วิจารณ์ War Horse

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 9 เม.ย. 55 15:56

    "มันเหมือนมีเวทย์มนต์"

    เชื่อแน่ว่าคงไม่มีคอหนังคนไหนไม่รู้จักชื่อของ Steven Spielberg พ่อมดแห่งโลกภาพยนตร์

    ส่วนตัวชื่นชอบผู้กำกับรายนี้มาก รอดูผลงานทุกเรื่องเช่นกันกับหนังเต็งรางวัลเรื่องนี้ War Horse ในชีวิตนี้อาจจะดูหนังไม่มากเท่าแต่ขอบอกเลยว่าไม่เคยดูหนังสงครามเรื่องไหนที่เหมือนเรื่องนี้


    สตีเว่นรู้จัก War Horse จากการได้รับชมละครเวที ก่อนจะถูกใจได้ฤกษ์ดีในการทำเป็นหนังใหญ่ โดยต้นฉบับจริงๆนั้นเป็นนิยาย เขียนขึ้นโดยจุดประสงคืที่ว่า นำเสนอเรื่องราวสงครามในมุมมองใหม่ คุณอาจจะรู้จำนวนของผู้คนที่เสียชีวิตในช่วงเวลาของสงคราม แต่จะมีใครสนใจเหล่าสัตว์ที่ต้องรับผลกรรมจากสงครามของมนุษย์เอง สิ่งที่แตกต่างคือแทนที่จะใช้นักแสดงนำเป็นมนุษย์แต่กลับใช้สัตว์เป็นตัวกลางในการพาคนดูไปพบเจอกับสถานการณ์ที่แสนเลวร้ายของสงคราม ซึ่งในที่นี้คือม้า พวกเขาฝึกม้าเพื่อทำในสิ่งที่ตรงข้าม แต่นั่นไม่ใช่กับ Albertเขาไม่ได้ฝึกม้าให้รบ แต่ฝึกม้าเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่าแม้ในช่วงที่แสนจะมืดหม่น

    Albert เด็กหนุ่มมีพ่อเป็นขี้เมา และแม่ซึ่งต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแทน Albertหนุ่มอารีรับหน้าที่ในการฝึกม้าพันธุ์ทาง ซึ่งพ่อของเขาได้มาจากการประมูลราคาสูงเพียงเพื่อต้องการเอาชนะการประมูลจากเจ้าหนี้ นั่นส่งผลให้ครอบครัวของเขาไม่มีเงินในการจ่ายค่าเช่าที่ มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นคือต้องเพาะปลูกบนที่ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหิน เศษดินที่แกร่ง ไม่เหมาะต่อการเพาะปลูกใดๆทั้งสิ้น Albert จึงพยายามฝึกให้เจ้าลูกม้าสีน้ำตาล ถงเท้าขาว Joey ไถนา พรวนดินให้ได้ ท่ามกลางสายตาของผู้คนในหมู่บ้าน สายฝนพัดพาความชุ่มชื้นมาสู่ผิวดิน ในวันนั้นทั้ง Albertและ Joey ทำให้เห็นว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่าผืนดินหรือก้อนหินเป็นไหนๆ วันนั้นAlbert ยังได้รับรู้ภูมิหลังของพ่อเขาจากปากผู้เป็นแม่อีกด้วย ความหลังที่พ่อเขาไม่เคยบอกใครมาก่อน แต่แล้วพายุร้ายก็พัดพาความหวังสุดท้ายไปเมื่อพืชสวนที่ปลูกไว้ได้สูญเสียเป็นจำนวนมาก พ่อของเขาได้พา Joey ไปขายให้กับนายทหารหนุ่มเพื่อไปทำสงคราม Albert ได้ให้คำสัญญาไว้ว่า จะตามหามันให้พบ โดยทิ้งธงรบของพ่อเขาไว้ติดตัว Joey ไว้ นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้น การเดินทางสู้สมรภูมิรบของอาชา การเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตราย หากแต่ก็ยังมีมุมของความงดงามให้เห็นอยู่เสมอ

