แม็ทชิ่งฯ เปิดตัวหนัง ซี-อุย พร้อมดึง ไทฯ ร่วมจัดจำหน่าย
สั่งสมประสบการณ์และสร้างชื่อเสียงในวงการโฆษณามาถึง 10 ปี สำหรับ แม็ทชิ่ง สตูดิโอ จนถึงเวลาที่มีความพร้อมในทุกด้าน จัดแถลงข่าวเปิดตัวบริษัท แม็ทชิ่ง โมชั่น พิคเจอร์ ที่เปิดขึ้นมาเพื่อทำภาพยนตร์ไทยโดยเฉพาะ กับโครงการยักษ์ ซี-อุย ผลงานการกำกับโดย 2 ผู้กำกับชื่อดังของวงการภาพยนตร์โฆษณา หนูเล็ก - บุรณี รัชไชยบุญ และ ดาว - นิดา สุทัศน์ ณ อยุธยา นำแสดงโดย ต้วนหลง รับบท ซี-อุย, นก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช รับบท สันติ, ครีม - เปรมสินี รัตนโสภา รับบท ดารา, โกวิท วัฒนกุล รับบท เฮ็ง โดยได้ วิสูตร พูลวรลักษณ์ แห่งค่าย ไท เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้
ต้วนหลง รับบท ซี-อุย "กับบทนี้รู้สึกท้าทายมากและตกใจมาก เพราะไม่นึกว่าซี-อุยเป็นคนบาปของสังคมไทย เป็นฆาตกรที่รู้จักกันทั่ว และในฐานะที่ผมเป็นคนจีนคนหนึ่ง ผมอยากจะขอโทษคนไทยเป็นอันดับแรกเลยครับ ก่อนที่จะมาร่วมงานเรื่องนี้ ผมเรียนจบทางด้านละครเวทีและอยู่บนเวทีละครมา 9 ปีเต็ม เป็นนักแสดงอาชีพจากปักกิ่ง ทำให้พื้นฐานและเทคนิคในการแสดงของผมมั่นคงและมั่นใจว่าทำได้ดี แต่มีความกดดันทางด้านสภาพแวดล้อมของต่างแดน ด้านภาษาและทีมงานที่ต่างกัน
ยิ่งกว่านั้น คือ ผมจะต้องเล่นกับคาแรคเตอร์ของซี-อุย ผมต้องพยายามทั้งอารมณ์ จิตใจ และความรู้สึกที่ถ่ายทอด โดยเฉพาะต้องแสดงออกถึงความคิดความอ่านของผู้กำกับ ตากล้อง และทีมงานที่มีคุณภาพแบบนี้ ผมทุ่มเทใช้เวลามากในการอ่านบททำการบ้าน เพื่อจะมาถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก ความกดดันของตัวละครตัวนี้ออกมาให้ได้ ซี-อุยที่ผู้กำกับตีความนี้เป็นอาชญากรจากคนรอบข้าง สังคม ญาติ เพื่อนฝูง ทุกคนมีส่วน คนเราไม่มีใครทำชั่วร้ายมาตั้งแต่เกิด มันมีเหตุมีผลที่มาที่ไป ผมพยายามถ่ายทอดจากคนที่ไม่รู้อะไรเลย สดใส จนมาสู่คนที่ถูกรังแก แล้วถูกสังคมทอดทิ้ง กลายมาเป็นทำร้ายคนอื่น ซึ่งแต่ละขั้นตอนในตัวละครนี้ทำให้ถ่ายทอดออกมายากมาก"
นก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช "ผมรับบทเป็นสันติ เป็นหัวหน้านักข่าวอาชญากรรม ซึ่งเป็นหัวหน้าของ ครีม เปรมสินี ตัวสันติจะค่อนข้างเห็นแก่ตัวในตอนแรก ในบทจะมีความรัก โลภ โกรธ หลงค่อนข้างเยอะ จะเน้นที่ดราม่ามากกว่า ผมเองเคยร่วมงานถ่ายภาพยนตร์โฆษณามากับพี่ดาว พี่หนูเล็ก และพี่ดอมของแม็ทชิ่งฯ มาหลายเรื่องแล้ว เป็นบริษัทที่มีผลงานคุณภาพ ทำให้เรารู้สึกมั่นใจทั้งทางตัวผู้กำกับทั้ง 2 ท่านและทางทีมงานโปรดักชั่นที่เป็นมืออาชีพ รู้ดีว่าบทที่เราได้รับดี ภาพยนตร์ที่ออกมาต้องดีแน่ๆ
ก่อนเริ่มเปิดกล้องก็มีการไปเวิร์คช็อปร่วมกัน ผู้กำกับให้ผมเปลี่ยนเล่นในหลายๆ แบบ หลากหลายอารมณ์ ซึ่งก็ดีครับ เพราะผมไม่ได้ทำเวิร์คช็อปแบบนี้มานานแล้ว พอได้เข้าไป ทำให้รู้สึกว่าเราต้องตื่นตัวและต้องทำการบ้านให้เยอะ กับตัว ซี-อุย ที่ครั้งนี้เป็นนักแสดงจีน ผมคิดว่ามันก็จะได้ทางด้านความรู้สึก เพราะจะทำให้ดูเหมือนจริงมากกว่าที่เป็นนักแสดงไทยมาเล่นนะครับ"
