วิจารณ์ 12 Years a Slave

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 27 ม.ค. 57 16:36

    "I don?t want to survive, I want to live?

    จริงๆคือไม่ได้อยากดุหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ รู้ว่ามันดี และโกยรางวัลมากมาย ซึ่งตัวผมชอบดูหนังรางวัลอยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้เจอมรสุมชีวิตหนักๆ หนักมากๆ จึงเปลี่ยนไปดูแนวหนังโทนสว่างๆ เชื่อสิถ้าชีวิตคุณเจอแต่เรื่องแย่ๆคุณก็ไม่อยากจะดูหนังดราม่าหนักๆหรอก คุณจะโหยหาหนังที่มันโลกสวย ใสๆไปจนถึงโกหก หลอกลวง จอมปลอม แต่ยังไงก็ยังไม่อยากพลาดเรื่องนี้แม้จะคาดเดาไว้แล้วว่าเมื่อดูจบต้องหดหู่มากแน่ๆ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆนะ คือความรู้สึกมันอึดอัดมาก

    Steve McQueen ผู้กำกับรายนี้ผมเคยดูเรื่องก่อนหน้าเพียงเรื่องเดียวคือ Shame และผมชอบมันมากทีเดียว เพราะหนังมันไม่เบามือเลย คือไม่สนหรือแคร์คนดูเลยว่าจะรู้สึกยังไง ครั้งนี้ใน 12 Years a Slave ยิ่งไปกันใหญ่ คือมันหนักมาก หนักอึ้งเลย ไม่มีช่วงไหนของหนังที่ทำให้เราผ่อนคลายตลอดทั้งความยาว 134 นาที ยิ่งหนังสร้างจากเรื่องจริง มันยิ่งทำให้ถูกดูดเข้าไปร่วมในชะตากรรมนั้นๆกับตัวละคร

    เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของหนังที่ดี แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีจุดพลาดซะทีเดียว มันยังมีบางสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันหล่นหายไป หรือไม่ค่อยเมคเซ้น แต่หากมองในความเป็นจริงทุกวันนี้ เราหวังว่าจะขอให้มีใครสักคนเป็นฮีโร่ลุกขึ้นมาต่อต้าน ยื่นมือมาเพื่อช่วยเหลือเรา แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เลย มีเพียงแต่ตัวเราเท่านั้นที่ต้องเอาชีวิตให้รอดจากเหตุการณ์ร้ายๆ เพราะนี่คือชีวิตจริงๆ ไม่มีใครกล้าเอาชีวิตทั้งชีวิตไปเสี่ยง Solomon Northup ศูนย์กลางของเรื่องไม่ได้พยายามทำตัวเป็นฮีโร่ เป็นวีรบุรุษเขาแค่ใช้ชีวิตไปตามเท่าที่มันจะเอื้ออำนวย แม้ในตอนท้ายเขาจะรอดพ้นจากช่วงเวลาที่แสนลำบากไปได้ แต่คนอื่นๆที่เหลือ ยังคงก้มหน้าทำกรรม ไม่สิมันไม่ใช่กรรม หากแต่เป็นการละเมิดในสอทธิมนุษยธรรมอย่างรุนแรง เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาแค่เกิดมามีสีผิวไม่เหมือนกันกับเราๆเท่านั้น

    เป็นเรื่องปกติที่มนุษยเรามักจะชอบดูถูก รังแก ข่มเหงคนที่ด้อยกว่าเสมอ ผู้ชายทำร้ายผู้หญิง คนขาวทำร้ายคนดำ เด็กถูกรังแกจากผู้ใหญ่ เพศที่สามถูกสังคมรังเกียจ คนติดยาถูกตีตรา คนไร้การศึกษาถูกตีค่าว่าไม่มีความสามารถเพียงพอจะตัดสินใจในการบางสิ่ง ไม่รู้ว่าทำไมแต่ดูเหมือนลึกๆแล้ว มนุษย์อย่างเราๆจะชอบเหลือเกิน

    นี่เป็นอีกหนึ่งหนังที่ดีมากๆในรอบปี ที่ควรค่าแก่การรับชม

    #นักแสดงทุกคนที่อยู่ในหนังเรื่องนี้เยี่ยมมาก โดยเฉพาะ Michael Fassbender คือพี่แก หลุด มากจริงๆ เป็นตัวละครดาวร้ายอีกตัวที่น่าจดจำ

    #Score หนังมันทำให้เวลาดูรู้สึกหดหู่ไปอีกราวๆสิบเท่า เลยล่ะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 20 ม.ค. 57 10:43