    ดูหนังจบแล้วก็นึกขึ้นได้ถึงประโยคหนึ่งที่ว่า "โลกนี้มีมุมมองที่สวยงเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นมันหรือไม่"หนังมีการใช้ลวดลายและสัญลักษณ์อยู่ให้เห็นทั้งเรื่อง ซึ่งหากใครที่ชอบมองลึกๆก็พอจะสังเกตเห็นได้ นอกจากจะกำกับนักแสดงเก่งแล้วยังสามรถกำกับตัวละครที่เป็นสัตวืได้อย่างดีเยี่ยม งานด้านภาพนั้นถือว่างดงามมากในระดับเดียวกับ Saving Private Ryan(Janusz Kaminski ผู้กำกับภาพ) แม้ว่า War Horse อาจจะดูบางเบากว่า เพราะไม่มีความรุนแรง เลือดสาดให้เห็นมากนัก ความรุนแรงได้นำเสนอผ่านทางการสูญเสีย พลัดพราก ทางด้านนักแสดงถือว่าเอาอยู่แวะเวียนมาขึ้นจอเริ่มที่ Tom Hiddleston ในบททหารหนุ่มนายของ Joey พึ่งผ่านตาไปกับบท Lokiน้องชายของเทพเจ้าค้อนยักษ์ Thor ,Benedict Cumberbatch กับบทสหายคู่ใจของ Hiddleston นักแสดงหนุ่มอย่าง David Kross โด่งดังจาก The Reader ก็มีมาให้เห็น

    และนี่คือหนังดีอีกเรื่องของผู้กำกับรายนี้ Steven Spielberg ผลงานที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์กลิ่นอายของความคลาสสิค เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ท้ายสุดแล้วอาจไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของ Spielberg แต่เป็นผลงานที่ดีที่สุดในรอบหลายปีของ Spielberg เลยทีเดียว เป็นความประทับใจที่มากล้น ความสัมพันธ์ของคนและสัตว์

    10/10

    *ปี 2011 เกิดเหตุสุดสยองกับ the social network ตกม้าตายคาเวทีออสการ์(แค้นมาก !) มาปีนี้แม้อาจไม่สยองเท่าแต่ลองคิดดูเถิดว่า War Horse พลาดทุกรางวัลที่ได้เข้าชิง

    อาเมน!

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 12 ก.พ. 55 19:54

    เป็นหนังที่เชยมาก และตัวหนังเอง ก็ทำให้นึงถึงหนังเก่าๆสมัยปี 90 ซะเหลือเกิน แต่ผู้กำกับ Steven Spielberg ยังคงสามารถกำกับหนังที่ดูเชยเรื่องนี้ ให้ออกมาประทับใจ ประกอบกับสกอร์ของ John Williams ที่ช่วยเร้าอารมณ์คนดูได้เป็นอย่างดี การจัดองค์ประกอบศิลป์ก็งดงามไร้ที่ติ

    War House เหมือนเป็นการแสดงฝีมือของผู้กำกับ Steven Spielberg ที่เป็นนักเล่าเรื่อง สามารถทำให้คนดูประทับใจ และหนังเรื่องนี้มีไลเซนส์ของของเขาอยู่เต็มเปี่ยม ในทุกๆฉาก ทุกๆซีน ในส่วนการเร้าอารมณ์คนดู เหมือนหนังเรื่องก่อนหน้าที่เขาเคยกำกับ

    ถ้าด้วยตัวหนังผมให้ 8เต็ม 10 ครับ
    แต่ถ้าใช้หัวใจผมให้ 10 เต็ม 10 เพราะถึงตัวหนังจะเชย แต่ถ้ามีการเล่าเรื่องที่ดี ก็ยังคงให้ความประทับใจ ที่ยากจะลืมเลือนได้

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 9 ก.พ. 55 10:52

    อืม จะว่าไงดี น่ะ
    (ขอโทษเพื่อนๆด้วยนะครับ)
    ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูได้ยาวตลอด แต่เฉยๆ ซะมากกว่า ครับ
    อารมณ์ร่วม ตื่นเต้น ระทึก ซาบซึ้ง ฉากสงคราม ก็เฉยๆ
    อิจฉา ม้า ในเรื่องนี้ น่ะ ครับ ไปไหนใครๆก็รัก
    เป็นหนังชีวประวัติให้กับม้าเลยทีเดียว
    มีขำตอนโยนคีมตัดลวด
    งง ตอนที่ฉากพระเอก(เลี้ยงมากตอนแรก)เข้ามาทำสงคราม
    ก็ดูได้ ครับ ไม่มีอะไรมาก (สำหรับ ผม นะ)

