วิจารณ์ Cowboys & Aliens
-
vitcumlang2
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 26 ส.ค. 54 08:39
ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่น่าใช้คำว่า มหาสงคราม นะครับ
น่าจะใช้ประมาณว่า
วันแสนสนุกของหมู่บ้านคาวบอย กับ ยัยเอเลี่ยนตัวป่วน -
Roger
(เลขที่ 101044)
เมื่อ 25 ส.ค. 54 23:39
ก็สนุกนะครับ ตื่นเต้นระทึกดี แต่เนื้อเรื่องเดาได้หมดเลย ตั้งแต่แรก แต่ตัวหนังก็แปลกใหม่ดีครับ เอาคาวบอย มา ผสมกับเอเลี่ยน ไอเดียแจ่มมากๆ
ไม่มีความรุนแรง ดูได้ทั้งครอบครัว -
oclc
(เลขที่ 8889)
เมื่อ 25 ส.ค. 54 19:09
(อีกหนึ่งความคิดเห็นครับเพื่อนๆ ที่กำลังจะไปดูหรือชอบเรื่องนี้)
ขอชมว่าพระเอก หุ่นเท่ห์ดีเมื่อใส่ชุดคาวบอย
ฉาก,บรรยากาศ หนังดูเป็นคาวบอย จริงๆ
เอ๊ฟเฟก ดูดี นะ โอเค
แต่........
เนื้อเรื่องไม่ค่อยมีอะไรมาก
ช่วงแรกเนื้อเรื่องคาวบอย จ๋า เลย (เยอะ)
มาอัดแน่นอีกทีก็ตอนช่วงท้าย ตู้ม ต้าม (แต่เฉยๆนะไม่เร้าใจเท่าไหร่น่ะ)
พวกยาน,เอเลี่ยน ก็ เฉยๆ อีก น่ะ ครับ
สรุป เอาไง ดีน๊าาาาา
ก็แล้วแต่นะ เพื่อนๆ แต่ ผม ว่าจะลองไปดูโคแนน อีกเรื่อง
ขอบคุณ ค๊าบบบบบบ -
Refresher
(เลขที่ 307458)
เมื่อ 25 ส.ค. 54 18:39
ผมชอบงานโปรดักชั่นของหนังเรื่องนี้มากๆครับ ฉาก ภาพ เทคนิค ดูดีมากๆ ให้อารมณ์คาวบอยตะวันตกจริงๆ
daniel craig เด่นมากครับ เก่งและเท่ มีเสน่ห์ ส่วนลุง ford นั้นดูแก่ลงไปเยอะ พลังเลยลดลงไปพอสมควร แต่ก็ยังช่วยสร้างสีสันได้ดีครับ
ถึงแม้หนังบางช่วงจะดูอืดๆไปบ้าง และความจริงหนังน่าจะทำออกมาได้สุดกว่านี้อีก แต่ช่วงท้ายๆสนุกตื่นเต้นใช้ได้เลยครับ
สรุปในแง่ของความบันเทิงหนังเรื่องนี้ให้คุณได้อย่างน่าพอใจทีเดียวครับ ดูได้ไม่เสียดายตังแน่นอน
ให้ 7/10 ละกัน -
ป่่านคุง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 25 ส.ค. 54 16:18
ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่า เรื่องนี้คุณอยากไปดูอะไร ? ถ้าอยากไปดูบทแปลกๆ หักมุมตลอด หรือบทที่แตกต่างกับหนังเรื่องอื่น บอกได้เลยว่า อย่าไปดูเลยครับ เสียความรู้สึกเปล่าๆ แต่ถ้าอยากไปดูว่าเหล่าคาวบอยในเรื่องจะสู้กับเอเลี่ยนได้ยังไง ? อันนี้ไปดูเลยครับ แล้วสมใจอยากเลย
