บทสัมภาษณ์ พิม นางเอกสาวจากเรื่อง คนบาป พรหมพิราม
หลังจากเปิดตัวกับภาพยนตร์เรื่องแรก ขุนแผน กับบทบาทของ สายทอง พี่เลี้ยงของพิมพิลาไลย เมื่อปี พ.ศ. 2545 ที่ผ่านมา พิม - พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์ มิสมอเตอร์โชว์ปี พ.ศ. 2543 กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ให้เห็นกันอีกครั้งในเรื่อง คนบาป พรหมพิราม ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย มานพ อุดมเดช ซึ่ง พิม ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ว่า
เริ่มเข้าสู่เส้นทางการทำงานด้านวงการบันเทิงได้อย่างไร
"หลังจากเรียนจบก็อยากจะทำงานวงการบันเทิง สิ่งแรกที่ใฝ่ฝัน คือ อยากร้องเพลง ก็ลองส่งเดโมเทปไป แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ จึงไปเรียนร้องเพลงอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลาว่างหลังจากตอนเลิกงาน ตอนนั้นทำงานอยู่ธนาคารออมสิน หลังจากนั้นก็ส่งเดโม่ไปอีกรอบก็ผ่านที่แกรมมี่ เขาให้เรียนร้องเพลงปีกว่าๆ (เรียนมาพร้อมกับ ดราก้อน 5) และส่งตัวเข้าประกวดมิสมอเตอร์โชว์ กำลังจะเข้า แกรมมี่ โกลด์ แต่หมดสัญญาก่อน หลังจากนั้นคือหายไปพักหนึ่ง พอดี ตั๊ก (บงกช คงมาลัย) บอกว่ากำลังจะมีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งของพี่ปื้ด อยากจะให้ลองมาแคสติ้งดู แคสขุนแผนได้ จึงเลือกแสดงภาพยนตร์"
เข้ามาสู่ภาพยนตร์เรื่อง คนบาป พรหมพิราม ได้อย่างไร
"พี่ป๊อก - พิมพ์ทิพย์ สัตย์เทรัตน์ทราย พี่ที่แคสติ้งให้กับภาพยนตร์เรื่อง ขุนแผน เขาทราบข่าวก็เรียกเข้าไปทดสอบบท เขาเป็นคนแนะนำให้ไปบริษัทพร้อมมิตร พี่เขาบอกว่าทางนี้กำลังเปิดแคสติ้งนักแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่อยู่ ให้พิมมาลองแคสติ้งดู และหลังจากแคสติ้งเสร็จแล้วทางทีมงานก็คัดให้เหลือ 1 ใน 5 แล้วก็มีทีมงานคัดเลือกอีกรอบหนึ่ง"
มีเหตุผลอะไร ที่รับแสดง คนบาป พรหมพิราม
"บทที่แสดงเป็นตัวนำของเรื่องค่อนข้างท้าทาย ที่แรกคิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่ไม่เข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ด้วยซ้ำ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ยิ่งมารู้ภายหลังยิ่งดีใจว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในความดูแลของ 2 ค่ายใหญ่ คือ บริษัทสหมงคลฟิล์ม และบริษัทพร้อมมิตร ของท่านมุ้ยด้วย โดยการกำกับการแสดงคุณอามานพผู้กำกับชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ที่มาผลงานคุณภาพมาหลายเรื่อง ยิ่งภูมิใจมากเข้าไปอีก"
บทบาทที่ได้รับในเรื่อง มีลักษณะเป็นอย่างไร
"จะเป็นลูกจ้างร้านตัดเสื้อ วังทองภูษา เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 23-25 ปี สติไม่สมประกอบเหมือนคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่หน้าตาดีรูปร่างเป็นที่สนใจเพศตรงข้าม มีอาการเศร้าซึมตลอดเวลาเพราะถูกสามีทิ้ง มีลูกชาย 1 คน อายุ 4 ขวบ"
ตัดสินใจนานไหมในการรับแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้
