วิจารณ์ Hotel Transylvania
-
ครูซ
(เลขที่ 338988)
เมื่อ 31 ธ.ค. 55 20:49
โรงแรมผี หนีไปพักร้อน
การ์ตูนพ่อลูกที่เข้าฉายได้เป๊ะมาก วันที่ 5 ธันวา วันพ่อพอดี
เป็นการ์ตูนพ่อลูกเรื่องที่สองที่ได้ดู #เรื่องแรกคือนีโม
พล็อตของเรื่องถือว่าไม่ธรรมดาครับ เป็นพล็อตที่เน้นแวมไพร์ครับ โดยลูกสาวของแคล็กคิวล่าิอยากใช้ชีวิตอิสระ อยากออกนอกปราสาท แต่ผู้เป้นพ่อเคยมีประสบการ์ณเลวร้ายมา จึงไม่อยากใหู้ลูกสาวออกไปข้างนอกซักเท่าไหร้่ เนื้อเรื่องเข้มข้นมากครับ และดราม่าโครตซับซันครับ เช่น
นางเอกชอบพระเอก นางเอกกำลังจะจูบพระเอก พระเอกหันไปเห็นพ่อนางเอกที่กำลังจ้องอยุ่ พระเอกก็กลัวแล้วบอกว่าเกลียดนางเอกแล้วก็วิ่งออกไป นางเอกก็เข้าใจผิด
มันซับซ้อนครับ แนะนำให้ไปดุเอง #แต่หนังออกโรงไปแย้ว 555
หนังเรื่องนี้ ไม่ฮาอย่างที่คิดครับ แต่ฮาฉากฝูงแกะครับ ฉากนี้ชอบมาก
ฉากที่ร้องเพลง ใส่ Autotune เยอะไปครับ เพลงเสียเลย - -
ในหนังบางฉาก ท่านเคาท์ทำให้เราตกใจหลายครั้งครับ โดยเฉพาะฉากดีดอูคูเลเล่ ระวังให้ดีครับฉากนั้น
คะแนนครับ
ข้อดี
+หนังเรื่องนี้มีข้อคิดที่ดีมากครับ
+แนะนำให้พ่อหรือแม่ที่ยังห้ามไม่ให้มีความรักไปดูครับ เผื่อพ่อแม่จะได้เข้าใจเราบ้าง
+ลูกก็ควรเข้าใจพ่อแม่อย่างที่หนังสอนด้วยครับ
+รวบรวมผีจากหลายๆที่ มารวมกันในเรื่องเดียวสร้างความสมบูรณ์ไปอีกแบบ
+มีมุขเสียดสีหนัง Twilight อยู่ ฮามาก XD
+คาแรคเตอร์ของท่านเคาืท์ แลคคิวล่า ยกนิ้วให้เลย
+หนังซับซ้อนครับ ดูแล้วได้อารมณ์
ข้อเสีย
-หนังจะพยายามให้เราฮา แต่แป้กหลายมุข
-หนังง่ายเกินไปครับ #แต่เหมาะให้เด็กดู ข้อนี้ยกให้ครับ
-ฉากร้องเพลง ใส่ Autotune เยอะจนเพลงเน่าไปเลยครับ
สรุปครับ ใ้ห้คะแนนไป 8.5 คะแนนครับ -
Roger
(เลขที่ 101044)
เมื่อ 13 ธ.ค. 55 22:47
ฮาขี้แตกขี้แตนเลย ครับ ขอบอก
ส่วนตัวชอบเหล่าผีในตำนานฝรั่งอยู่แล้ว พอไปดูยิ่งชอบ เหมือนเอามาล้อ -
ป่่านคุง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 11 ธ.ค. 55 16:59
แอนิเมชั่นเรื่อง Hotel Transylvania หรือชื่อภาษาไทยว่า โรงแรมผี หนีไปพักร้อน ซึ่งเป็นภาพยนต์แอนิเมชั่นจากค่าย Sony Pictures Animation ซึ่งต้องบอกว่า เป็นหนังที่มีเนื้อหาดีมากๆ เรื่องหนึ่ง ทว่า เป็นหนังเรื่องที่ 2 ที่ดันมาฉายผิดเวลา เหมือนกับปีที่แล้วกับเรื่อง Arthur Christmas ที่เป็นหนังที่เนื้อหาดีมาก (ดีกว่า Hotel Transylvania อีก) แต่เรื่องนี้จะโดนกระแสหนังดังๆ อย่าง Rise Of The Guardians , The Impossible และในวันพฤหัสกับเรื่อง ฮ็อบบิท ซึ่งคิดว่าคงโดนกลบจนไม่เหลือแน่ เอาหละครับ ก่อนที่หนังมันจะโดนฝัง เรามาดูกันดีกว่าว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