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ก.พ. 55 19:24

    หนังเพียบพร้อมและอุดมไปด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม
    ทั้งบทภาพยนตร์ เพลงประกอบ การถ่ายภาพ การแสดง
    เหมือนที่เพื่อน ๆ ชื่นชมกันนั่นแหละ

    Steven Spielberg ถ่ายทอดเนื้อหาจากตัวอักษรในนิยาย
    มาเป็นภาพยนตร์ โดยกำกับได้อย่างไม่มีที่ติ

    ต้องให้เครดิต Michael Morpurgo ผู้แต่งยิยายต้นฉบับ
    ที่ประพันธ์นิยายเยี่ยมยอดอย่างนี้ไว้ด้วย

    เยี่ยมมาก

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ก.พ. 55 15:30

    ร้องไห้อะ สนุกมากกกกกกกกก

    1000/10 คะแนน หนังรอบปีเลย เยี่ยมๆๆ

  • เมื่อ 7 ก.พ. 55 13:28

    ความคุ้มค่ามันล้มออกมาจริงๆ รับรองว่าดีกว่าหนังทั้งหมดที่คุณเคยดูในปีนี้

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ก.พ. 55 07:22

    ผมจำได้ว่าผู้กำกับหลายๆท่านถ้าจะกำกับหนังที่ต้องถ่ายทำในน้ำ บนเรือที่อยู่ในทะเล กับการกำกับหนังที่เกี่ยวกับสัตว์ มันคือโจทย์ที่ยาก ถึง ยากที่สุด แต่พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ดไม่เคยทำให้คนดูผิดหวัง โจอี้พูดไม่ได้นะครับ แต่ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจภาษากายของโจอี้ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ที่ตรึงผมอยู่กับหนังเรื่องนี้ ผมอินเข้าไปสู่โลกแห่งสงคราม ลุ้นทุกช่วงชีวิตของโจอี้ ผมมีความสุขและอิ่มเอิบกับทุกฉาก ออสการ์ของปีนี้ ยกให้โจอี้เถอะครับ ควรค่าแก่การมอบให้จริงๆ
    ปล.ดูหนังเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องแย่งซื้อบัตรกับใคร เพราะเป็นหนังดีที่คนไม่ดู รอบที่ผมดูมีผู้ชม 3 คนครับ ย้ำ รอบนั้นมีแค่ 3 คน เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดู เพราะคุณพลาดหนังที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตคุณ เสียดายที่คุณจะต้องดูหนังเรื่องนี้ตอนลงเป็นแผ่น แทนทีคุณจะได้รับอรรถรสเต็มๆ จากการดูในโรง เสียดายถ้าจะบอกคุณว่า หนังเรื่องนี้ จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะได้รับเลือกเป็น " หนังคลาสสิคตลอดกาล " และถึงตอนนี้ " คุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ดู "

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ก.พ. 55 00:24

    ...ยังคงรักษามาตรฐานงานสปีลเบิร์กอย่างเหนียวแน่น
    ชอบการจัดองค์ประกอบภายในฉาก สวยงามแม้ท่ามกลางสนามรบ
    "สงครามได้พรากเราไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง"
    "ชั้นอาจเกลียดคุณมากขึ้น แต่ไม่มีวันรักคุณน้อยลง"
    ประโยคเด็ดโดนใจ...^_^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ก.พ. 55 00:05

    เป็นหนังอีกเรื่องของป๋าสปีลเบิรก์ที่ช่วงนี้รู้สึกจะทำแต่แนวออสการ์ ทั้งๆที่มีเยอะจนเอาไปชั่งกิโลขายคงจะรวยน่าดูเลยทีเดียว

