บทสัมภาษณ์ สุรพงษ์ พินิจค้า ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ทวิภพ
บทสัมภาษณ์ น้าแกละ หรือ สุรพงษ์ พินิจค้า ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เนรมิตบทประพันธ์ ทวิภพ ของ ทมยันตี ให้กลับมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอีกครั้ง หลังจากใช้เวลาสร้างราว 2 ปี
จุดเริ่มต้นของ ทวิภพ
"ผมทำหนังมานานแล้ว แต่ไม่เคยบอกใคร ผมทำหนังสั้นตามแบบที่ผมชอบ และไม่เคยคิดว่าต้องทำหนังเพื่อลงฉายในโรง จนวันนึงคุณอังเคิลมาคุยด้วยว่าอยากให้ทำหนังให้ ตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยว่าจะทำอะไร คุยกันอยู่หลายครั้ง หลายรอบ จนกลายมาเป็นเรื่องทวิภพ
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่า ทวิภพในเวอร์ชั่นของผมจะไม่เหมือนทวิภพที่ผ่านมา เราหยิบยกบทประพันธ์อันมีค่าของทมยันตีมาใช้ ซึ่งเราขอใช้คำว่าแรงบันดาลใจจากบทประพันธ์เรื่องนี้ ผมชอบแก่นของบทประพันธ์ที่ว่า ตัวละครเอกของเรื่อง คือ มณีจันทร์มีโอกาสพิเศษสามารถข้ามผ่านกาลเวลาไปอีกภพหนึ่งได้ เราจึงเริ่มดำเนินการสร้างทวิภพในเวอร์ชั่นนี้ขึ้น โดยเราจะเรียกกันอีกแบบหนึ่งว่า เป็นการเดินทางครั้งใหม่ของมณีจันทร์
ระยะเวลาการทำงานยาวนานมาก รวมถึงงบการสร้างด้วย
" งต้องใช้คำนั้นสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับผมมันไม่ได้ยาวนานเลย มันเป็นการเรียนอย่างหนึ่ง ที่พิเศษสุดๆ เริ่มรีเสิร์ชข้อมูล ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้เวลานานที่สุดเป็นปี มีข้อมูลที่น่าสนใจเยอะจนเราเสียดายที่จะไม่รีเสิร์ช ถ่ายทำจริงประมาณ 6-7 เดือนนะ แล้วก็มารวมขั้นตอนการตัดต่อ การทำกราฟฟิกต่างๆ ลงเสียง ก็ราว 2 ปีกว่าได้
ส่วนงบค่อนข้างสูงประมาณ 100 ล้านได้ เห็นคุณอังเคิลเขาว่าอย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าการทำหนังเรื่องนึงเราต้องใช้งบเท่าไหร่ เรารู้เพียงว่าเราทำหนังแล้วต้องทำให้มันสมจริงทุกอย่าง ทุกฉากในทวิภพ คุณจะเห็นถึงสภาพชีวิตที่แท้จริงของชาวสยามในสมัยก่อน และเมื่อย้อนเวลากลับมาปัจจุบัน ก็คือปัจจุบันที่คุณจับต้องได้ เพราะเหตุนี้คงเป็นสาเหตุของงบที่ค่อนข้างสูง
ทำวิจัยนาน เป็นเพราะเพิ่มส่วนที่เป็นประวัติศาสตร์เข้าไปหรือเปล่า
