วิจารณ์ The Impossible
-
emo69
(เลขที่ 100209)
เมื่อ 6 ธ.ค. 55 01:47
หนังยังไม่ฉายอเมริกาเลย ฉายไทยแล้ว อาจดูเงียบๆ แต่กระแสหนังบอกต่อก็ถือว่าดีมากๆ คงโดนใจคอดราม่ากันเลยทีเดียว !!! ส่วนสเปนบ้านเกิดของหนัง ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าทำรายได้ดีจนเปนประวัติการณ์เลยทีเดียว ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้สูงมากที่ประเทศสเปน รายได้รวมล่าสุด คือ $49,793,237 จากการฉาย 7 สัปดาห์ครับ (เคยอยู่อันดับ 1 ถึง 5 สัปดาห์)
เกินบรรยาย ฉากท้ายๆที่หากันเจอ ทั้งพ่อ และน้อง ทำเอาน้ำตาร่วงมาไม่รู้ตัว และอีกหลายๆฉากที่กลั้นแทบไม่ไหว ดราม่าสุด เหมือนหลุดเข้าไปในเหตุการณ์จริงๆมาก อีกอย่างก่อนที่จะดูหนัง ยังได้ไปหาซาวแทรกประกอบหนัง ที่ Damien Rice นำมา cover ใหม่ ชือ่เพลง One ยิ่งทำให้รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้เข้าไปใหญ่ ถือเป็นหนังในดวงใจอีกเรื่องของปีนี้ ซึ่งมีไม่บ่อยนักที่จะทำออกมา // ปล. ชอบสเตตัสฉากที่คุณยาย พูดกับน้องคนกลาง ตอนนั่งดูดาวมากๆ บอกว่า "แสงจากดวงดาวใช้เวลาเดินทางมาหาเรา บางดวงยังคงลุกไหม้ ...แต่เราไม่มีทางรู้ว่าดาวดวงไหนที่ดับไปแล้ว เราก็ยังคงมองหาดาวดวงนั้น... เหมือนเป็นปริศนาที่งดงาม'' (เราไม่มีทางรู้หรอกตอนนี้ว่าใครเป็นอย่างไร? แต่มันก็น่ามหัศจรรย์.. ที่เรายังคงเฝ้ามองอยู่) ^^ -
oclc
(เลขที่ 8889)
เมื่อ 5 ธ.ค. 55 20:46
ความรู้ที่ได้จากหนังเรื่องนี้ คือ ความสงสาร
ฉาก,เอ๊ฟเฟค,นักแสดง เล่นดี ครับ -
พยาบาลหนุ่มรูปหล่อ
(เลขที่ 280111)
เมื่อ 5 ธ.ค. 55 13:52
This is the best movie that I ever watched in my life. :) หนังสมจริงมาก ทั้งฉากสึนามิ ฉากอารมณ์นักแสดงแสดงได้สุดยอดมาก ! เป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผมร้องไห้ได้ยาวขนาดนี้ .. เป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ ^^
"จงเข้มแข้งเพื่อคนที่คุณรักและเพื่อคนที่รักคุณ"
9/10 :) -
yeahh
(เลขที่ 198548)
เมื่อ 4 ธ.ค. 55 19:27
คงไม่มีอะไรต้องกล่าว เพราะร้องไห้ออกมาหมดเเล้ว
ประทับใจซีนจบที่วัตส์ร้องไห้บนเครื่องบินมากๆ -
ggee
(เลขที่ 255938)
เมื่อ 2 ธ.ค. 55 16:18
ดูจบกลับมาบ้านแล้วยังขนลุกอยู่เลยอ่ะ
เอฟเฟคต์สมจริง อย่างฉากหนีน้ำ ฉากคลื่นมา หรือกระทั่งบาดแผลต่างๆทำเหมือนจริงมาก
เราไปดูกับแม่ มีร้องว้ายหลายครั้งด้วยความอินจัด นักแสดงยิ่งไม่ต้องพูดถึง เด็กตัวเล็กๆยังเล่นกัน
ได้ขั้นเทพ เป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะลูคัสลูกชายคนโต คนนี้ซูฮกจริงๆ อนาคตยอดนักแสดง
แน่นอน สื่ออารมณ์ได้ดีเวอร์ๆไปดูเบื้องหลังเค้าก็ถ่ายทำกันแบบทุ่มสุดชีวิตจริงๆ(ลองหาดูในยูทู้ป แล้วจะอึ้ง)นาโอมิ กับยวนก็ไม่น้อยหน้า ฉากอินเนอร์ทีทำเอาคนดูกดดัน หดหู่มากๆๆๆ
อีกเรื่องที่อยากชมคือ ถึงหนังจะไม่เน้นการหนีคลื่นแบบอุตลุต ไม่เน้นเอฟเฟคต์อันอลังการ
ของภัยพิบัติแบบพวก 2012 แต่ก็ยังทำให้คนดูมีอารมณ์ร่วมแบบสุดๆได้ มันแสดงให้เห็นถึง
ความเลวร้ายในช่วงนั้นเลยอ่ะ คือแบบ หนังยังขนาดนี้ แล้วลองนึกถึงว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงสิ...
