วิจารณ์ Thor: The Dark World
-
MookieSPP
(เลขที่ 151165)
เมื่อ 20 พ.ย. 56 20:27
สนุกมาก ฟินธอร์กับเจนมว๊ากกก ดูแล้วคุ้มฝุดๆ รอthor3น้า
-
Dorothy
(เลขที่ 346080)
เมื่อ 12 พ.ย. 56 09:27
สนุกสนาน ให้ความบันเทิงได้เต็มที่ และดูเหมือนหลังจากอเวนเจอร์สแล้ว หนังฮีโร่มาร์เวลก็ดูมีแนวโน้มไปในทางหนังตลกมากขึ้น (แต่ตลกแบบถูกคอชาวเนิร์ด)
ภาพสวยมาก แต่หลายฉากดูแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่องอื่นที่เคยทำฉากแบบอารมณ์คล้ายๆ กันมาแล้ว บางฉากตัดสลับแบบงงๆ ให้ความรู้สึกว่าอ้าว ตะกี๊ยังเป้นอันนี้อยู่เลย หันมาอีกทีเป็นแบบนี้ไปแล้ว
บางตอนดูเหมือนพยายามบิ้วต์จนรู้สึกได้ แต่ก็ไม่มากเกินไปถึงขั้นอึดอัด
โอดินดูเด็กลง ความเป็นผู้ใหญ่ และความเป็นกษัตริย์น้อยลง เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวละครที่เข้าใจได้ว่าอาจเกิดขึ้นกับคนจริงๆ ได้เหมือนกันเมื่อเราแก่ตัวลงและต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป แต่รู้สึกไม่ชอบความเปลี่ยนแปลงนี้อยู่ดี
เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ดูแล้วรู้ว่าเกิดขึ้นเพราะมีจุดประสงค์อะไร ต้องการให้เกิดเพราะจะกระทบกับตัวละครตัวไหน เดาฉากต่อไปได้ไม่ยากนัก แต่ก็มีหักมุมเล็กๆ ให้คนดูที่คิดว่าเดาทางได้แล้วเจ็บใจเล่นนิดหน่อย
ความสัมพันธ์ระหว่างเจน ฟอสเตอร์และธอร์ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนดูหนังเทพนิยายดีๆ สักเรื่อง
สรุปแล้วหากหวังจะได้ดูหนังฮีโร่ที่สะท้อนอุดมคติที่ยิ่งใหญ่ก็อาจได้อะไรไม่มากนัก แต่หากต้องการพักผ่อนจากวันเหนื่อยๆ Thor: The Dark World (และ Avengers) ก็เป็นหนังที่เหมาะมาก เพราะผ่อนคลายและให้ความบันเทิงสุดๆ -
Watchmen_Since_1985
(เลขที่ 296622)
เมื่อ 11 พ.ย. 56 23:27
Thor: The Dark World :สองพี่น้องแห่งแอสการ์ด
น่าดูเป็นที่สุด ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครหลายคนจะคิดแบบนี้ ผมเองก็เป็นแบบนั้น เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะในบรรดาทีมอเวนเจอร์นั้น ผมหลงรัก Thor เป็นที่สุด ถ้าจะให้ถูกกว่านั้นก็คือ Loki ด้วย
ขอย้อนเวลากลับไปตอนที่ Thor ภาคแรกเข้าฉาย ผมชอบมาก ผมสัมผัสได้ถึงความโรแมนติกบางอย่าง ไม่ว่ามันจะด้วยความบังเอิญหรือไม่ก็ตาม มันได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า'เสน่ห์' เอาไว้ ทั้งการเป็นหนังฮีโร่ที่ควรจะมี และควรจะเป็น Thor น่าจะเป็นโจทย์ที่หินมากๆ เพราะด้วยเนื้อหาแล้วมันsurreal สุดๆ แต่หนังก็สามารถหาจุดสมดุลออกมาได้ และยังสรรค์สร้างตัวละครที่น่าจดจำ ในส่วนนี้ ต้องยกเครดิตให้นักแสดง เช่นเดียวกับหนังที่ออกมาคู่กันในปีนั้นอย่าง Captain America บางอย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นก็คือ
