วิจารณ์ The Perks of Being a Wallflower
-
MTH.Channel
(เลขที่ 341465)
เมื่อ 20 เม.ย. 56 23:25
ผมไม่ค่อยได้ดูหนังวัยรุ่น ซึ่งเหตุผลก็ง่ายๆ ไม่ค่อยชอบ มันดูธรรมดาและไม่มีอะไรหวือหวา แต่ด้วยหนังเรื่องนี้คนพูดกันว่าดี ผมเลยเปิดใจที่จะลองดูซักครั้ง ให้มันรู้ไปว่าดีจริงหรือไม่....
การดำเนินเรื่อง โอเคเลยครับ เป็นหนังวัยรุ่นที่ผมดูแล้วรู้สึกว่า มันไม่เอื่อยเท่าไร ออกเรื่อยๆซะมากกว่า ด้านของเนื้อเรื่องก็แนววัยรุ่นปกติ...เล่าชีวิตของตัวละครหลัก แต่ปมที่มีในหนังผมชอบนะ การที่ตัวเอกมีปัญหาในการเข้าสังคม ซึ่งคำพูดที่ผมชอบคือ "ถ้าโลกรู้ว่าเราบ้า ยังจะมีคนอยากคุยกับเราอยู่ไหม" ชัดเจนดีครับ สะท้อนสังคมเลยละ...
สิ่งที่ผมชอบในเรื่องคือหนังแสดงความรู้สึกของตัวละครหลักๆได้ดี ดึงคนดูเข้าถึง ผมดูแล้วเข้าใจความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวเลยละ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ การตัดสินใจ ช่วงเวลาเศร้าหรือสุขก็ตาม...
และตอนจบที่สวย.... คุณค่าและความสุขของชีวิต ^^
ผมให้ 7.0/10 นะ Like
นับว่าเป็นหนังวัยรุ่นที่ผมรู้สึกดีหลังดูจบเรื่องแรก... -
Watchmen_Since_1985
(เลขที่ 296622)
เมื่อ 20 มี.ค. 56 11:10
"I feel infinite."
ดอกไม้บนกำแพง
ในชีวิตคนเรามีเหตุการณ์ต่างๆมากมายให้จดจำ บางความทรงจำมีคุณค่ากับจิตใจ บางความทรงจำมักถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา วัยเรียนคือช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การจดจำมากที่สุดช่วงหนึ่ง ช่วงเวลาดังกล่าวคือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต การเรียนส่งผลต่ออาชีพในอนาคต กลุ่มเพื่อนทำให้เรารู้จักรักษามิตรภาพ รักครั้งแรกทำให้เรารู้จักให้ใจกับใครคนหนึ่ง ครอบครัวคอยอยู่เคียงข้างในวันที่ล้มลง ให้กำลังใจไม่เคยห่าง ช่วงเวลาเหล่านั้นมีความหมายมากเหลือเกิน
The Perks of Being a Wallflower คงเป็นหนังที่จืดชืด ไร้สีสันแต่งแต้ม เหมือนหนังรักวัยรุ่นไฮสคูล ใสๆทั่วไปตามท้องตลาด แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น หนังบอกเล่าเรื่องราวที่แสนสับสน ความว้าวุ่นใจ ความบ้าคลั่ง ของเด็กหนุ่มที่มีในการใช้ชีวิตอย่าง Charlie ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ สมดุล ไม่ขำก๊ากจนกรามค้างแต่อมยิ้มในใจ ไม่ฟูมฟายร้องไห้ปล่อยโฮแต่น้ำตาซึมเล็กน้อย ไม่พาคนดูขึ้นเหนือ ล่องใต้ พายเรือออกนอกทะเลแต่เล่าในสิ่งที่คนดูล้วนเคยประสบพบเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับตัวละครในเรื่องซึ่งแม้ไม่เหมือนซะทีเดียวแต่ก็คล้ายคลึง ผมชอบนะ ผมชอบหนังที่ดูแล้วทำให้นึกถึงตัวเอง หนังที่ให้คนดูได้เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้น
ถ้าชอบดูหนังรัก หากหนังในดวงใจเกินครึ่งเป็นหนังรักอย่าง The Graduate, (500) Days of Summer, Notting Hill, Eternal Sunshine of the Spotless Mind หรืออะไรทำนองนี้ เมื่อคุณสัมผัสกับ The Perks of Being a Wallflower จบแล้ว หนังเรื่องนี้จะเข้าไปในลิ้นชักหนังที่คุณประทับใจซึ่งมีหนังเรื่องอื่นๆรออยู่ก่อนแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ต้องกล่าวชมนักแสดงรวมทั้งทีมงานโดยเฉพาะผู้กำกับทัพเรือใหญ่ของหนังเรื่องนี้ Stephen Chbosky หากจะว่าไปแล้วงานกำกับชิ้นแรกของเขานั้นสอบผ่านในระดับเกรด A ทางด้านของนักแสดง Logan Lerman ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเองชอบในนักแสดงรายนี้นอกจอมากกว่าในจอ เพราะบทบาทก่อนหน้าไม่สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้ จนดูเหมือนเป็นการประเมินค่านักแสดงต่ำเกินไป แต่ใน The Perks of Being a Wallflower จะได้เห็นความสามารถของนักแสดงรายนี้ ซึ่งสวมบทบาทได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทางด้าน Emma Watson ใครที่เป็นฐานนักแสดงมาตั้งแต่คราว Harry Potter ครั้งนี้เธอก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รวมทั้งสร้างมาตรฐานตัวเองขึ้นมาอีกระดับ แต่หากให้ผมเลือกนักแสดงที่ชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ผมขอเลือก Ezra Miller นี่เป็นหนังเรื่องแรกที่เขาแสดงและผมได้ดู (ผมยังไม่เคยดู We Need to Talk About Kevin) ต้องบอกเลยว่าชอบนักแสดงคนนี้มาก เค้าพร้อมที่จะแย่งซีนนักแสดงหลายๆคนที่ร่วมเฟรมเดียวกันได้ทุกเวลา เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ตัวละคร Patrick ที่เค้ารับบทนั้นเป็นตัวที่มีสีสันมากที่สุดในเรื่อง และอาจทำให้ใครต่อใครหลายคนหลงรักเค้าหมดใจเลยก็เป็นได้
ถ้าคุณเป็นอีกคนที่มักจะหาเพลงประกอบหนังที่คุณรักมาฟัง หาก Nick and Norah's Infinite Playlist ,Once ,Up in the Air , My Blueberry Nights คือตัวอย่างหนังที่มีเพลงประกอบเพราะๆแล้ว The Perks of Being a Wallflower ก็เป็นอีกหนึ่งหนังที่คุณต้องหาเพลงประกอบมาฟัง เช่น Dexys Midnight Runners - Come On Eileen , The Samples ? Could It Be Another Change , David Bowie ? Heroes เป็นต้น ไม่ใช่แค่เพลงที่หยิบยกเข้ามาวางในหนังแต่ยังเป็นตัวบอกรื่องราวได้เป็นอย่างดี
ผมเพิ่งจบ ม.ปลาย ได้ไม่นานนัก และกำลังรอผลคะแนนต่างๆในขณะนี้ ประจวบกับได้ดูหนังเรื่องนี้ในช่วงเวลาเดียวกัน มันมีความรู้สึกเหมือนได้กลับไปในช่วงเวลาเรียน ม.ปลายอีกครั้ง กลุ่มเพื่อนที่เคยร่วมเฮฮาร่วมกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา นับจากนี้ผมคงเจอพวกเขาน้อยลงหรืออาจไม่ได้เจอกันอีกเลย ในวันพรุ่งนี้ชีวิตใหม่จะเริ่มต้นขึ้น คงเหมือนกับที่ Charlie บอกไว้ ?เราจะจดจำมัน?
?I swear we were infinite.?
10/10 แด่ช่วงเวลาที่แสนงดงามในชีวิต -
Magellan
(เลขที่ 150165)
เมื่อ 21 ธ.ค. 55 22:45
หนังดราม่าวัยรุ่น เนื้อเรื่องดาดๆ อย่างการเป็นคนนอกสังคม การมีตัวตนในวัยรุ่น ถูกเล่นมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้กลับลงตัวในหลายๆ ด้าน ทั้งการแสดงของนักแสดงนำ ดนตรีและเพลงประกอบ ถูกหล่อหลอมเป็นความลงตัวที่สุด ในบรรดาหนังดราม่าวัยรุ่น เรื่องนึงจะทำได้ เรื่องนี้ให้ 8.5/10
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- แจ๋วเข้าฉายปี 2004 แสดง พรชิตา ณ สงขลา, จารุภัส ปัทมศิริ, จารุณี บุญเสก
- TRON: Legacyเข้าฉายปี 2010 แสดง Garrett Hedlund, Olivia Wilde, Jeff Bridges
- รักที่รอคอยเข้าฉายปี 2009 แสดง รัชวิน วงศ์วิริยะ, พิษณุ นิ่มสกุล, ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ
เกร็ดภาพยนตร์
- Night at the Museum: Secret of the Tomb - เป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของ โรบิน วิลเลียมส์ นักแสดงบท ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ส่วนใน Absolutely Anything (2015) โรบิน เพียงพากย์เสียงเท่านั้น อ่านต่อ»
- The Tale of The Princess Kaguya - มีความยาว 137 นาที ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ยาวที่สุดของสตูดิโอจิบลิ โดยยาวกว่า Princess Mononoke (1997) 3 นาที อ่านต่อ»