ดูแล้วหดหู่มากจริงๆ โฮ้ยมันบอกไม่ถูก มันเศร้ามาก กดดันมาก บีบคั้นหัวใจมาก แนะนำให้ไปดู
เป็นหนังที่ทำให้ในโรงเงียบที่สุด ทุกคนพากันนิ่ง อินได้ยินแต่เสียงสะอื้นสูดน้ำมูกชัดเจน 55
"10/10" ค่ะ ไม่มีอะไรให้ติเบย ...
ปล.คนที่คิดว่าตัวเองบ่อน้ำตาตื้น กรุณาพกทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าเข้าไปด้วย ไม่งั้นแขนเสื้อท่านอาจจะเปียกได้ จริงๆ -
เคว้งคว้าง
(เลขที่ 274163)
เมื่อ 2 ธ.ค. 55 10:08
ซึ้งหลายฉากมาก แต่ตาลายมากเลยอ่ะT^T ให้ 9 นะ
-
Cesc-Goallllllllllll
(เลขที่ 233175)
เมื่อ 30 พ.ย. 55 22:28
ตั้งแต่้ต้นปี เรื่องนี้เป็นหนังที่สามารถเรียกน้ำตาจากเราได้เรื่องแรกเลยทีเดียว หนังดำเนินเรื่องได้กระชับดีมาก Sound ลงตัวมาก เลยทำให้เหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ แค่เราดูในหนังเราก็สามารถสัมผัสได้ถึงความกลัวแล้ว และมันน่ากลัวมากจริงๆแต่ในความน่ากลัวเมื่อมันผ่านไปแล้วก็ยังมีความมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ให้เห็นกันมากมาย นักแสดงทุกคนเล่นได้ถึงอารมณ์มากจนบางทีเราคิดว่าถ้าเราเกิดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ด้วยตัวเอง เราจะสามารถอดทนและผ่านมันไปได้มั้ย นับถือครอบครัวชาวสเปนครอบครัวนี้จริงๆ คุณเข้มแข็งมาก ที่ต้องชมอย่างขาดไม่ได้คือ Tom Holland ที่เล่นเป็น ลูคัส น้องคนนี้เล่นเก่งมากจริงๆสื่อสารทางอารมณ์ได้ดีสุดๆยิ่งตอนกลัวนะสุดยอด อนาคตไกลแน่น้องเอ้ย ไปดูเรื่องนี้กันเยอะๆนะ
-
goodguy22
(เลขที่ 172092)
เมื่อ 30 พ.ย. 55 18:04
ไปดูมาแล้วเมื่อคืน เรื่องนี้หนังสนุกมาก ลุ้นไปด้วยเสียวไปด้วย นอนไม่หลับเพราะเอฟเฟ็คเล่นเอาเหมือนจนน่ากลัวมากๆ สเปนทำหนังเก่งแฮะ ยังไงก็ไปดูกันเยอะๆนะ นักแสดงเค้าเล่นดีจริง
-
วกวน
(เลขที่ 274871)
เมื่อ 30 พ.ย. 55 11:56
ไปดูมาแล้วค่าาา สนุกมากๆๆๆเลย เอ็ฟเเฟ็กดีมาก สมจริงมาก ซึ้งมากกกก แบบบเป็นหนังที่ไม่น่าเบื่อเลยอะ ดูแล้วอินไปกับเรื่อง ฉากทำสมจริงมากจนน่ากัว อยากให้ไปดูกันเยอะๆนะค้าาา :)
-
amitymonster
(เลขที่ 133395)
เมื่อ 7 พ.ย. 55 02:15
The impossible (ชื่ออังกฤษ) Lo imposible (ชื่อสเปน อ่านว่า โล อิมพอสิเบล(บเล)) ซึ่งมีชื่อไทยแบบตรงไปตรงมาอย่าง 2004 สึนามิ ภูเก็ต เป็นหนังสัญชาติสเปน สร้างจากเรื่องจริงของครอบครัวชาวสเปนครอบครัวหนึ่งซึ่งมาฉลองคริสมาสต์ที่ภูเก็ต แต่ผู้สร้างเลือกใช้นักแสดงจากฮอลลีวู้ด และพูดภาษาอังกฤษ(และภาษาไทยนิดหน่อย) ที่สำคัญถ่ายทำที่ภูเก็ตด้วย(ว่ากันว่าจริงๆแล้วถ่ายที่พังงา) โดยฉายที่สเปนเป็นประเทศแรก และหนังเรื่องนี้ทำสถิติเปิดตัวสูงอันดับหนึ่งของหนังสเปน แว่วๆมาว่าใช้ทุนสร้างสูงสุดในประวัติศาสตร์หนังสเปนอีกด้วย
