "
คิดว่าจะให้ใครมาแสดงบ้าง
" ยากได้คุณเพชรา เพราะรู้สึกเสียดายบุคลากรคนนี้ ผมว่าการกลับมาเล่นหนังมันจะช่วยบำบัด และอาจจะทำให้เค้ามั่นใจในตัวเองมากขึ้น และอีกคนที่อยากได้มาร่วมงาน คือ อุ้ม สิริยากร ผมว่าเค้าเป็นคนที่เปิดรับดีครับ เคยเจอกันที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ปีที่แล้วก็คุยกันเล่นกัน รู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่ยอมรับอะไรใหม่ๆ ได้ดี
ผมรู้สึกว่าวงการหนังบ้านเราคงต้องปรับความคิดกันหน่อยในเรื่องเซ็กซ์ อย่างที่เราไปยืนดูภาพผู้หญิงยุโรปแก้ผ้ายังไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย เพราะเราเห็นกันจนชิน ก็เลยจะมีการเรียกร้องจากรัฐบาลในเรื่องเหล่านี้บ้าง คือเราเสียภาษีเพื่อนเป็นเงินเดือนให้เค้า ไม่ใช่จะมาบังคับกำหนดอะไรมากจนเกินไป"
สำหรับผู้ที่สนใจภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถชมได้ที่โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เอกมัย และโรงภาพยนตร์สยาม ตั้งแต่ 24 มิ.ย. นี้เป็นต้นไป