เนื้อเรื่อง
แม้ว่าตัวหนังจะมีกลิ่้นอายคล้ายๆ กับการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ทาง Cartoon Network เคยเอามาฉายในอดีต แต่ต้องบอกว่าเนื้อเรื่องไม่เกี่ยวกัน เรื่องเอ่ยถึงประมาณว่า แดรกคูล่า ผู้ที่ต้องการปกป้องลูกสาวตนเองจากโลกภายนอก จึงได้สร้างโรมแรมขึ้นมาเพื่อให้เหล่าภูติผีปีศาจที่ต้องซ่อนตัวจากเงามืดมาพักผ่อนกันแบบปลอดภัยโดยไม่มีมนุษย์มาเกี่ยวข้อง แต่ในวันเกิดครบรอบอายุ 118 ของลูกสาวเขา ดันมีมนุษย์ชายหนุ่มหลงเข้ามา ทำให้เรื่องวุ่นเกิดขึ้น
วิจารณ์
Hotel Transylvania นั้นบอกได้เลยว่าเป็นหนังพล็อตเรื่องสูตรสำเร็จตามสไตล์ของหนังแอนิเมชั่นทั่วไปที่ยังไม่เห็นความสดใหม่เท่าไหร่นัก ตัวเนื้อเรื่องนั้นก็คือการนำแนว Soap Opera เอามาเล่าใหม่ในมุมมองของโลกปัจจุบันและมุมมองอื่นๆ และใส่ความเป็นแฟนตาซีเข้าไปด้วย แต่ตัวเนื้อหาได้นำเนื้อหาความแปลกใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องผสมไปอยู่บ้างจึงทำให้เนื้อเรื่องนี้มีความโดดเด่นในระดับหนึ่ง แม้จะไม่มากเมื่อเทียบกับ Arthur Christmas ที่เนื้อเรื่องลึกกว่าก็ตาม
หนังได้ถ่ายทอดมุมมองของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ระหว่างท่านแดรกคูล่าและ มาวิส ลูกสาวของเขา (แวมไพร์สาวน่ารักมาก) ช่วงเวลาหนัง 10 นาทีแรกสร้างความประทับใจให้กับคนดูได้ถึงความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกนี้ได้เป็นอย่างดี จากนั้นตัวเนื้อเรื่องก็ค่อยๆ ทวีความสนุกมากขึ้นเมื่อแวมไพร์สาวอยากที่จะออกไปดูโลกภายนอก และเมื่อคนดูคุ้นชินกับเนื้อหาของหนังแล้ว หนังได้โยนชายหนุ่มสุดเกรียนที่เป็นมนุษย์เข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจมากขึ้น
ความสนุกของหนังเรื่องนี้ดูเหมือนว่าคนเขียนบทจะได้ทำการบ้านจากเรื่อง Arthur Christmas มาไม่น้อย แม้ว่าเมื่อเทียบกับความสนุกแล้วจะยังสู้ 15 นาทีแรกของ Arthur Christmas ไม่ได้ แต่ช่วงเวลาของหนังก็ไม่ทำให้คนดูรู้สึกเบื่อ ไม่มีให้หยุดพักและแทรกเสียงฮาใส่คนดูเป็นระยะๆ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่า Hotel Transylvania กำลังเจริญรอยตาม DreamWork ตรงที่ว่าเน้นมุขฮาๆ ยัดเข้ามาไม่ยั้ง