The impossible กำกับโดย Juan Antonio Bayona (The Orphanage) ซึ่งได้นักแสดงนำอย่าง Naomi Watts รับบท มาเรีย ที่คุ้นเคยกันดีใน คิงคอง ,Ewan McGregor รับบท เฮนรี่ และ Tom Holland มารับบทเป็นลูกชายคนโต ลูคัส ก่อนอื่นขอชมเลยว่าการแสดงของทั้งสามคนนี้ อเมซิ่งมากๆ เริ่มจาก นาโอมิ เธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของคนเป็นแม่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ผมชอบบุคลิกของเธอเอามากๆกับบทนี้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอารมณ์ทางสายตา การแสดงสีหน้าท่าทางถึงความเจ็บปวดจากการจู่โจมของสึนามิ รวมไปถึงการแสดงออกถึงความเป็นห่วงลูกๆในบทบาทของผู้เป็นแม่ บางคนบอกว่าเธอมีโอกาสเป็นหนึ่งในห้าที่จะเข้าชิงนำหญิงของออสการ์ ในความคิดของผม ผมว่าเธออาจมีชื่อหนึ่งในห้า แต่ถามว่ามีโอกาสชนะไหมนั้น ผมว่าคงยังไม่ถึงจุดนั้น เพราะบทของเธอไม่ค่อยเด่นอะไรมากมาย เผลอๆ บทลูกชายคนโตเยอะกว่าด้วยซ้ำ ถ้าใครยังคิดถึงเสียงเธอกรี้ดใน คิงคอง คุณจะได้ยินเสียงเธอกรี้ดอีกครั้งแน่นอนใน The impossible ขอบอกอีกว่า นาโอมิ แอบเซ็กซี่ เล็กน้อย
Ewan McGregor บทบาทของผู้เป็นพ่อของพ่อหนุ่ม ยวน คนนี้ ไม่ได้มีเยอะมากแต่ก็ไม่น้อยเกินไป พูดถึงด้านการแสดงสำหรับผม ผลงานที่ผ่านของเฮีย ยวน ก็ไม่เลวร้ายอะไร แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเด่นมากมาย พอเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ฉากเปิดเรื่องการแสดงก็ธรรมดา แต่พอช่วงกลางๆเรื่อง โอ้ย ทำไมแสดงซีนอารมณ์ได้เก่งขนาดนี้ คำพูด น้ำเสียง สายตา ท่าทาง ทั้งหมดนี้เฮียแกจัดเต็มมาก มีฉากหนึ่งเฮียแกทำผมขนลุก และน้ำตาไหลออกมาอยากกลั้นไว้ไม่อยู่ ผมจะไม่บอกว่าฉากไหนแต่ถ้าคุณไปดูแล้วคุณจะรู้เอง ผมขอแนะนำตรงนี้เลยว่า ถ้าอยากสัมผัสถึงอารมณ์นั้นของเฮีย ยวน ต้องดูซาวด์แทร็กเท่านั้น ย้ำกันอีกทีว่าแนะนำให้ดูซาวน์แทร็ก เพราะไม่รู้ว่าพากษ์ไทยจะพากษ์ได้ถึงอารมณ์รึเปล่า
Tom Holland รับบทเป็น ลูคัส ลูกชายคนโต ขอบอกก่อนเลยว่าเด็กคนนี้น่าจับตามองมากในอนาคต เพราะการแสดงนั้นสื่อออกมาได้ดีเลยทีเดียวแต่ก็ไม่ถึงกับเด่นมาก บทบาทของเขานั้นผมว่าน่าจะเยอะที่สุดแล้วถือว่าเป็นพระเอกของเรื่องเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้หนังยังใช้นักแสดงคนไทยด้วย ที่พอจะมีบทบาทหน่อยก็จะเป็น พลอย จินดาโชติ รับบทเป็นพยาบาลสาวใจดี และ กีรติ ศิวะเกื้อ รับบทเป็นพนักงานในรีสอร์ท ทั้งสองพูดภาษาอังกฤษชัดเจน(สำเนียงคนไทย) ถึงบทของทั้งสองจะไม่เด่นมาก แต่การแสดงก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว นอกนั้นก็จะเป็นชาวบ้านตาดำๆ ที่คอยให้ความช่วยเหลือประปราย