"เรื่องมีอยู่ว่า คุณหลง ปรามินทร์ ที่เขียนบทร่วมกับผม เขาไปเจอเรื่องราวสมัยร.4 ที่น่าสนใจแล้วเป็นเหตุการณ์สำคัญๆ ของสมัยนั้น เขาบอกว่าอันนี้ก็น่าสนใจ อันนี้ก็เรื่องจริง น่าเอามาใช้ได้ กลายเป็นว่าเราก็สนใจและเริ่มมองทวิภพในแนวของเราแล้ว เป็นแบบที่ไม่เหมือนใคร เหตุการณ์ต่างๆ มีเพิ่มขึ้น คือ ตัวละครมณีจันทร์จะพาผู้ชม พาคนดูข้ามเวลาไปเจอกับเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ ซึ่งบางคนไม่เคยรับรู้ และหนังของผมจะมีความเป็นจริงของเหตุการณ์อยู่เยอะ ทุกอย่างคือความจริง"
เจ้าของบทประพันธ์ว่าอย่างไร
"ตอนแรกก็ไม่พอใจมาก ถึงขนาดโกรธเลยก็ว่าได้ แต่สุดท้ายผมก็เข้าไปคุยกับคุณทมยันตีเคลียร์ปัญหาคาใจทุกอย่าง แกได้ดูหนังแล้วในเวอร์ชั่นของผม มีทั้งตอนที่ไม่ชอบและชอบ ตอนที่ชอบก็เป็นฉากเกี่ยวกับความรัก ฉากกุ๊กกิ๊กของพระเอกนางเอก ซึ่งมันตรงใจแกมาก ผมรับรองกับแกว่าจะไม่ทำให้ชื่อของทมยันตีเสียหายแน่นอนกับหนังเรื่องนี้"
ส่วนของนักแสดงที่คัดเลือกมา
"ทุกตัวคือตัวเลือกที่ยากมาก เพราะผมไม่อยากได้นักแสดงที่เป็นดารามาก่อน ไม่อยากได้คนที่หน้าเดิมๆ ฝ่ายคัดเลือกของเราเลยต้องทำงานหนัก โจทย์ยากเพราะผมไม่มีบทให้ดูก่อนด้วย ต้องจินตนาการไปพร้อมๆ กับผม จนสุดท้ายมาจบที่ ฟลอเรนซ์ และ เอก รังสิโรจน์ เขามีความสด มีความใหม่ และมีคาแร็กเตอร์ที่เป็นตัวเองสูง เขาไม่ใช่ดารา ซึ่งผมชอบ เพราะเมื่อเขามาเป็นมณีจันทร์ก็ต้องเป็นในแบบของเขา ไม่ใช่เลียนแบบใคร เป็นหลวงเทพในอย่างที่เขาคิด
สรุปว่านักแสดงที่คัดมาถูกใจแล้ว
คงต้องบอกว่าอย่างนั้น เพราะเขาสามารถตอบโจทย์ที่ยากของผมได้ เราให้เขาเรียนประวัติศาสตร์ก่อน 4 เดือน ให้เขาเรียนขี่ม้า เรียนเต้น ทาตัวดำ ต่อเล็บ ทำทุกอย่างเพื่อความพร้อม และเขาก็สนุกไปกับเรา เดินตามทางของทวิภพ ค่อยๆ ผ่านเวลาไปกับเรา
มีเรื่องโรแมนติกด้วยหรือเปล่า
" มยังยืนยันว่าทวิภพของผมเป็นหนังรักนะ เพียงแต่มันมีองค์ประกอบที่สำคัญและน่าสนใจมากขึ้น เรื่องราวความรักเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในหนังเรื่องทวิภพอยู่แล้ "
คาดหวังอย่างไรบ้างจากผู้ที่ได้ชมทวิภพในเวอร์ชั่นนี้
" ำถามนี้มันตอบยาก เพราะลึกๆ แล้วเมื่อเราสร้างงานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง มันต้องออกสู่สายตาประชาชน มันก็ต้องอยากให้คนชอบ แต่ผมก็ตอบลำบาก เพราะคนดูมันมีหลายมุมมองมาก บางคนดูแล้วไม่ชอบ บางคนดูแล้วชอบเลยก็มี แต่สิ่งแรกที่เขาต้องได้จากทวิภพ คือความบันเทิง ทวิภพจะบอกเราได้ว่าอดีตกับปัจจุบันมันไม่ได้ห่างไกลกันมาก ทุกนาทีที่ผ่านไปก็กลายเป็นอดีตแล้ว"