ครีม - เปรมสินี รัตนโสภา "ครีมรับบทเป็นดาราคะ เป็นนักข่าวอาชญากรรม ลูกน้องของ พี่นก ฉัตรชัย ตัวครีมเองต้องเตรียมตัวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เยอะมากคะ ต้องทำเวิร์คช็อปเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทและตัวละคร ต้องเรียนภาษาจีนซึ่งยากมาก ครีมจะฟังในช่วงขับรถ คือไม่ได้เปิดเพลงเลย เอาเทปภาษาจีนมาฟังตลอดให้คุ้นเคย เพราะคิวแรกที่ถ่ายก็ต้องพูดภาษาจีนเลย นอกจากนี้ก็พยายามอ่านหนังสือเกี่ยวกับฆาตกรรมเยอะๆ เพื่อให้ตัวเองรู้ข้อมูล เหมือนเป็นการซึมซับไปอีกทางหนึ่งคะ
ทางพี่ดาวกับพี่หนูเล็กไม่ได้ต้องการให้เราไปเลียนแบบท่าทางอะไรของใคร เพียงแต่ว่าอยากให้อ่านว่าตรงไหนที่ตรงกับเราและอยากให้เราแสดงออก ดึงเอาตรงนั้นมาแสดงออกในตัวละครตัวนั้นมากกว่า กับ พี่นก ฉัตรชัย ก็รู้สึกเกร็งและเป็นนักแสดงที่เราชื่นชมด้วย ดีใจมากคะที่ได้มาร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่องนี้คะ"
ดาว - นิดา สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้กำกับ เล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่เลือกถ่ายทำฉากเยาวราชถึงอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ว่า "เพราะตึกที่นี่เหมือนเยาวราชสมัยปี 2500 และที่ไม่ถ่ายในกรุงเทพฯ เพราะมีปัญหาเรื่องของเสียง และบรรยากาศ มันพลุกพล่านจอแจเกินไป ทำให้เราทำงานไม่ได้ และที่นี่ก็สะดวกมาก เงียบ ปิดถนนทั้งเส้นก็ไม่มีปัญหา รถไม่ติด เราใช้กล้องถ่ายหนังเยอะถึง 3 ตัว เพราะฉากเราเยอะและใหญ่ เวลาโคสอัพก็จะต่อเนื่องกับภาพกว้างทันที แต่ใช้งบประมาณสูงมาก แต่ดีที่เราทำงานได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอย้ายกล้องทีละตัว
สำหรับ ซี-อุย ที่ แม็ทชิ่ง โมชั่น พิคเจอร์ สร้างนั้น ไม่ได้ต้องการให้เกิดภาพและความเข้าใจซี-อุยในแบบเดิม ความตั้งใจในการนำเสนอ คือการตั้งคำถามกับเรื่องราวของซี-อุยว่า ความโหดเหี้ยมของซี-อุยเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร และทำไมซี-อุยต้องฆ่าเด็ก เป็นการตีความใหม่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย กับความเชื่อที่ว่า ซี-อุยเป็นมนุษย์กินคนที่อยู่ในความรู้สึกคนไทยมากว่า 50 ปี ซึ่งเราคิดว่าเนื้อหาที่ทำเสร็จแล้ว มันเป็นสากลพอที่จะให้เหตุการณ์วันนั้น สามารถอธิบายปรากฏการณ์สังคมวันนี้ได้ คือ ซี-อุย ยังอยู่ในสังคมไทย เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบความรุนแรง
กับการกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มีผู้กำกับ 2 คน เราจะแบ่งหน้าที่กันคือ พี่หนูเล็กดูแลเรื่องการกำกับการแสดง ส่วนพี่ดูแลเรื่ององค์ประกอบทางศิลปะ มุมกล้อง ทางด้านภาพ เราเอาจุดอ่อนกับจุดแข็งมาเจอกัน เพื่อให้ออกมาเป็นทีมงานที่สมบูรณ์คะ"
หนูเล็ก - บุรณี รัชไชยบุญ ผู้กำกับ พูดถึงนักแสดงให้ฟังว่า "ตัวซี-อุย เราอยากได้นักแสดงที่มีจิตใจและวิญญาณของนักแสดงจริงๆ ซึ่งต้วนหลงเอง เราเห็นได้ชัดตั้งแต่ทำการแคสติ้งที่ปักกิ่งแล้ว เราดูที่การแสดงเป็นหลัก การแสดงที่ต้องมีความเข้าใจในตัวละคร และมีความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ได้จริงๆ เรามองหาคนที่ดูนิ่ง แต่ว่าเมื่อจะต้องมีเรื่องของอารมณ์และการแสดงที่รุนแรง มันจะดูน่าสนใจกว่าที่จะนำคนที่หน้าตาน่ากลัวมาแสดงบทที่รุนแรง
