SIAMZONE.COM

จุดประสงค์ของหนังดี ครับ
ให้รักต้นไม้ ธรรมชาติ
แต่หนัง (สำหรับผม) ดูแล้วเฉยๆ น่ะ ครับ

ต้นไม้ มีชีวิต

The Lorax หากดูจากตัวอย่างหนังแล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆคนต้องอยากดูมากแน่ๆ ผมยิ่งเป็นคอหนังอะนิเมชั่นอยู่แล้ว ยิ่งอยากดูมาก ซ้ำยังเป็นผู้สร้างเดียวกับ Despicable Me ซึ่งผมนั้นชอบมาก

แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆ The Lorax ค่อนข้างจะขาดความสมเหตุ สมผลเยอะมาก จริงอยู่ที่เป็นอะนิเมชั่นหนังจึงเล่าเรื่องออกมาได้สดใส แต่มันใสมาก จนดูกลายเป็นการ์ตูนหลอกเด็ก ชนิดที่ว่าเด็กมาก เช่น Ted สามารถหนีออกจากเมืองได้อย่างง่ายดาย ไม่มีการป้องกันอะไรเลย หนังที่รีบเร่งเล่ามากๆ จนขาดรายละเอียดในบางจุดไป รวมถึงเหตุผลที่ตัวละครอย่าง Ted ออกตามหาต้นไม้เพื่อ Audrey ก็ดูจะน้อยไป รวมถึงทางด้านตัวร้ายที่ดูยังไงๆ ก็ใสซื่อ และกลับกลายเป็นว่าเรื่องราวของตัวละคร The Once-ler นั้นกลายมาเป็นพระเอกซะดื้อๆ แต่ใช่ว่าหนังจะมีแต่ข้อเสีย เพราะผมนั่งดูกับน้องวัย 9 ขวบ ก็เห็นแกนั่งดูสนุกดี หัวเราะ นอกจากนั้นแล้วภาพในหนังสวยมาก สีสันสดใส เป็นตัวดึงดูดคนดูได้เป็นอย่างดี จนอยากจะเข้าไปโลดเล่นอยู่ในจินตนาการนั้น ฉากไคลแม็กซ์อาจดูน้อยไปนิด ส่วนดนตรีประกอบนั้นค่อนข้างธรรมดาไปหน่อย

สิ่งที่ต้องเอ่ยปากยอมรับคือ The Lorax นั้นมีเจตนาที่ดีในการทำให้คนดูเข้าใจและรักษ์ธรรมชาติมากขึ้น หากหนังมีการขัดเกลาและเพิ่มความเป็นดราม่า ความจริงจังลงไปอีกนิด บางที The Lorax อาจกลายเป็นอะนิเมชั่นที่น่าจดจำมากกว่านี้ก็เป็นได้

8/10

*ผมฟังเสียงไทย(เพราะน้องดูด้วย) พากษ์ได้โอเค แม้ว่าเวลาที่ตัวละครร้องเพลงจะดูแปร่งๆหูอยู่บ้างแต่โดยรวมแล้วฟังเสียงไทยก็ไม่เสียหายครับ

เรื่องนี้พูดถึงสิ่งแวดล้อมที่ทุกวันนี้พวกเราพบเจออยู่ครับ หนังน่ารักเพลงเพราะดี (ผมดูพากย์ไทย) ทีมพากย์ชุดนี้ยอมรับได้ครับ แนะนำครับพาเด็กๆไปดูเพื่อให้รู้ถึงความจำเป็นที่เราต้องมีป่าไม้ครับ

คุ้มจริงๆค่ะ
ภาพสวย เนื้อเรื่องดี
ช่วงเเรกฮาๆ เพลงเพราะ
ให้ข้อคิดดี
ดูสองรอบยังไม่เบื่อ
ชอบมากๆค่ะ

ชอบบบบบ >< สนุกมาก ภาพสวย :)

เป็นการ์ตูนที่มีประโยชน์และเหมาะสำหรับยุคปัจจุบันมาก

ปลุกจิตสำนึกที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติผ่านคุณปู่ตัวสีส้ม
ถึงดูน่าขัน ไม่น่ากลัว แต่กลับดูน่ารัก น่าหยิก และน่าเกรงขามในบางครั้ง

ถ้าคิดถึงความเป็นไปได้ ถึงโลกอนาคต มนุษย์เราอาจเป็นอย่างนั้น
เพราะทุกๆ อย่าง รอบตัวคือ พลาสติก คือ การปลอมแปลง ไม่มีสิ่งใดจริง
แม้แต่จะสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ก็ยังต้องหาซื้อเพราะมันไม่มีเหลืออีกต่อไป

ดังนั้น..หากไม่มีใครมองเห็นในสิ่งที่แตกต่าง
หากไม่มีใครอยากหวนคืนสู่ธรรมชาติ มันก็คงไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง

ธีมของเรื่องอาจฟังดูธรรมดาสามัญที่เราเห็นดาษดื่นในช่วงหลายปีหลัง
แต่ก็ต้องยอมรับถึงวิธีการนำเสนอที่สามารถแพร่หลายไปทุกเพศทุกวัย
เพื่อปลูกจิดสำนึกให้เยาวชนที่น่าจะพึ่งได้ มากกว่าคนที่มีวุฒิภาวะแล้วยังมองดูเฉยๆ

เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก หากมองข้าม ไม่ใช่แค่คนเดียวจะสูญเสีย
แต่ทุกคน...ทุกๆ คน สูญเสียเท่ากัน...