    ก่อนอื่นต้องเริ่มด้วยคำถามที่ว่าคุณเคยเลี้ยงสัตว์บ้างไหม ? เพราะถ้าเคย
    และคุณรักมันมากๆ คุณจะเข้าใจหนังเรื่องนี้ได้อย่างดี และกรุณาเตรียมกระดาษ
    ทิชชู่ไปด้วยเพราะคุณต้องใช้มันเยอะแน่ๆ War Horse เป็นเรื่องที่หลังจากดูจบ
    ผมให้คำว่า "ไร้คำบรรยาย" ด้วยเนื้อหาที่สุดยอดน่าสนใจตลอดเวลาบางคนอาจจะ
    คิดว่าน่าเบื่อ และบางคนอาจจะคิดว่าช่วงแรกๆมันไม่สำคัญ แต่เชื่อผมเถอะ
    ช่วงแรกเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่แทบจะสำคัญที่สุดเลยทีเดียว(ช่วงนี้เกี่ยวกับอะไรไปดูเอาเองนะครับ) ที่เรียกได้ว่าเด่นที่สุดในเรื่องนี้เลยคือการแสดงของ "ม้า" คุณไม่ได้อ่านผิดหรอกครับ และผมก็ไม่ได้พิมพ์ผิด ม้าในเรื่องนี้นั้นแสดงได้อย่างสุดยอด
    จนเรียกได้ว่าเบียดนักแสดงทุกคนกระจายหมด ทั้งแววตา ท่าทาง เป็นอะไรที่
    สุดยอดจริงๆ นอกจากนั้นเรื่องนี้ ยังมีภาพสวยๆอีกหลายๆช็อตผสานเข้ากับ
    เพลงที่เข้ากันอย่างได้ดี นอกจากนั้นยังมีฉากที่ทำให้คนดูหลายๆคนคาดไม่ถึงจริงๆ(ฉากไหนต้องไปดูเอาเองเน้อ) ในเรื่องของการแสดงของนักแสดงนั้น
    ยังเห็นข้อบกพร่องอยู่บ้างที่เด่นๆเลยก็ Over-Acting (แสดงเกินจริง)
    แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ได้เป็นปัญหามากมายแต่อย่างใด ในฉากสงครามนั้น
    ทำได้อย่างดีเยี่ยม มันดูชุลมุน เศร้า เราจะเห็นคนตายตลอดเวลา บางคน
    ดูหนังเรื่องนี้จบอาจจะยิ่งเกลียดสงครามเป็นทวีคูณก็เป็นได้ ในฉากหลายๆฉาก
    ของเรื่องนี้นั้นมีหลายๆฉากที่ไม่ต้องมีคำพูดแต่เชื่อไหมมันทำให้ขนลุกได้
    ไม่ว่าจะเป็นคำพูดเพียงไม่กี่คำ สีหน้า หรือแม้กระทั่งองค์ประกอบทุกอย่าง
    ในฉากรวมกันทำให้คุณรู้สึกยากที่จะบรรยายจริงๆกับหนังเรื่องนี้

    สรุป:เป็นหนังที่เรียกว่าเกินคำว่าดี ยอดเยี่ยมอาจจะน้อยไป และอยากให้ทุกๆคน
    ไปดูกันเยอะๆครับ (คนน้อยมากรอบที่ผมไปดู) คุณจะได้อะไรมากมายจากหนังเรื่องนี้มากกว่าหนังรายได้100ล้านหลายๆเรื่องซะอีก

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 6 ก.พ. 55 09:10

    เสียงตอบรับดีจัง อ่านแล้วปลื้มแทนทีมงาน ^_^

    เป็นการกลับมารับหน้าที่กำกับได้เยี่ยมเช่นเคยสำหรับสปีลเบิร์ก
    หลังไปนั่งแท่นผู้อำนวยการสร้างหลายเรื่อง
    พอกลับมาทำหน้าที่เองแล้ว อะไรมันก็ดูดีไปหมด

    น่าชื่นชม~

    สำหรับเรื่องนี้ ส่วนมากที่ตรึงผู้ชมอยู่คือ งานภาพ แสง และ เสียง
    เรียกได้ว่า ครบรส ไม่มีขาดตกบกพร่อง

    ภาพทำให้เคลิ้ม แสงทำให้ตกอยู่ในภวังค์ เสียงทำให้ชวนฝัน
    ฟังจนจบ end credit ขึ้นแล้วยังไม่อยากลุกจากที่นั่งเลย ^///^