"ตอบตกลงเลย เพราะเป็นบทที่ค่อนข้างท้าทาย พิมบอกว่าไม่เป็นไรไม่ได้เงินพิมก็จะเล่น เพราะชอบแล้วพอได้มาคุยกับหม่อมกมลา ก็รู้สึกดี เพราะท่านสนใจในทุกๆ เรื่องของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร่างกาย ดูแลรักษาตัวเอง แค่นี้ก็รู้สึกภูมิใจที่ได้มาแสดงตรงนี้ ตอนนั้นพิมอ้วนมาก น้ำหนัก 60 กิโล ท่านเลือกมาเล่นขนาดอ้วนนะ จึงพยายามทำให้ได้ ทำให้ท่านสมหวังอย่างที่ท่านตั้งใจ หม่อมกมลาก็ส่งคนมานวด เพื่อลดความอ้วนให้ที่บ้าน ดูแลเรื่องอาหารการกิน เพราะเดี๋ยวเข้าฉากแล้วจะบวมใหญ่ไป ซึ่งต้องกราบขอบคุณท่านมากๆ ที่ท่านเมตตา ขนาดนี้"
กว่าจะได้เริ่มแสดงจริงๆ มีเรียนการแสดงด้วยหรือเปล่า
"เรียนค่ะ ซึ่งก็มีทีมงานจาก พี่ภู่ - บุญส่ง นาคภู่ จากกลุ่มคัดเลือกนักแสดงมันตา และครูหนืด -นิมิตร พิพิจกุล ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่สอนการแสดงพระเอก ชื่อชอบ...ชวนหาเรื่อง ใหม่ - สิทธา เลิศศรีมงคล ตอนนั้นพิมได้เรียนกับพี่ภู่เป็นหลัก พี่เขาไม่ดุ แต่จะเงียบๆ
มีการเตรียมตัวในการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้อย่างไรบ้าง
" ลังจากทีมงานสอนแอคติ้งแล้ว พี่ๆ ทีมงานก็ให้ไปทำการบ้านมา พิมก็ต้องไปทำการบ้านว่าชีวิตของผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เล็กจนโตขึ้นมาเป็นอย่างไร เขาถึงเป็นคนลักษณะแบบนี้ ทำไมถึงโดนไล่ออกจากบ้าน ต้องไปศึกษาจากคุณหมอตามโรงพยาบาลหลายโรงพยาบาล ตอนแรกมาเล่นก็รู้สึกงงว่ายากขนาดนี้เลยหรื "
คิดว่าบทที่ได้รับนี้น่าสนใจตรงไหน
" ป็นบทที่สนใจ และน่าค้นหา เพราะถ้าเป็นนักแสดงหน้าใหม่อย่างพิม ก็คิดว่าคงมีสักไม่กี่คนแน่ๆ ที่จะได้รับบทแบบนี้ เหมือนกับ ทราย (จากล่า) และพี่สินจัย (จากนวลฉวี) ที่เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยเรื่องของผู้หญิงเหมือนกันที่ส่งให้พี่เขาเกิด ก็ถือว่าภูมิใจที่ได้แสดงเรื่องนี้ แล้วได้บทแรงๆ ทำให้เราใช้ความสามารถได้เต็มที่ ไม่ใช่แค่ว่าแสดงเรื่องสองเรื่องเพราะหน้าต "
มีเทคนิคการแสดงที่ดึงมาใช้บ่อยๆ อะไรบ้าง
" ่อนอื่นเลย เราต้องทำการบ้าน ต้องเตรียมงานว่าเล่นซีนไหน ฉากไหนแต่งชุดยังไง ทำตัวอย่างไร ท่องบทมาให้เรียบร้อย พอเข้ากองอารมณ์ต้องได้ เราต้องเตรียมตัวก่อนการทำงานทุกครั้ง บางทีสิ่งของอะไรที่ใช้ก็เตรียมมาเอง ซึ่งนั่นคือหน้าที่ของนักแสดงที่ต้องมีความพร้อมก่อนการแสดง หรืออย่างบทก็ต้องมีการซ้อมมาก่อนเป็นอย่างดี เวลามาจะเป็นการเข้าฉากซ้อมกับนักแสดงท่านอื่นๆ มากกว่ "
เคยดูผลงานเรื่องก่อนๆ ของอามานพบ้างหรือเปล่า
" อนที่รู้ว่าจะได้ร่วมงานกับอา ก็ไปดูภาพยนตร์เรื่องก่อนๆ ของอา เช่น กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน หรือ หย่าเพราะมีชู้ เพื่อดูว่าภาพยนตร์ที่อากำกับส่วนใหญ่เป็นแนวไหน จะได้ร่วมงานกันง่ายขึ้น อาเป็นคนน่ารักง่ายๆ การกำกับหนังดีเป็นไปตามขั้นตอน ตั้งใจทำงาน สำหรับทีมงานในกองน่ารักทุกคนค่ะ ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี เพราะถึงแม้จะผ่านมางานมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเก่งกาจอะไร ก็ต้องให้พี่ๆ ทีมงาน และคอยคำชี้แน "
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ใช้ระยะเวลาในการถ่ายทำนานไหม
" ริ่มประมาณพฤษภาคม 2545 ซึ่งช่วงระยะเวลานั้นก็เป็นช่วงหน้าฝนบ้างแล้ว การทำงานและการถ่ายทำก็ ยากพอสมควร จึงทำให้ปิดกล้องล่าช้ามาก เลยมาถึงประมาณเดือนมกราคม 2546 ซึ่งกว่าจะทำดนตรี และตัดต่ออีก ได้ฉาย 25 กรกฏาคมนี้ 2546 ถือว่าทำงานช้าหรือเปล่านั้น เพราะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างรวมไปถึงความปราณีตของผู้กำกับอย่างอามานพที่ไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ ก็ถือว่าไม่ช้านะค่ะ รวมๆ แล้วก็ 1 ปีกับอีก 2 เดือนเอ "