The Best Holiday Season Ever
ฉากเปิดเรื่อง ใช้ดนตรีประกอบของการเดินทางทางเครื่องบิน ซึ่งทำออกมาได้ตื่นเต้นตั้งแต่เปิดเรื่องเลย จากนั้นตัวหนังก็ทำให้คนดูลุ้นว่าเมื่อไหร่สึนามิจะมา ฉากตอนต้นเรื่องที่ผู้คนปล่อยโคมกัน ตามที่เห็นในตัวอย่างนั่นแหละ ผมว่าทำออกมาได้สวยงาม จากนั้นหนังก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงให้เสียเวลามาก ฉากที่ทุกคนรอคอยก็เริ่มทำการจู่โจม สำหรับผมแล้วค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยกับฉากดังกล่าว ไม่ใช่ว่าทำออกมาไม่ดีนะ แต่ผมหวังว่าจะมีเยอะกว่านี้เพราะเท่าที่เห็นก็ในตัวอย่างทั้งนั้น แต่เรื่องของสเปเชียลเอฟเฟคต่างๆนั้น ต้องยกให้เค้าเลยครับ เยี่ยมยอดมาก
Is It Over
ตามที่รู้กันจากตัวอย่างครับว่าผลจากการโดนสึนามิถล่มนั้นเป็นยังไง ส่วนตัวแล้วผมชอบภาพมุมสูงที่ถ่ายลงมาแสดงให้เห็นถึงความเสียหายของอาคาร สถานที่ ทำออกมาได้ดีมากๆเลยครับ นับจากนี้เตรียมกระดาษทิชชู่ให้พร้อมเลยครับ เพราะในช่วงที่น้ำทะเลไหลทะลักเข้าจู่โจมนั้น ทำให้ ครอบครัวนี้ต้องแยกจากกัน ซึ่ง เฮนรี่ ได้กอดลูกชายสองคนเล็กเอาไว้ได้ ส่วน ลูคัส ลูกชายคนโตต้องไปผจญภัยกับมาเรีย (นาโอมิ) โดยตัวหนังเน้นไปที่ มาเรียกับลูคัสลูกชายคนโต ซึ่งเป็นอะไรที่กดดันเอามากๆผสมกับการแสดงออกทางอารมณ์ของ นาโอมิ ผู้เป็นแม่ และทอม ลูกชายคนโต มันช่างดูโหดร้ายและน่าสงสารเสียเหลือเกิน ซึ่งตัวหนังทำออกมาได้กดดันจนน้ำตาเอ่อล้นเพราะความเห็นใจของคนทั้งคู่ที่ตะเกียกตะกายอยู่บนฟูกลอยน้ำพยายามที่จะจับมือกันและกัน และฉากที่ ลูคัส บอกกับ มาเรีย ผู้เป็นแม่ว่า i'm scared แล้ว มาเรีย ก็กระซิบข้างหูลูกชายว่า i'm scared too มันช่างเป็นอะไรที่สะเทือนใจเอามากๆ เพราะขนาดผู้เป็นแม่เองยังไม่สามารถปลอบใจลูกชายได้ ผมว่าถ้าคุณเคยร้องไห้กับฉากเปิดเรื่องของหนังจีนอย่าง Aftershock ฉากเปิดเรื่องของ The impossible ก็จะทำให้คุณเสียน้ำตาได้เหมือนกัน เผลอๆ สะเทือนใจและกดดันกว่าอีก
Even if it?s the last thing we do
