วิจารณ์ Gone Girl
-
pHqghUme
(เลขที่ 468533)
เมื่อ 1 ส.ค. 67 21:24
1BESdyaT4gO
-
QPbmCRVM
(เลขที่ 261213)
เมื่อ 11 พ.ค. 67 15:29
1DpsZF54plO
-
iamคนติดหนัง
(เลขที่ 155368)
เมื่อ 26 ธ.ค. 57 23:55
สนุกใช้ได้ เนื้อหาน่าติดตาม บทหนังกลมกล่อมดีมาก
ปมปริศนาเยอะมากชวนให้ลุ้น 2 ชม.ครึ่ง ไม่เบื่อเลย
ส่วนตัวให้ 8.5 / 10 -
iview
(เลขที่ 298782)
เมื่อ 1 พ.ย. 57 01:16
สนุกดีนะ หนังชวนติดตาม จะจบแบบไหนนะเนี่ย
ส่วนตัวให้ 9/10 -
ปอมกลิ้งกลิ้ง
(เลขที่ 333413)
เมื่อ 28 ต.ค. 57 13:58
ไปดูมาแล้ว สนุกมากค่ะ หนังสะท้อนสังคมในหลาย ๆ เรื่อง
การปูเรื่อง ทำมาได้ดี ชวนติดตามตลอดเรื่อง เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ตอนจบ ถึงอาจจะยังไม่โดนใจเรามากนัก แต่ก็ถือว่าจบได้ดี
เป็นหนังในดวงใจอีกเรื่อง ^^ -
Watchmen_Since_1985
(เลขที่ 296622)
เมื่อ 25 ต.ค. 57 21:30
What are you thinking? What are you feeling? What have we done to each other? What will we do?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า คอหนังฟินเชอร์ ผมว่าคุณไม่ควรพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง จริงอยู่ที่ว่ามันอาจไม่ได้หวือหวาเท่า The Social Network ไ่ม่ได้ร้อนแรงเท่า The Girl With The Dragon Tattoo ไม่ได้ซาบซึ้งเท่า The Curious Case of Benjamin Button แต่ Gone Girl คือภาพบยตร์ที่มีรสชาติแตกต่างออกไปจากหนังของเดวิด ฟินเชอร์ โดยสิ้นเชิง และหลายครั้งเผลออุทานคำหยาบออกมามากมาย
หากจะถามว่า ควรอ่านตัวนิยายก่อน หรือรับชมก่อน มีนักวิจารณ์หนังชาวไทยเรา ให้คำตอบไว้ในทวิตเตอร์ว่า อ่านก่อนน่าจะดีกว่า เพราะองก์ที่สามของหนังต่างจากหนังสือ ยังไงเสียมันก็ไม่ใช่การสปอยหนัง แต่ด้วยเวลากระชั้นชิด ผมเลือกที่จะไปรับชมตัวหนังก่อน
องก์แรก หนังจะพาเราไปรู้จักกับตัวละคร เป็นการปูเรื่อง รวมถึงการหายไปของภรรยา ในช่วงองก์แรกนี้หนังจงใจอย่างมากในการโน้มน้าวใจคนดูอย่างชัดเจน จนเป็น Propaganda เลยล่ะ โดยหนังโยนความผิดทั้งหมดไปที่ Nick Dunne โดยเล่าคู่ขนานระหว่างเรื่องราวในปัจจุบันและอดีตซึ่ง Nick Dunne และ Amy Dunne เคยรักกันผ่านตัวอักษรบนหน้ากระดาษไดอารี่ของ Amy Dunne ซึ่งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีความสำคัญมาก เพราะหากหนังทำให้คนดูเข้าไม่ถึง ถึงความรู้สึกของตัวละครแล้ว เท่ากับว่า อีกสององก์ที่ตามมาคือล้มแน่ๆ แต่หนังกลับสามารถทำได้อย่างดี การมองความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยาคู่นี้ ไม่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากก็รู้ว่า มันไม่ปกติ