ในฐานะนักแสดง คิดว่าเรื่องนี้ต้องการนำเสนอมุมมองอย่างไง
" รื่องราวที่เกิดขึ้น เคยเป็นคดีที่สะเทือนขวัญคนไทยมาเมื่อ 20 กว่าปีก่อนของผู้หญิงคนหนึ่ง การดำเนินเรื่องก็ยังจับคนร้ายเข้าคุกไม่ได้ เพราะมีอำนาจมืดแฝงอยู่ทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นใครทำบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เลยต้องมีสื่อมวลชนเข้ามาช่วยกระพือข่าวจนจับได้ อยากจะเรียกร้องตรงนี้ด้วยอย่างที่อามานพทำขึ้นมา เพื่อเรียกความเป็นธรรม และให้ผู้หญิงระวังตัว เพราะเขาไม่ใช่ลูกผู้ดีมีเงินจากไหน เขาเป็นแค่คนจนๆ พอเขาตายไปก็เหมือนแบบไม่มีใครสนใจ และยังเป็นแง่คิดอุทาหรณ์สอนใจหญิงไทยยุคใหม่ให้ระวังภัยใกล้ตัวด้วย
เคยทราบข่าวมาก่อนบ้างหรือไม่ว่าสำเนียนมีชะตากรรมอย่างไร
"บางแห่งก็บอกว่าเธอบ้า บางแหล่งก็บอกว่าไม่บ้า คือบ้าในลักษณะของไอคิวต่ำ และคิดมาก อาจจะประสาทมากกว่า ไม่ใช่เป็นบ้าโวยวาย เครียดนิ่งๆ แต่ในรายละเอียด คือเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ต่างจังหวัด ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร อยู่ในอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก แต่งงานมีลูกคนหนึ่ง ทางแม่ผัวไม่ชอบเขา เพราะเป็นสะใภ้ที่ไม่มีอะไร สามีไปทำงานต่างจังหวัดทิ้งบ้านไว้
ความที่เบื่อผู้หญิงคนนี้ แม่ผัวเขาก็เอาไปปล่อยโดยฝากไปกับสิบล้อ บอกให้พาไปอุตรดิตถ์เพื่อไปหาสามีหน่อย พวกสิบล้อข่มขืนแลกค่าขึ้นรถ พอข่มขืนแล้วสิบล้อก็ปล่อยลงข้างทางไม่ได้พาไปอุตรดิตถ์ ผู้หญิงคนนี้ก็ขึ้นรถไฟจะไปอุตรดิตถ์ แต่รถไฟก็ไล่ลงเพราะไม่มีเงิน ก็ไล่ลงที่สถานีพิษณุโลก แล้วเจอข่มขืนภายในคืนเดียวกัน และฆ่าทิ้งวางไว้ที่รางรถไฟให้รถไฟทับเพื่อเป็นการอำพรางคดี แล้วกุเรื่องว่าผู้หญิงคนนี้เป็นบ้าไปนอนให้รถไฟทับเอง
แต่ความจริงเกิดร่องรอยข่มขืน สาวไปสาวมาข่มขืนตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ไปถึง 20 กว่าคน รวมทั้งหมอประจำตำบลก็ข่มขืนเขา พิมมองว่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นก็คงจะมี 1 ใน 100 จากเหตุการณ์เหล่านี้ ถือว่าสลดใจมาก"
ช่วยเล่าให้ฟัง ถึงฉากที่โหดๆ ให้ฟังหน่อยได้ไหม
"โอ๊ย! เยอะมาก หลายครั้งเลย มีฉากที่ต้องวิ่งตามรถไฟ เป็นฉากที่ขึ้นรถไฟแล้วสำเนียนต้องโดนกระชากลงมา ฉากนี้คุณพ่อของพิมก็อยู่ด้วย แต่ไม่ให้พ่อดูเวลาถ่ายจะเขิน จะให้พ่อไปแอบปะปนกับฝูงชน ระหว่างที่พิมโดนกระชากลงจากรถไฟเสร็จ ต้องร้องไห้วิ่งตามรถไฟแล้วมันหลายเทค เพราะหลายมุมกล้อง ก็มีคนแก่คนหนึ่งเขาอิน เขาเห็นแล้วเขาบอกว่า ทำไมต้องทำร้ายเขาด้วย ทำไมต้องดึงเขาลงมาด้วย ด่ากลางสถานที่ถ่ายทำยกใหญ่เลย คุณพ่อบอกว่า เห็นเขาทนดูไม่ได้ เขาโมโหจัดเดินกลับบ้านไปเลย"
ส่วนใหญ่ได้เข้าไปถ่ายทำในสถานที่จริงหรือไม่
"เปล่าค่ะ เพราะสถานที่จริง คนที่ข่มขืนบางคนก็พ้นโทษออกมาบ้างแล้ว ไปถ่ายที่นั่นไม่ได้ เดี๋ยวโดนยำ (หัวเราะ) ก็เลยไปถ่ายที่อุตรดิตถ์"
ผู้ชมจะได้อะไรกลับไปจาก คนบาป พรหมพิราม
"ได้รู้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ เป็นอุทาหรณ์สอนตัวเองว่าอย่าไปไว้ใจคน อย่าเชื่อคนง่ายค่ะ"