หากดูธีมของหนังแล้วอาจจะคิดว่านี่มันเป็นหนังที่น่าจะเหมาะสมกับเทศกาลฮัลโลวีน แต่ไม่ใช่ครับ มันเป็นหนังเรื่องของพ่อลูกซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหนังถึงย้ายโปรแกรมฉายมาเป็นวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งตรงกับวันพ่อทันที แต่ก็น่าแปลกที่ไม่เห็นมีการประชาสัมพันธ์หนังเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่ตัวเนื้อหาหนังเข้ากับวันพ่อมากๆ
ถ้าคนดูนั้นได้ดูหนังแนว Soap Opera มาแล้วคนดูจะสามารถเดาการกระทำของตัวละครในเนื้อเรื่องได้เกือบหมด เพียงแต่ว่านี่มันเป็นหนังเด็กดี ฉะนั้นแล้วจึงไม่มีฉากดราม่าชวนเครียด หนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดถึงการเรียนรู้และการรับสิ่งใหม่ๆ มันเป็นแนวทางการดำเนินเรื่องที่ผมเชื่อเลยว่า ถ้าละคร Soap Opera ในบ้านเราทำแบบนี้บ้าง จะไม่มีคำว่าเครียดสำหรับคนดูเลย แต่จะทำให้คนดูรู้สึกสนุกสนานและยังรับสาระเข้าไปได้มากกว่าอีกด้วย
นี่ไม่ใช่หนังสยองขวัญ และก็ไม่ใช่หนังแนวคนสู้กับปีศาจ แต่มันคือหนังครอบครัวที่เหมือนเป็นการสะท้อนพวกพ้องของพวกเราเอง สะท้อนถึงครอบครัว สะท้อนถึงกลุ่มเพื่อนที่สนุกสนานเฮฮา และสะท้อนไปจนถึงเรื่องของความรัก แม้ว่าหนังจะมีรายละเอียดเรื่องนี้มาให้คนดู แต่ก็ไม่ได้ถ่ายทอดรายละเอียดที่สูงเมื่อเทียบกับ Arthur Christmas จึงทำให้คุณภาพของเนื้อเรื่องในหนังเรื่องนี้ดูด้อยลงไประดับหนึ่ง
จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้มีอย่างหนึ่งก็คือ ฉากต่างๆ จะอยู่กันในโรมแรมและหมู่บ้านข้างนอกโรมแรมไม่กี่ที่เท่านั้น จึงทำให้เนื้อเรื่องขาดความระดับ "พระกาฬ" ลงไปเมื่อเทียบกับ Arthur Christmas แน่นอน มันเป็นหนังคลายเครียดที่ดูสนุกสนาน แต่เมื่อเทียบกับหนังแอนิเมชั่นเพื่อนบ้านอย่าง Rise Of The Guardians จึงทำให้ตัวหนังดูจืดไปทันตา
ในส่วนของเสียงพากษ์นั้นผมได้ดูเสียงพากษ์ไทย รับประกันความฮาหลายๆ จุดเลยครับ เสียงพากษ์นั้นดูอบอุ่นและนุ่มนวล ซึ่งผิดกับคาเรกเตอร์ที่ดูจากภาพเฉยๆ มากๆ จึงทำให้เรื่องนี้ดูแล้วรู้สึกผ่อนคลายและอินกับมันได้อย่างเต็มที่ และขอชื่นชมผู็ให้เสียงพากษ์ มาวิส แวมไพร์สาวในเรื่องว่าเป็นอีกเรื่องที่พากษ์เสียงได้น่ารักมากครับ และพากษ์ได้ดีด้วย