โดยตัวนักแสดงจีนเองเขามีพื้นฐานดีมาก ในเรื่องจะมี 3 คนที่มาจากเมืองจีนเป็นนักแสดงอาชีพจากปักกิ่ง คือตัวซี-อุย แม่ของซี-อุย และนายสิบทหาร ตอนที่ซี-อุยประจำการอยู่ในสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น และเป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาเหล่านั้น เพราะเขาทำการบ้านมาดี ก่อนเขาเข้าฉากจะทำความเข้าใจ ตีความในบทของเขา ซ้อมมาให้ผู้กำกับดูและเราเข้าไปกำกับอีกทีหนึ่ง ทำให้ได้งานที่เร็วและดี ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับนักแสดงร่วมและทีมงาน"
ตี๋ - สมชาย ชีวสุทธานนท์ โปรดิวเซอร์ กล่าวว่า "ผมมั่นใจมาก เพราะเรามีพี่ดาวและพี่หนูเล็กมารวมตัวกันนี่คือ Match แรก ซึ่งผมเชื่อในศักยภาพของผู้กำกับ 2 ท่านนี้ และ Match ที่ 2 คือ แม็ทชิ่ง โมชั่น พิคเจอร์ ในด้านโปรดักชั่นที่ดีเป็นมืออาชีพ Match ที่ 3 คือคุณวิสูตร จาก ไท เอ็นเตอร์เทนเมนท์ 3 กำลังนี้เป็นขุมกำลังที่ดีที่สุด คิดว่าซี-อุย เป็นอะไรที่ลงตัวที่สุด นี่คือที่มาของต้นเรื่อง ซี-อุย สำหรับเป้าหมายการทำหนังไทยของเราก็คือ เพื่อเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้สามารถแข่งขันกับตลาดต่างประเทศได้
เราตั้งเป้าไว้ว่าหนังไทยภายใต้การทำงานของ แม็ทชิ่ง โมชั่น พิคเจอร์ จะต้องสามารถดึงพันธมิตรจากต่างชาติให้มาร่วมลงทุน รวมทั้งเป็นอีกช่องทางการทำตลาดหนังไทยของบริษัทในการที่จะขยายโอกาสไปฉายยังต่างประเทศ หนังไทยที่เราวางไว้ปีละ 3 เรื่อง นอกจากเรื่อง ซี-อุยแล้ว ก็มีทั้งเป็นของผู้กำกับแม็ทชิ่งเอง และจากที่อื่น แต่จะเป็นงบประมาณที่ต่ำกว่าเรื่องนี้"
วิสูตร พูลวรลักษณ์ ผู้จัดจำหน่าย กล่าวว่า "ถ้าพูดถึงความมั่นใจต้องบอกว่าตอนนี้เกินร้อยแล้ว คือโดยส่วนตัวแล้วผมทำหนังมาร่วม 20 ปี ยังไม่เคยเห็นหนังที่มีงานสร้างดูดี ดูลงตัวขนาดนี้ อันนี้ไม่ได้ชม แต่พูดจากใจจริง เพราะผมรู้สึกว่า โดยมาตรฐานงานสร้างเรื่องนี้พูดได้เลยว่าเกินมาตรฐานหนังไทยโดยทั่วไป
ผมได้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดจำหน่ายหนังเรื่องนี้ เพราะว่า 2 อย่างครับ คือ อย่างแรก ผมมองเรื่องความแตกต่างว่า ซี-อุย ฉบับนี้มีความแตกต่างจากของเดิมค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นฉบับภาพยนตร์หรือฉบับละครที่เคยสร้างกันมา และอย่างที่ 2 ที่ผมค่อนข้างชอบมากๆ คือเรื่องของการตีความ โดยเนื้อหาที่พูดถึงชีวิตของ ซี-อุย ที่จับต้องได้ ซึ่งผมยังไม่เคยเห็นในบทภาพยนตร์เรื่องไหนมาก่อน ผมชอบคำพูดคุณตี๋อยู่คำหนึ่งว่า มันเหมือนหนังเรื่องนี้เป็นตัวแทนของคนไทย นำไปอวดต่อชาวตลาดโลกได้ ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้ครับ"
ซี-อุย เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกของ บริษัท แม็ทชิ่ง โมชั่น พิคเจอร์ จำกัด โดยมี ไท เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เป็นผู้จัดจำหน่าย ใช้งบประมาณในการสร้าง 45 ล้านบาท ใช้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ 15 ล้านบาท และคาดว่าจะปิดกล้องในเดือนพฤษภาคม 2546