ก็...ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ารักชวนยิ้มอีกหนึ่งเรื่อง
ผู้ใหญ่ดูได้ (แต่จะรู้สึกกันบ้างไหม?) ส่วนเด็กไม่ต้องพูดถึง...ชอบกันอยู่แล้ว

ดูเสร็จ..ถ้ารู้สึกว่า อยากปลูกต้นไม้สักต้น
ไม่ต้องเกี่ยงว่าเป็นต้นอะไร แค่คิดถึงว่า มันจะออกมาอะไร..แค่นั้นก็น่าดีใจแล้ว

เหมือนที่ Once-ler ตัวละครที่เคยทำพลาดอย่างใหญ่หลวงมาก่อนพูดเอาไว้
(อยากรู้ว่าเขาพูดว่าอะไรกับเด็กชาย Ted ต้องไปดูเองแล้วล่ะ ^_^)

สุดท้าย...ที่ชอบมากๆ คือ คำบนป้ายหินหน้าบ้านของ Once-ler
ที่บอกว่า UNLESS เป็นคำสั้นๆ ... แต่บอกอะไรได้หลายอย่าง

ไปดูแล้วจะชอบค่ะ =^___^=

เรื่องนี้น่ารักมากๆ ตัวการ์ตูนน่ารักทุกตัว สีสันของภาพก็สดใสมากเป็นโทนสีลูกกวาดแจ่มๆ ยิ่งเป็น 3D ยิ่งเจิศสุดๆไปเลยคะ ^^

หนังเล่าเรื่องแบบน่ารักๆ ไม่มีความซับซ้อน สื่อออกมาตรงๆ ง่ายๆ แต่มันโดนใจมาก เด็กดูคงสนุกแถมได้ข้อคิด ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสนุกทั้งสะอึกไปเลยล่ะ เพราะหนังจี้จุดได้โดนมาก เราชอบประโยคของตัวละครคู่นึง (ชื่ออะไรไม่รู้นะ) ที่เป็นทีมทําโฆษณาให้มิสเตอร์โอแฮร์ ตัวร้ายของเรื่องนะคะ ที่เขาจะพูดประมาณว่า (จริงๆ ร้องเป็นเพลงนะ) " ผลิตอะไรก็ได้ที่เป็นพลาสติก ยังไงก็มีคนซื้อ เพราะคนสมัยนี้ชอบพลาสติก" แนวๆ นี้ เราว่ามันโดนดีคะ เพราะคนเราทุกวันนี้ใช้ชีวิตง่ายเกินไป ใช้พลาสติกกันเยอะจนทําลายทรัพยากรธรรมชาติไปหมด เฮ้อ!

เอาล่ะ กลับมาเรื่องหนังต่อนะ ด้วยความยาวประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เราว่ามันพอดีกับเนื้อหาของหนังเลยล่ะ เพราะถ้านานกว่านี้เราก็เริ่มเบื่อแน่ๆ เพราะเรื่องคงวนไปวนมา เวลาเท่านี้ถือว่าพอเหมาะเลย

อยากให้ดูเรื่องนี้กันเยอะๆ เราว่านอกจากความสนุก มันทําให้ได้ข้อคิดเยอะด้วย รอบที่เราไปดูเป็นภาษาอังกฤษน่ะ ยังคิดอยู่เลยว่าอยากจะดูฉบับพากย์ไทยอีกสักรอบ เพราะทีมพากย์ไทยก็เจ๋งอยู่เหมือนกัน มาดูเรื่องนี้กันเยอะๆ นะ Let It Grow !

(ถ้าใครได้ดูเรื่องนี้แล้ว จะอยากดู Despicable Me 2 เร็วๆ แน่นอนเลยล่ะ ^^')

ด้วยความยาวแค่ 1ชั่วโมงเกือบครึ่ง แต่มันมีความน่ารัก ความสนุก
หัวเราะได้เรื่อยๆ แถมยังมีตอนที่ให้แอบซึ้งเล็กๆอีก ให้เราได้คิดอะไรบ้าง
ถึงหนังจะสั้นไปหน่อย ก็คุ้มแล้วครับ
>ชอบไอ้พวกสัตว์ป่าอะ น่ารักทุกตัวเลย<