ในเรื่องนี้ผมเห็นโฆษณาแบบภาษาไทยตอนเดินออกจากโรง เห็นโปรยซะเลยว่าเป็นมหาสงคราม จริงๆ บอกว่าไม่ใช่เลยนะครับ เรื่องราวเกิดขึ้นกลุ่มคาวบอย + กลุ่มอินเดียนแดง + กลุ่มโจรกลุ่มหนึ่ง และเอเลี่ยนกลุ่มเดียวเท่านั้น (และดูเหมือนว่าทั้งเรื่องจะมีเอเลี่ยนแค่กลุ่มเดียว) พวกเอเลี่ยนไม่ได้ยกโขยงออกมาถล่มทั้งโลกแบบเดียวกับหนังเรื่องอื่นๆ เช่น Battle LA (แบบนั้นมันล้างโลกเลย) แต่นี่พวกเอเลี่ยนเหมือนไม่ได้มีจุดประสงค์ในการยึดโลก และอาจเป็นคำตอบก็ได้ว่าทำไมพวกมันถึงมาผิดยุค เหตุเพราะยุคสมัยคาวบอยเทคโนโลยีสู้พวกมันแทบไม่ได้เลย
แน่นอนครับว่า อาวุธทุกอย่างในโลกเราในหนัง แทบไม่มีอะไรที่จะสู้สีกับมันได้เลย อย่าง Battle LA. อาวุธเรายิงเป่าหัวมันได้ หรือเรื่อง สกายลาย ก็พอสู้สีกับมันอยู่ (ถึงมันจะแอบขี้โกงฟื้นพลังซ่อมแซมตัวเองได้ก็เหอะ) แต่เรื่องนี้เอาง่ายๆ ขนาดปืนลูกซองของเหล่าคาวบอยยังล้มมันไม่ได้เลย แต่ก็ใช้ว่าจะฆ่ามันไม่ได้ เพียงแต่ต้องยิงยํ้าๆ เท่านั้นเอง (ประมาณพวกเอเลี่ยนมันมีเกราะอยู่) แถมพาหนะของเหล่าคาวบอยก็มีแต่ม้า พวกมันมียานรบที่เคลื่อนที่ได้ไวยังกับเครื่องบินรบสมัยเรา สิ่งเดียวที่จะสามารถต่อกรกับพวกมันได้ก็คือ อาวุธของพวกมันเองนะแหละ ซึ่งเจด พระเอกของเรื่องมีอยู่ แต่มีได้ยังไง และมายังไงไปดูเอง แต่ใบ้ให้ว่าเขาไม่ได้โดนล้างสมองแต่อย่างใดนะ
พระเอกของเรื่องนั้นมีนิสัยที่แตกต่างจากพระเอกหนังแนวอื่นๆ ตรงที่ว่าเขาเป็นคนพูดน้อย เงียบขรึม เย็นชา และไม่ชอบสุงสิงกับใคร (ก็เพราะเขาเป็นคนร้ายนิ) แต่เบื้องลึกของเขานั้น เขาก็ไม่ใช่คนเลวซะทีเดียว ยังมีจิตใจด้านดีของเขาอยู่บ้าง และเรื่องนี้ถึงแม้ว่าตัวละครจะนับถือศาสนาคริสต์ แต่กลับมีคำสอนของศาสนาพุทธเข้ามาแจมๆ ด้วย ทำให้เรื่องนี้มีสาระอยู่บ้าง
ขึ้นชื่อว่าโลกของคาวบอยก็ต้องนึกถึงเรื่องของพวกคนเถื่อน ที่มีคนถือปืนยิงว่องไปทั่วแบบไม่กลัวกระสุนหมด , มีเรื่องวิวาทหรือโดบเหล้ากันยังกับโดบ M100 แน่นอนว่าในหนังมีให้เห็น แต่ก็ไม่ได้เถื่อนออกมาทั้งหมด เมื่อผมดูจบ ผมรู้สึกว่าเหมือนหนังจะทำออกมาให้เด็กสามารถดูได้ด้วย เพราะตัวหนังลดทอนความรุนแรงไปบ้าง (แต่ฉากโหดๆ ก็มีเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้โหดชวนอ้วก)
หนังดำเนินตามสูตรสำเร็จของหนังแนวเอเลี่ยนหรือปราบปีศาจทั่วไป ตัวเอกมีเรื่องอะไรสักอย่าง มีความขัดแย้งที่ต้องร่วมมือกับต่อสู้ สุดท้ายก็คงจะรู้นะว่าตอนจบมันจะเป็นยังไง (เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้อยู่) มีฉากหักมุมอยู่แค่ฉากเดียว จึงทำให้เรื่องนี้แทบไม่ต่างจากหนังแนวเดียวๆ กันเท่าไหร่นัก ยกเว้นตอนจบที่ทำออกมาได้สมบูรณ์ ไม่ได้ตัดจบเหมือนบางเรื่องแล้วปล่อยให้เราอารมณ์ค้าง