สิ่งที่หนังสื่อออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน คือ น้ำใจ ในส่วนนี้นอกจากคุณจะได้เห็นการช่วยเหลือของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ตัวหนังยังแสดงให้เห็นถึงการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของคนที่อยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตรอด โดยบทจะเน้นไปที่ ลูคัส ซะส่วนใหญ่
?เข้มแข็งหน่อย? คือคำพูดของลุงคนไทยคนหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจต่อ มาเรีย ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีเพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ความเสียหายจากการกระแทรกของน้ำทะเล อารมณ์มืดแปดด้านเข้าครอบงำ เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากคนไทย เธอจึงเปล่งคำพูดออกมาจากใจว่า ?Thank you so much? พอได้ยินเสียงนั้นจากปากเธอ ประกอบกับภาพของน้ำใจในการช่วยเหลือของคนไทยที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ความปราบปลื้มใจก็ทำให้ผมขนลุกและน้ำตาก็ไหลเป็นสายลงมาอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
Won?t stop looking until I find them
มาทางด้าน เฮนรี่ บ้างซึ่งขณะเกิดเหตุก็ได้คว้าลูกชายคนเล็กสองคนเอาไว้ได้ มีคำพูดหนึ่งที่โดนใจผมมาก ซึ่ง เฮนรี่ พูดกับลูกชายประมาณว่า ?มันเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับพ่อ ตอนที่พ่อตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเพียงตัวพ่อเองอยู่เพียงลำพัง จากนั้น พอพ่อเห็นลูกทั้งสอง พ่อก็ไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป? มันเหมือนเป็นคำพูดที่มาจากจิตใต้สำนึกของคนเป็นพ่อ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่เกิดความรู้สึกหวาดกลัวว่า ครอบครัวเราอยู่ที่ไหน ทำไมเราอยู่พียงคนเดียวลำพัง พวกเขาเราจะปลอดภัยรึเปล่า ทำไมเราช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้เลย แต่พอได้เห็นหน้าลูกชายคนเล็กสองคน ทำให้เขาไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป เป็นคำพูดที่ทรงพลังมากครับ จากนั้น เฮนรี่ ก็เริ่มตามหาครอบครัว ซึ่งไปติดตามกันเอาเองว่าเขาจะใช้วิธีไหน ทำอย่างไร ในการตามหากันและกันท่ามกลางความเสียหายจากหายนะครั้งนี้
The impossible เป็นหนังที่ผู้กำกับเน้นไปที่อารมณ์ล้วนๆประกอบกับซาวน์แทร็กที่ไพเราะสุดซึ้ง ซึ่งผมคิดว่ามันได้ผล เพราะเหล่านักแสดง เล่นดีกันเหลือเกิน ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสายตา คำพูด ลักษณะท่าทาง อารมณ์ โดยเฉพาะการรับส่งอารมณ์ระหว่างกันและกันของ นาโอมิ และ ทอม เป็นอะไรที่หดหู่และสะเทือนใจเอามากๆ ในส่วนของ ยวน อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นแล้วว่า ซีนอารมณ์ เฮียแกทำออกมาได้ทรงพลังมาก สายตา น้ำเสียง อารมณ์ ที่คนดูต้องยกนิ้วให้ แกแสดงออกถึงความเศร้า ความกลัว ความพยายามอย่างสุดกำลังที่จะตามหาครอบครัว ทำให้คนดูเข้าถึงจุดนั้นได้อย่างอยู่หมัด