    ที่ชอบเป็นพิเศษก็คงเป็นความพยายามในการแทรกเรื่องราว
    การส่งต่อของม้าตัวหนึ่งไปยังผู้คนต่างๆ
    ความสัมพันธ์ที่แต่ละบุคคลมีให้กับ "ม้า"
    ทำให้รู้ว่า คนๆ นั้นมีลักษณะและการมองโลกภายนอกอย่างไร
    ถึงไม่ทำให้มองเห็นทั้งหมด แต่ก็ทำให้มองเห็นส่วนหนึ่งซึ่งสำคัญมาก

    ความรักและมีเมตตาต่อสัตว์โลกด้วยกัน
    ทำให้รู้ว่าใครอ่อนโยนหรือใครอยายกระด้าง

    สมควรได้รับการยกย่องเรื่องความมีมนุษยธรรมต่อสัตว์จริงๆ เรื่องนี้

    โดยส่วนตัว..ที่ชอบมากๆ ก็คงเหมือนคนอื่นๆ คือ ฉากที่เข้าไปช่วยม้า
    เห้นมุขตลก เสียดสี ขำขัน ระหว่าง 2 ชาติที่สู้รบกัน
    พักรบชั่วคราวเพราะอยากเข้าไปช่วยสิ่งๆ เดียวกัน
    ช่วงเวลาเกือบ 20 นาที ณ จุดนั้น ทำให้ลืมไปเลยว่า กำลังทำอะไรอยู่

    ดูแล้วอดขำไม่ได้กับบทพูดที่ช่างจิกกัดอย่างน่ารัก
    และอดยิ้มไม่ได้กบัความสามัคคีที่ก่อตัวขึ้นชั่ววูบ

    ขอบคุณ "ม้า" ที่เป็นตัวแทนและเชื่อมความสัมพันธ์น่าประทับใจนี้

    ใครจะรู้ว่า "ม้า" อยู่เคียงคู่มนุษย์มาตั้งแต่อดีตกาล
    ถ้าไปดูแล้วเกิดรำลึกได้และเห็นคุณค่าของมัน

    ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว

    ขอบคุณทีมงานทุกคน นักแสดงทุกคน และ สตีเวน สปีลเบิร์ก
    สำหรับภาพยนตร์ดีๆ (ควรค่าแก่การเข้าชิงออสการ์ปีนี้) มากมาย

    =^____^=

มีทั้งหมด 17 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • Let Me InLet Me Inเข้าฉายปี 2010 แสดง Kodi Smit-McPhee, Chloe Moretz, Richard Jenkins
  • Vampire Hunter DVampire Hunter Dเข้าฉายปี 2004 แสดง Hideyuki Tanaka, Ichiro Nagai, Koichi Yamadera
  • UnstoppableUnstoppableเข้าฉายปี 2010 แสดง Denzel Washington, Chris Pine, Rosario Dawson

เกร็ดภาพยนตร์

  • สี่เส้า - ผู้กำกับ ท้อท - การัณยภาส ขำสิน เตรียมความพร้อมรับบทคนตาบอดไม่ทันตั้งตัวให้ เต้ย - พงศกร เมตตาริกานนท์ ผู้รับบท กมล โดยการเอาผ้าปิดตา เต้ย เป็นเวลาประมาณ 12 ชั่วโมง เต้ย เผยว่ารู้สึกอึดอัดและกลัวมากจนร้องไห้ ไล่เตะข้าวของ และปาของต่างๆ ใส่เพื่อนในห้อง อ่านต่อ»
  • Woman in Gold - เดิมที แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ได้รับเลือกให้แสดงบท แรนดี แต่ถอนตัวในภายหลัง ไรอัน เรย์โนลด์ส จึงเข้ามารับบทนี้ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

The Truth The Truth เรื่องราวของ เฟเบียน (แคทเธอรีน เดอเนิฟ) นักแสดงรุ่นใหญ่ของวงการหนังฝรั่งเศสที่ผู้คนต่างรักและเชิดชู แต่เธอกลับไม่ค่อยล...อ่านต่อ»