วิจารณ์ 21 and Over
-
JimmyHitboy
(เลขที่ 50685)
เมื่อ 13 มี.ค. 56 08:34
หนังเอาฮายังห่างไกลถ้าจะเทียบกับ The Hangover
-
doratong24
(เลขที่ 277549)
เมื่อ 12 มี.ค. 56 20:12
21 & Over ปาร์ตี้มั่วรั่วเว่อร์ // คู่เพื่อน(เคย)ซี้กับการหนีสู่บ้าน "เจฟฟ์ ชางงงงง"
ส่วนผสมที่หวานอมขมกลืนระหว่าง "Hangover" + "Project X" + "Horrible Bosses" กับเรื่องราวแนว coming of ages ของ "เจฟฟ์ ชาง" ในวัย 21 ปี แต่ในวันเกิดของเขาก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดคิด เมื่อมีสองเพื่อน(เคย)ซี้โผล่มาที่บ้าน แล้วลากเขาออกไปดริ้งฉลองวันเกิด เรื่องของไม่วุ่นวายขนาดนี้ถ้าเขาเลือกจะกลับบ้านตั้งแต่ 5 ทุ่ม..
การผูกเนื้อเรื่องถือว่าปะติดปะต่อได้ค่อนข้างดี สร้างให้ตัวละครตัวนั้นมาเจอตัวนี้แล้วลากไปเจออะไรต่อมิอะไรได้มากมายและวุ่นวายดี แต่สิ่งที่แย่มากๆ และเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง คือเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะ 'ซ้ำซาก' และ 'จำเจ' คุณไม่จำเป็นต้องเดาตอนจบหรอก เพราะมันน่าจะออกมาแนวนี้อยู่แล้ว
และด้วยเหตุที่เนื้อเรื่องมันค่อนข้างจะเก่า สิ่งเดียวที่หนังทำได้คือการพยายามผูกความ 'รั่ว' ของตัวละครทั้งสามคนให้เป็นไปในทิศทางที่สุดติ่ง แต่ผลกลับกลายเป็นว่า ความสุดติ่งที่พยามพาไปนั้นกลับพาไปได้ไม่สุด และมักจะวนเวียนอยุ่กับเรื่องของ 'เซ็กส์' อีกทั้งการที่ให้ตัวละคร 'นิโคล' โผล่บ่อยจนเลยคำว่า 'พรหมลิขิต' เกินไปหน่อยละ...อะไรมันจะบังเอิญเจอกันบ่อยขนาดนั้น
แต่ในด้านการสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครแล้วต้องปรบมือให้อย่างยิ่ง ทั้งสามตัวละครมีความแตกต่างกันในรูปแบบที่บอก แต่สิ่งที่ขาดคือยังไม่สามารถสัมผัสได้ว่าตัวละครตัวนั้นมีเบื้องหลังเช่นนั้นได้อย่างไร แต่การสร้างคาแรกเตอร์ที่เด่นชัด และสามารถทำให้ผมนึกอยากด่ามิลเลอร์ทุกครั้งที่มันเอ่ยปากพูดอะไรก็ตาม
และด้วยเรื่องนี้เอง จากที่เคยคิดว่า 'เจฟฟ์ ชาง' น่าจะเป็นพระเอกของเรื่องนี้ แต่กลับกลายเป็นว่า 'เคซีย์' เพื่อนสุดเนิร์ดน่าจะกลายเป็นพระเอกเสียมากกว่า โดยคาแรกเตอร์และบทพูดที่หนังพามา ทำให้ดูเหมือนว่าเขาควรเป็นพระเอกได้ดีกว่าเจฟฟ์ ชาง เยอะ..
วกกับมาที่การสร้างเรื่อง สำหรับผม ผมว่าหนังยังไม่มีจุดพีคที่มากพอ (แต่ถ้าเป็นสาวๆ ผมว่าหลายฉากก็พีคอยุ่นะ ก็สามหนุ่มเล่นเปลืองตัวซะขนาดนั้น..) แต่จุดพีคที่ผมหมายถึงไม่ใช่ฉากอย่างว่า แต่เป็นเรื่องของเนื้อหาที่เดินมาแบบเอื่อยๆ จบปัญหาหนึ่ง เจอะปัญหาหนึ่ง เป็นปัญหาที่ไม่ได้สืบต่อกัน แต่เกิดแบบสืบเนื่องกันก็เท่านั้น
ซึ่งในความจริงแล้ว หนังสามารถนำคาแรกเตอร์ปากเสียของมิลเลอร์มาใช้ได้อีกหลายครั้งในเรื่อง ซึ่งบางครั้งก็อาจจะทำให้เนื้อเรื่องเดินทางไปได้ไกลกว่าที่ตัวหนังกำลังเป็นอยู่ และอาจจะหาทางจบได้ในมุมที่ไม่ใช่การ 'เล่าเรื่องต่อๆ กันไป' แต่เป็น 'เล่าเรื่องให้คล้อยกันไป' นั่นเอง
โดยภาพรวมคือไม่พอใจ ถ้าดูเอาอมยิ้มก็พอได้ แต่ถ้าดูเอาสนุกคงต้องยอมรับตามตรงว่าไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับหนังมากขนาดนั้น เนื่องจากหนังที่ตัดเนื้อหาที่น่าจะมีมากกว่านี้ออกไปเยอะพอสมควร อีกทั้งตัวหนังที่สั้น แม้หลายคนอาจจะบอกว่ากระชับดีอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ากระชับแต่ไม่สุด ...หนังมันก็ยังมีช่วงเวลาให้ยืดอีกเยอะแยะหรอกน่าา
ผมให้คะแนนเรื่องนี้อยู่ที่ 6/10 นะครับๆๆๆ
ปล. "เพื่อนซี้ของเรา มักจะนิสัยแปลกสุดๆ ไปเลย ..ว่าไหม?" -
FaTMoNKeY
(เลขที่ 23696)
เมื่อ 7 มี.ค. 56 16:42
ไปดูรอบพิเศษมาเมื่อวันอังคาร...ขอบอกว่ามันรั่วได้ใจจริงๆ ฮามากๆ นั่งขำได้ทั้งเรื่องเลยล่ะ ต้องมีเสียงกรี๊ดในโรงหนังแน่รับรอง แค่ฉากแรกก็กินขาดและ >.<
คนเขียนบทเก่งนะ แต่ต้องนับถือคนเล่นจริงๆ ช่างกล้า และหน้าด้านได้อีก ฮ่าๆๆ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- แจ๋วเข้าฉายปี 2004 แสดง พรชิตา ณ สงขลา, จารุภัส ปัทมศิริ, จารุณี บุญเสก
- TRON: Legacyเข้าฉายปี 2010 แสดง Garrett Hedlund, Olivia Wilde, Jeff Bridges
- รักที่รอคอยเข้าฉายปี 2009 แสดง รัชวิน วงศ์วิริยะ, พิษณุ นิ่มสกุล, ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ
เกร็ดภาพยนตร์
- Night at the Museum: Secret of the Tomb - เป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของ โรบิน วิลเลียมส์ นักแสดงบท ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ส่วนใน Absolutely Anything (2015) โรบิน เพียงพากย์เสียงเท่านั้น อ่านต่อ»
- The Tale of The Princess Kaguya - มีความยาว 137 นาที ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ยาวที่สุดของสตูดิโอจิบลิ โดยยาวกว่า Princess Mononoke (1997) 3 นาที อ่านต่อ»