---"ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าทำไม หนัง THOR และ Captain America มันถึงโรแมนติกอะไรอย่างนี้ THOR เริ่มเรื่องที่หญิงสาวคนหนึ่งผู้ซึ่งเชื่อมั่นในสิ่งที่เธอทำ วันหนึ่งเธอได้พบกับชายหนุ่มรูปงามที่หล่นมาจากท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ เขาเป็นเหมือนเจ้าชายที่มาช่วยกอบกู้โลก รวมทั้งช่วยชีวิตเธอ ในฉากท้ายเรื่องเธอ มองขึ้นไปเบื้องบน เฝ้าฝันว่าในสักวัน จะได้พบกันอีกครั้ง เช่นเดียวกับชายผู้นั้นที่มองลงมายังเบื้องล่างหวังว่าจะมองเห็นเธอ ส่วน Captain America ชายหนุ่มผู้ไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตา แม้จะไม่มีใครเหลียวมองชายธรรมดาผู้นี้ก็ตาม นานวันเขาเลิกที่จะคิดถึงในเรื่องความรัก แต่แล้วเขาก็ได้พบกับหญิงงาม ผู้มองเห็นจิตใจอันแน่วแน่ จนวันนึงจากชายหนุ่มผู้อ่อนแอ กลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้ที่คนทั้งหลายต่างยอมรับ แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลก หญิงสาวอยู่ในสถานที่เดิมๆ สิ่งเดิมๆโดยไม่มีชายหนุ่มอยู่เคียงข้าง ส่วนชายหนุ่มผู้นั้นอยู่ในโลกใหม่ สถานที่ใหม่ โดยปราศจากหญิงสาวยืนเคียงข้าง ไม่รู้คู่ไหน น่าเศร้ากว่ากัน แต่ผม ก็รักหนังทั้ง 2 นี้มาก "---
เลิกเพ้อแล้วกลับมายัง Thor: The Dark World อันที่จริงหนังก็ได้ปูประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของพี่น้องเอาไว้แล้วระหว่าง Thor และ Loki ในภาคแรก ก่อนที่ภาคนี้จะถูกหยิบยืมมาสานต่อและดูเหมือนจะไปได้ไกลกว่าเดิม บางสิ่งหายไปและบางสิ่งเข้ามาแทนที่
โดยเนื้อหาแล้วผมไม่ค่อยอยากพูดถึงเพราะผมไม่ใช่แฟนคอมมิค กลัวว่ากล่าวไปแล้วจะเป็นการบิดเบือน ถ้ากล่าวผิดไปก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ แต่ในหนังนั้นเนื้อหาก็ไม่ได้ซับซ้อนแต่หนังกลับผลิกแพลงได้อย่างน่ารักน่าชัง กล่าวคือ เหล่าดาร์คเอล์ฟวางแผนจะนำโลกทั้งเก้ามาเรียงตัวกันเพื่อที่จะยึดครองโดยมีอาวุธที่เรียกว่า อีเธอร์ แต่ก็ถูกยึดมาได้และ อีเธอร์นั้นถูกเก็บซ่อนไว้ ก่อนที่ เจน จะบังเอิญไปพบเจอเข้าระหว่างที่เธอพยายามหาประตูมิติเพื่อจะไปพบเจอกับธอร์อีกครั้ง แต่แวเจ้าอีเธอร์นั้นกลับเข้าไปอยู่ในร่างของเธอ ธอร์ซึ่งเฝ้าดูแลเธอจากแอสการ์ดเห็นว่าผิดปกติ จึงได้มายังโลกเพื่อพาเธอกลับไป อีกด้านหนึ่ง พวกดาร์คเอล์ฟที่กำลังหลับใหลก็รับรู้ถึงขุมพลัง พวกมันจึงเข้าบุกแอสการ์ด ส่วนโลกิหลังจากเหตุการณ์ที่นิวยอร์กเข้าถูกคุมขังเอาไว้ เมื่อพวกดาร์คเอล์ฟเข้าบุกแอสการ์ดทำให้เหตุการณ์นั้นสร้างความสะเทือนใจให้กับธอร์และโอดินที่แม้จะรักษาชีวิตของเจนไว้ได้แต่ก็ต้องแลกกับอีกหนึ่งชีวิต ซึ่งนั่นทำให้ โอดิน เสียศูนย์ ธอร์วางแผนที่จะกำจัดพวกดาร์คเอล์ฟแต่โอดินไม่เห็นด้วย เขาจึงต้องขอความช่วยเหลือจากผองเพื่อนรวมทั้งน้องชายตัวร้ายเพื่อให้แผนนี้สำเร็จ ความผลิกแผลงที่ว่านั่นมีให้เห็นอยู่ประปรายทั้งเรื่อง เพลินมากโดยเฉพาะฉากช่วงท้ายที่ได้ครบทั้งมันส์ ทั้งฮา
หนังมาพร้อมกับ Production ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ฮากแอ๊คชั่นที่จัดเต็ม จัดหนัก และที่สำคัญคือหนังยังไม่ทิ้งให้คนดูต้องนั่งเปลี่ยวในโรงไปกลับฉากแอ๊คชั่นที่จำเจ เหมือนหนังฮีโร่บางเรื่องของปีนี้ อุ้บส์! ส่วนทางด้านดราม่านั้น หนังอาจไม่ลงลึกเท่าภาคแรกแต่ก็มีเวลาให้คนดูได้ซึบซับไม่ว่าจะเหตุการณ์หลังบุกแอสการ์ด หรือในฉากที่โลกิเข้าช่วยธอร์
หนังเปลี่ยนตัวผู้กำกับมาเป็น Alan Taylor จากเดิมคือ Kenneth Branagh ซึ่ง Taylor นั้นส่วนตัวชอบมากๆจากซีรี่ย์อย่าง Game of Thrones และเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ยังได้อารมณ์ขัน ที่รับรองความฮา ซึ่ง ณ จุดๆนี้ น่าจะได้รับการปรุงแต่งจาก Joss Whedon มาด้วย
ใครที่เป็นแฟนมาร์เวล ไม่มีผิดหวัง และอย่าลืม End Credit ตอนท้ายเรื่อง เพื่อนผมซึ่งเป็นแฟนคอมมิคบอกว่าอัญมณีดังกล่าวจะถูกใช้เป็นอาวุธให้กับ ธานอส ก็ตัวร้ายที่โผล่มาตอนท้ายเรื่องใน The Avengers น่ะแหละ ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน สุดท้ายคงต้องรอดู ! -
jamesmac
(เลขที่ 342826)
เมื่อ 11 พ.ย. 56 14:49
มีดีที่การต่อสู้ในรูปแบบของสงคราม และการต่อสู้แบบตัวต่อตัว การออกแบบฉากแอ็คชั่น ทำให้ภาคนี้มีฉากแอ็คชั่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่เนื้อเรื่องนี่ดิ สับสน ดูแล้วงง งง ให้ 7.5/10
-
s911
(เลขที่ 229373)
เมื่อ 10 พ.ย. 56 22:44
พารากอนซีนีเพล็กซ์ โรง 12 Digital-3D
พบว่ามีโฟกัสภาพมัวๆหลายฉาก ไม่คุ้มกับที่ดู 3D เท่าไหร่
แต่เรื่องบทและการถ่ายทำดีกว่าภาคแรกเยอะ หากภาคแรกเป็นอนุบาล ภาค 2 นี้ความสนุกและจัดหนัก Special Effects ระดับมหาวิทยาลัย ไม่อินตรงเครื่องมือของ Selvig มันทำงานเวิร์คได้อย่างเหลือเชื่อและง่ายเกินไป สรุปให้คะแนน 8.5/10
ปล. ชอบตรงที่มี ตลกๆ ขำๆ ฮาๆ หลายฉากเลย -
iamคนติดหนัง
(เลขที่ 155368)
เมื่อ 10 พ.ย. 56 17:43
ไปดูเมื่อ 10-11-13 รอบเวลา 11:40 น. ระบบดิจิตอล 3 มิติ คนเต็มเลยมาก ๆ
ที่ SF Cinema City งามวงศ์วาน โรง6(Digital)
เข้าเรื่องเลยดีกว่า......
ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มใหญ่ส่งท้ายปีที่สมแก่การรอคอยทำออกมาเจ๋งมาก ภาพสวยตระการตา เอเฟ็กต์ทำดีเยี่ยม ฉากแอ๊คชั่นพอประมาณ (สงสัยว่าความฮามันมาเยอะอ่าาา) เนื้อเรื่องหลวม ๆ นิด ๆ สมเหตุผลไปบ้างแต่ยังไม่เคลียร์ในบางจุด 3D ใช้ได้เลยแม้ว่ามันดูลายตาไปหน่อย ความมันส์ ความสนุก ความเพลิดเพลินไม่แพ้ภาคแรก มาก ๆ คุ้มค่าครับ
ให้คะแนน 9/10 -
wichmata
(เลขที่ 259533)
เมื่อ 9 พ.ย. 56 22:41
ผมไม่ค่อยชอบนะ มันเหมือนทำเพื่อรอภาค 3 แต่ก็พอดูได้ครับ 7/10
-
mryoke@เชียงใหม่
(เลขที่ 89806)
เมื่อ 8 พ.ย. 56 21:56
@โรง 7 เมเจอร์
เพื่อ อรรถรส ที่ดีขึ้น
1.แนะนำให้ไปดู Thor1 มาก่อน
2.ต่อด้วย Capitan America
3.แล้วปิดด้วย The Avenger
4.แล้วมาดู Thor 2
5.ที่เชียงใหม่ ไม่มี ทีเซอร์ Capitan America 2 แบบ5นาที นะคับ (นึกว่าจะมี)
*********
* คุ้มค่าเงิน แค่ฉากก็คุ้มละ
* CG สวย
* โลกิ+เจน+Heimdall ' ผู้เฝ้าประตู ขโมยซีน
เรื่องนี้ ผ่าน คับ -
arm007
(เลขที่ 338127)
เมื่อ 8 พ.ย. 56 14:59
ไปดูเถอะคุ้มเงิน สนุกดีครับ ฉากแอคชั่น ฉากต่างๆก้ทำออกมาได้ดี เนียน แต่ผมว่าภาคนี้ พระเอกอ่อนไปหน่อยนะ ในส่วนตัวผมชอบภาคแรกมากกว่าครับ(ในส่วนของเนี้อเรื่องอ่ะนะ)
-
iLove
(เลขที่ 233583)
เมื่อ 8 พ.ย. 56 13:16
สนุกดีครับ CG สวย มีมุกตลกมาแทรกเป็นระยะๆ หนังจบอย่าเพิ่งลุกนะครับมีท้ายเอ็นเครดิต
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- แจ๋วเข้าฉายปี 2004 แสดง พรชิตา ณ สงขลา, จารุภัส ปัทมศิริ, จารุณี บุญเสก
- TRON: Legacyเข้าฉายปี 2010 แสดง Garrett Hedlund, Olivia Wilde, Jeff Bridges
- รักที่รอคอยเข้าฉายปี 2009 แสดง รัชวิน วงศ์วิริยะ, พิษณุ นิ่มสกุล, ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ
เกร็ดภาพยนตร์
- The Imitation Game - เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ผู้รับบท อลัน ทัวริง ยอมรับว่าเขาไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ตอนที่ถ่ายทำฉากท้ายๆ เรื่อง เพราะเขาชอบตัวละครตัวนี้มาก หลังจากทำความเข้าใจจิตใจของ อลัน ว่าเขาต้องทรมานแค่ไหน อ่านต่อ»
- เศียรสยอง - เดิมที ภาม รังสี คือผู้ที่รั้งตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์ แต่หลังจากมีข่าวฉาว ได้ระบุ บอย - สิทธิชัย ผาบชมภู ในฐานะผู้ควบคุมงานสร้างและนักแสดงของเรื่องนี้ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Step Up: Year of the Dance เรื่องราวของกลุ่มนักเต้นต๊อกต๋อยข้างถนนของปักกิ่งที่ฝันจะได้ดวลลีลากับทีมเต้นระดับโลก เตรียมพบกับฉากประชันการเต้นสุดอลั...อ่านต่อ»