ดังนั้นก็อย่างที่บอก อยากไปดูเรื่องบท ? หรืออยากไปดูว่าเหล่าคาวบอยตะวันตกจะฟัดกับซอมบี้ยังไง ? ตรงนี้ขอเสริมนิดนึงว่า เรื่องมันไม่ได้เว่อร์เหมือนเอเลี่ยนปะทะนินจานะครับ (นินจาบ้าอะไร ต่อยกับเอเลี่ยนได้) เรื่องนี้จะออกแนวสมจริงอยู่บ้าง จึงทำให้เรื่องนี้แตกต่างจากหนังเกรด B หรือเกรด C หลายเรื่อง
เรื่องของภาพนั้นต้องถือว่าเนียนเอามากๆ ฉากระเบิด ฉากต่อสู้ มองผ่านๆ แล้วจับผิดไม่ได้เลยว่านั่นระเบิดปลอมหรือปืนปลอม ฉากต่อสู้ค่อนข้างเร้าใจ ออกแนวทำนองเหมือนกำลังดูเกมแนว FPS อยู่ (ใครเล่นเกมเดี๋ยวนี้จะรู้เลยว่าเกมสมัยนี้ เอฟเฟคมันสมจริงระดับหนังฮอลลีวู้ดเลย) ที่ชอบก็คือความละเอียดของภาพ ซึ่งทำออกมาได้ละเอียดดีมาก นั่งคิดเลยว่าถ้าเอามาดูแบบบลูเรย์ ภาพมันจะสวยเนียบขนาดไหน ส่วนฉากมืดเรื่องนี้มีราวๆ 40 % ของเรื่อง ดังนั้นพวกที่ชอบดูหนังซูมหรือซื้อแผ่น คุณเตรียมตัวผิดหวังได้ เพราะคงไม่มีทางดูรู้เรื่องแน่ๆ
ส่วนเรื่องของระบบเสียงนั้นผมชอบเสียงเอฟเฟคมาก กระหึ่ม หนักแน่น เก้าอี้สะเทือน และสะใจมากๆ เสียงเอฟเฟคอาจเป็นจุดเด่นอีกเรื่องของหนังเรื่องนี้เลยทีเดียว ยกเว้นเพลงประกอบที่ทำออกมาเข้ากับฉากบรรยากาศ แต่ไร้เสน่ห์ดึงดูดใจคนดู เรียกได้ว่า พอออกจากโรงแล้ว เสียงเพลงประกอบในหนัง จะมลายหายไปจากหัวของคนดูอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นข้อเสียมหาศาลของหนังเรื่องนี้เลย ?
หนังเรื่องนี้เหมาะกับคนกลุ่มใด ? เท่าที่ผมดู เกือบจะเหมาะสมกับเด็กไทยแล้ว แต่ไม่เหมาะ เพราะฉากคุยกันเรื่องนี้มีค่อนข้างเยอะ น่าจะเกือบๆ ครึ่งหนึ่งได้ ซึ่งแน่นอนว่าฉากคุยเด็กมันไม่ดูกันอยู่แล้ว (พอไม่ดู ก็จะไม่รู้พื้นตัวละคร แล้วก็จะไม่เข้าใจสาระทั้งหมด) เรื่องนี้อาจสอนว่าการขโมยเป็นสิ่งไม่ดี การทำผิด ผลกรรมมันจะย้อนมาหาเราเอง แต่ถ้าเด็กไทยดู ก็จะพลาดสาระจุดนี้ไป จะเอาแต่สนุกกับฉากสู้กับเอเลี่ยนอย่างเดียวเท่านั้น! และพอหนังจบ ก็จะลุกไป ไม่ตรึงใจหัวใจ จบแล้วจบเลย ดังนั้นความเหมาะสมของคนดูหนังเรื่องนี้ควรเป็นเยาวชนระดับมัธยมปลายขึ้นไปครับ
สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ดูสนุก เน้นเอามันส์ เน้นความบันเทิง บวกสาระที่มีให้นิดหน่อย ดีกว่าหนังเกรด B และเกรด C เยอะมาก แต่ไม่ใช่หนังที่ถ่ายทอดความเป็นคาวบอยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าอยากดูเรื่องราวของเหล่าคาวบอยตะวันตก แนะนำให้ไปดูกิ้งก่าป๋าเดฟในเรื่องแรงโก้ดีกว่า แต่ถ้าจะดูเอาบันเทิง สนุกสนาน รับเอฟเฟค คุ้มค่าตั๋วแน่นอนครับ เพราะหนังยาวตั้งสองชั่วโมง!