    สงสาร และหดหู่
    ทั้งเรื่องมีแต่ความรันทด ของ ทาส จนทำให้รู้สึกว่า มนุษย์ด้วยกัน ทำกับมนุษย์อีกคนนึงถึงขนาดนี้เลยเหรอ แถมยังเจออุปสรรค ทั้งคนทรยศ โดนจับได้ จนทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยตัวเอกของเรื่องให้เขาพ้นจากสภาพนี้ ซะที
    ให้คะแนน 9 เต็ม 10 ไม่ควรพลาดครับ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 16 ม.ค. 57 18:07

    เป็นหนังที่เรียกว่า เป็นหนังที่ดี มากกว่าเป็นหนังที่สนุก
    หนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกหดหู่ ยิ้มไม่ออก แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน

    ให้ 9/10 สำหรับเนื้อเรื่อง นักแสดง เอฟเฟ็กต์ต่างๆ
    เป็นหนังที่ดีมากๆค่ะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 10 ม.ค. 57 10:58

    เป็นหนังที่หาเพื่อนไปดูยากมาก อาจเป็นเพราะมันเป็นหนังแนวดราม่า เลยไม่ค่อยมีคนไปดูเท่าไรซึ่งถ้าใครเอาความบันเทิงจากเรื่องนี้บอกได้เลบยว่าไม่มี แต่ถ้าคุณอยากเห็นความจริงในอีกซีกโลกนึงเรื่องนี้ตอบสนองได้อย่างเต็มที่


    ในส่วนของบท คงไม่สามารถบอกได้ว่ามันดีหรือไม่ดี เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้อิงมากจากเรื่องจริง ดังนั้นจึงบอกไม่ได้ว่าดีหรือเปล่า แต่มันก็สอนหลายๆ อย่าง เช่นเรื่องกฏหมาย บางที่กฏหมายไม่ได้ถูกต้องตามศีลธรรมและจริยธรรมเสมอไป ถูกกฏหมายแต่ผิดศีลธรรม ผิดกฏหมายแต่ถูกศีลธรรม
    อย่างที่สองที่เห็นได้ชัดจากตัวเดินเรื่องคือ ความหวังที่เขามีอยู่เสมอและการปรับตัวและรู้ว่าตัวเองต้องทำอย่างไรถึงจะอยู่รอด อีกอย่างที่แบบสุดๆ คือความเลวของมนุษย์มันเยอะมากกกกกก
    ต้องบอกก่อนว่า เราจะเลือกดูหนังจากบทมากกว่าฉากหรือเอฟเฟกซ์ ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับบทเลยเยอะหน่อย

    ในส่วนของเอฟเฟกซ์ ต้องยอมรับว่าสุดยอด แน่นอนล่ะที่นี้เขาทำฉากและเอฟเฟกซ์ได้สมจริงมาก เห็นแล้วยังแบบต้องรีบดื่มน้ำอ่ะ ไม่หวั่นเหมือนจริงมาก

    ตอนที่เห็นโปสเตอร์ของหนังก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นรูปคนวิ่ง ที่แรกคิดว่าเป็นภาพยนตร์แนวสู้เพื่อความฝันอะไรประมาณนั้น แต่พอมาดูหนังแล้วเลยเข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องเป็นรูปคนวิ่ง เพราะมันสื่อถึงการต่อสู้ที่ไม่ได้ต่อสู้ที่จะปลุกความหวังของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้กับสถานการณ์รอบข้างและเรียกร้องสิทธิ์ของความเป็นคน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าภาพของนักวิ่งน่าจะสื่อออกมาได้ดีที่สุด

    บางคนวิ่งเพื่อความฝันที่ยิ่งใหญ่ของตัวเอง แต่บางคนวิ่งเพื่อคนอื่น
    (ไม่ได้เป็นการต่อว่าคนที่ทำตามความฝันของตัวเอง แต่จะบอกว่าคนที่วิ่งเพื่อคนอื่น หัวใจของพวกเขาใหญ่จริงๆ )

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 4 วิจารณ์
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Unbroken - เดน ดีฮาน เกือบได้แสดงบท หลุยส์ แต่สุดท้ายแล้วบทนี้ตกเป็นของ แจ็ก โอ'คอนเนลล์ อ่านต่อ»
  • Focus - เป็นภาพยนตร์เรต R เรื่องแรกของ วิลล์ สมิธ ผู้รับบท นิกกี หลังจาก Bad Boys II (2003) อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

The Hustle The Hustle เรื่องราวเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของมิจฉาชีพตัวแม่ที่ใช้เสน่ห์หลอกลวงคนในสังคมชั้นสูง ซึ่งจะมาถ่ายทอดวิชา 18 มงกุฎให้กับมือ...อ่านต่อ»