สเปเชียลเอฟเฟคต่างๆไม่ต้องพูดถึงเลย ตั้งแต่สึนามิจู่โจม สภาพความเสียหายของอาคาร สถานที่ ไปจนฉากใต้น้ำที่ มาเรีย โดนเศษซากปรักหักพังขีดข่วนร่างกาย ทำออกมาได้สด และใหม่ เพราะจะไม่ค่อยเห็นซีจีอย่างนี้จากหนังเรื่องไหนมาก่อน
ส่วนข้อเสียก็ใช่ว่าจะไม่มี นั่นก็คือ บท ของหนัง ผมว่ายังธรรมดาไปและเดาได้ไม่ยาก แต่ผู้กำกับพยายามใส่ความหลากหลายเข้าไปเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น และเน้นไปที่การมีน้ำใจ การช่วยเหลือของเพื่อนมนุษย์ อีกอย่างที่ผมไม่ค่อยชอบ คือ ฉากต่างๆมันสปอยล์อยู่ในตัวอย่างเกือบทั้งหมด ทำให้บางครั้งเราแทบจะเดาได้เลยว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ข้อเสียเหล่านั้นผมว่าข้อดีต่างๆที่ได้กล่าวไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น การแสดงออกทางอารมณ์ของตัวละคร ซาวน์แทร็ก สเปเชียลเอฟเฟค มันได้หักล้างข้อเสียเหล่านั้นไปจนหมด
บางคนบอกว่าผู้กำกับเน้นไปที่อารมณ์เศร้าและใส่ความดราม่ามากจนเกินไป แต่สำหรับผมแล้วผมกลับมองว่า ถ้าการที่หนังสักเรื่องจะทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ของหนัง จนซึ้งและร้องไห้ออกมาได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่ง The impossible ทำให้ผมเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครจนบางครั้งน้ำตาก็ไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว
ขอทิ้งท้ายเกี่ยวกับหนังสักหนึ่งประโยคว่า
"ถ้าเหตุการณ์สึนามิ เป็นเหตุการที่ผู้คนจะไม่มีวันลืม The impossible ก็จะเป็นหนังที่จะทำให้ผู้คนจดจำไปตลอดเช่นกัน"
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Alexanderเข้าฉายปี 2004 แสดง Colin Farrell, Jared Leto, Angelina Jolie
- Puss in Bootsเข้าฉายปี 2011 แสดง Antonio Banderas, Salma Hayek, Zach Galifianakis
- ฝนตกขึ้นฟ้าเข้าฉายปี 2011 แสดง นพชัย ชัยนาม, ศิริน หอวัง, อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
The Knight of Shadows: Between Yin and Yang เมื่อเกราะคุ้มกันระหว่างอาณาจักรมนุษย์และปีศาจได้ล่มสลาย กองทัพอสูรกายกำลังรุกล้ำเข้ามาอาละวาดยังโลกมนุษย์ ราชันย์อสูรจ...อ่านต่อ»