องก์สอง หนังก็สางปมที่ได้สร้างขึ้น แต่นั่นมันไม่สำคัญเพราะสิ่งที่ตามมากลับทวีความเข้มข้นขึ้น กลายเป็นการขับเคี่ยวกันของ สองสามี ภรรยา แทบจะเป็นสงครามกันเลยทีเดียว หลังจากในองก์แรกที่เรายืนหยัดอยู่ฝั่ง Amy Dunne แต่พอถึงจุดหนึ่งเรากลับ เคว้ง คงเป็นความสนุกของคนทำหนังที่ใส่มุกตลกเจ็บๆ ลงมา ให้คนดูได้ดิ้นพล่าน กันอย่างครึกครื้น ทั้งการเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน เรื่องของสื่อที่ในปัจจุบันมีอิทธิพลยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
องก์สาม ยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม หนังในองก์สามนี้แทบจะเป็น การปล่อยของ โดยสิ้น แม้หนังจะสื่อออกมาในแง่ ตลกร้าย แต่กลับแฝงความเศร้า การล่มสลายของสิ่งที่เรียกว่า ครอบครัว เอาไว้ และเชื่อว่า ฉากจบคงทำให้ใครหลายคนหลอน หันไปมองคนข้างๆพลางตั้งคำถามในใจว่า "พอได้รู้จักกันจริงๆแล้ว เรายังรักกันเหมือนวันแรกไหม ?"
หนังมีโอกาสจะได้ชิงรางวัลใหญ่ๆ ปลายปีอะไรบ้าง โดยส่วนคิดว่า หลายรายการอยู่ ที่ไม่ต้องสงสัยเลย คือ ออสการ์นำหญิงปีนี้ ต้องมีชื่อเธอคนนี้แน่ๆ Rosamund Pike ไม่เพียงเป็นการประกาศตัวว่า ฉันเป็นดาราหญิงคุณภาพอีกคนของวงการนะ อย่าลืม ! แต่ เธออาจคว้าออสการ์ไปนอนกอดโดยไม่ต้องแย่งชิง ตบตีกับใครเลย Ben Affleck การแสดงพี่แกอาจไม่ได้ทำให้หลายคนประทับใจมากนัก แต่ผมรู้สึกว่าพี่แกทำได้ดีกว่าผลงานเรื่องแรกๆ อย่าง Daredevil ขึ้นหลายเท่าตัวเลย ที่แอบเชียร์คือรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม ซึ่งการลำดับมันดูลื่นไหลมากๆ รวมทั้งดนตรีประกอบก็ดูโดดเด่นไม่ต่างกัน ส่วนรางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้น อาจมีชื่ออยู่ในโผ และแน่นอน ผู้กำกับยอดเยี่ยมเช่นกัน
โดยสรุป นี่คือผลงานที่ดี ของผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ นำไปขึ้นหิ้งรวมกับหนังในตำนานอย่าง Se7en, Fight Club ได้อย่างไม่ยากเย็น
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Quantum of Solaceเข้าฉายปี 2008 แสดง Daniel Craig, Olga Kurylenko, Mathieu Amalric
- The Matrix Revolutionsเข้าฉายปี 2003 แสดง Keanu Reeves, Carrie-Anne Moss, Laurence Fishburne
- สวย ซามูไรเข้าฉายปี 2009 แสดง โสภิตา ศรีบาลชื่น, แจ็คเกอลิน อภิธนานนท์, เกศริน เอกธวัชกุล
เกร็ดภาพยนตร์
- Night at the Museum: Secret of the Tomb - เป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของ โรบิน วิลเลียมส์ นักแสดงบท ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ส่วนใน Absolutely Anything (2015) โรบิน เพียงพากย์เสียงเท่านั้น อ่านต่อ»
- The Tale of The Princess Kaguya - มีความยาว 137 นาที ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ยาวที่สุดของสตูดิโอจิบลิ โดยยาวกว่า Princess Mononoke (1997) 3 นาที อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Playing with Fire เมื่อหัวหน้าคุมการดับเพลิง เจก คาร์สัน (จอห์น ซีนา) และทีมงานนักดับเพลืงชั้นยอดของเขามาเพื่อช่วยเหลือพี่น้อง 3 คน ทำให้...อ่านต่อ»