กระนั้นนอกจากข้อเสียของสเกลระดับของเนื้อหาทั้งเชิงลึกและความใหญ่แล้วเรื่องนี้ยังมีจุดอ่อนอีกเรื่อง คือมุขตลกนั้นเป็นมุขที่เน้นเด็กๆ ดูแล้วขำเสียเป็นส่วนใหญ่ หลายๆ มุขนั้นอาจแป้กได้ถ้าคุณผู้ใหญ่เข้าไปดู (รึว่าสมองผมยังไม่โตก็ไม่รู้เหมือนกัน) มุขตลกเรื่องนี้แม้ว่าจะมีใส่คนดูตลอด แต่สำหรับเด็กๆ จะฮาทั้งเรื่อง สำหรับผู้ใหญ่ถ้าคิดจะไปดู ได้โปรดนะครับ ปล่อยวาง แล้วกลายร่างตัวคุณให้เป็นเด็กอายุ 12 ซะบ้าง แล้วรับรองว่าคุณจะได้รับความบันเทิงจากเรื่องนี้ครับ
จุดเด่น
- นำเสนอเนื้อหาแบบ Soap Opera ในมุมมองใหม่และสมัยใหม่ขึ้น ทำให้ดูไม่น่าเบื่อ
- ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของพ่อลูกได้ดีเยี่ยม
- มุขตลกยัดใส่ไม่กั๊กทั้งเรื่อง ถ้าเก๊กมุขก็จะฮาตลอด
- หนังหาความน่าเบื่อได้น้อยเมื่อเทียบกับ Arthur Christmas จึงทำให้เรื่องนี้เด็กๆ จะสนใจมากกว่า
- ถ้าคุณรักพ่อ รับรองว่าจะอินกับเรื่องนี้ครับ
ข้อเสีย
- เนื้อหาขาดความนุ่มลึกเมื่อเทียบกับ Arthur Christmas เหมือนกับมันดรอปลงไปบ้าง
- เนื้อหาขาดความใหญ่ จึงทำให้ได้รับความสนใจน้อยกว่า Rise Of The Guardians
- พล็อตเรื่องเรียบง่าย ยังไม่เห็นความสดใหม่เท่าไหร่ และยังไม่มีอะไรน่าจดจำเมื่อเทียบกับอาเธอร์
- มุขตลกใส่ตลอดก็จริง แต่ถ้าคนดูคนไหนเป็นผู้ใหญ่จะไม่เก๊กเมื่อเทียบกับเด็กๆ และสาวๆ (ในโรงหนัง สาวๆ จะขำกับมุขมากกว่าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ครับ)
- ตัวหนังยังขาดรายละเอียดหลายอย่างที่ทำให้ยังขาดความสมจริงหลายอย่าง
ปล. ทำไมผมถึงเทียบหนังเรื่องนี้กับ Arthur Christmas ? คำตอบก็คือ เรื่องนี้เป็นเรื่องถัดมาจาก Arthur Christmas ของค่าย Sony Pictures Animation ที่มาฉายในบ้านเราครับ ส่วนเรื่อง The Pirates! Band of Misfits เรื่องก่อนหน้านี้บ้านเราไม่มีฉายในโรง แต่ลงแผ่นเลยครับ -
Cesc-Goallllllllllll
(เลขที่ 233175)
เมื่อ 11 ธ.ค. 55 00:25
สนุก
-
ชอบมาก
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ธ.ค. 55 23:35
สนุกมากกกกกกกกก ชอบๆๆ
ไปดูกันเยอะๆ นะ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Lone Survivorเข้าฉายปี 2014 แสดง Mark Wahlberg, Taylor Kitsch, Emile Hirsch
- The School of Rockเข้าฉายปี 2004 แสดง Jack Black, Mike White, Joan Cusack
- มหัศจรรย์...พันธุ์รักเข้าฉายปี 2004 แสดง ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์, รัฐพร วัฒนสมบัติ, สุชาญา ไกรสุวรรณ
เกร็ดภาพยนตร์
- Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
- Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»