จุดเด่น
- ตัวเรื่องมีความสมจริง ไม่เหมือนหนังเกรด B เกรด C ที่ทำออกมาเว่อร์ได้ใจ
- ฉากมีความรุนแรงน้อย และไม่มีฉากแหวะ ถึงมี ก็เล็กน้อยมาก
- มีสาระแทรกเข้ามานิดหน่อยเป็นพิธี
- เอฟเฟคทั้งภาพและเสียงสุดยอด สะใจมาก
- จบสมบูรณ์และค่อนข้างแฮปปี้
ข้อเสีย
- บทไม่แปลกใหม่ ถ้าเปลี่ยนจากคาวบอยเป็นโลกปัจจุบัน จะไม่ต่างอะไรจากหนังเอเลี่ยนปกติ
- ฉากมืดมีค่อนข้างเยอะ และมักเป็นฉากเปิดตัวละครบางตัว ทำให้คนดูจำหน้าตาตัวละครไม่ค่อยจะได้ จะมาจำได้เอาตอนเลยครึ่งเรื่องไปแล้ว
- ฉากคุยมีเยอะ หนังทำออกมาเหมือนให้เด็กดูได้ แต่ฉากคุยเยอะ เด็กมันจะไม่ดู
- มันไม่ใช่สงครามระดับโลกเหมือนที่โฆษณาไว้
คะแนน : 7.7 / 10.00
ปล. สนับสนุนคนไปดูโรงหนังและซื้อแผ่นแท้ ไม่สนับสนุนคนขี้โกงที่ชอบขโมยของชาวบ้านมาดู -
Harvestmoon
(เลขที่ 280571)
เมื่อ 25 ส.ค. 54 12:23
Cowboys & Aliens
หนังแนวคาวบอย คือหนังที่โด่งดังมากมายในสมัยก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้หนังแนวนี้เริ่มที่จะหาดูได้ยาก เนื่องจากไม่ได้รับความนิยมจากผู้ชมเหมือนแต่ก่อนนั่นเอง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีให้เราได้พบเห็น อย่างเช่น เรื่อง Brokeback Mountain หรือจะเป็น The Assassin of Jase James และ เมื่อปี 2010 ที่ผ่านมาอย่าง True Grit ที่เข้าชิงอสสการ์ตั้ง 10 สาขา ไม่ได้แม้แต่สาขาเดียว (ยังเจ็บใจไม่หาย) อิอิ
จนกระทั่งปี 2011 หนังคาวบอยที่ผมหวังไว้ก็มาแล้ว แต่มันไม่ใช่หนังคาวบอยที่ธรรมดา ตามหนังคาวบอยสูตรสำเร็จเดิมๆ ทั่วไปที่ว่า จะต้อง เดินไป 3 ก้าว แล้วหันกลับมาดวลปืนยิงกัน ไม่ได้ปกป้องเมืองจากกลุ่มโจรปล้นทรัพย์สิน หรือเป็นฝ่ายปล้นเอง แต่ทำสิ่งที่ดูดีกว่านั้นหรือเปล่า หว่า จะบอกว่าปกป้องโลกทั้งใบเลยก็ว่าได้ เพราะซึ่งที่จะต้องเจอก็คือ Alien นั่นเอง
John Favreau ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ จาก ภาพยนตร์ Iron Man ทั้ง 2 ภาค เลือกที่จะทำหนังคาวบอยซึ่งมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนอย่างที่ฮอลลีวู้ด ทำอยู่ปัจจุบันนี้ John Favreau เลือกที่จะเอา 2 สิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากันได้เลย มาจับรวมกัน และเล่าเรื่องราวให้ 2 สิ่งนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดี
ตัวหนังมันไม่ใช่คาวบอยธรรมดาอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น แต่หนังก็ยังมีกลิ่นอายของความเป็นคาวบอยอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ตรงจุดนี้แหละ ที่ใครชอบหนังคาวบอยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้ามาดูเรื่องนี้ ก็ต้องชอบอย่างแน่นอน เฉกเช่นเดียวกับผมครับ ถึงแม้จะมีลูกเล่นที่ดูน้อยเกินไปหน่อย แต่ก็ดูดีครับ และดูเหมือนจะเป็น แนว Cowboy Hero ด้วย
Daniel Craig มาพร้อมกับการศูนย์เสียความทรงจำ ทั้งยังถูกตั้งค่าหัว ไหนจะมาพร้อมกับกำไลที่ข้อมือ ไหนจะมีเรื่องกับคนในเมืองแอพโซลูชั่นอีก แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะต้องร่วมมือในกับคนในเมืองเพื่อต่อสู้กับฝูงเอเลี่ยนให้จงได้
ส่วนจุดอื่น ไม่ว่าจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละตัวละครก็ทำออกมาได้ดี Daniel Craig หุ่นดี เท่มาก ๆ ในคราบของคาวบอย ส่วน Harrison Ford ก็แก่งั่กไปตามวัยครับ อ้อ ที่ขาดไปไม่ได้ก็คือ นางเอก Olivia Wilde ที่รับบทเป็น เอลล่า สาวปริศนา เธอสวยมาก ๆ เลย ผมชอบสุดๆ และผมคิดว่าเธอดูดีกว่าเล่นหนังเรื่อง Tron เยอะเลยทีเดียวครับ ดูแค่นางเอกคนเดียวก็น่าจะคุ้มแล้วนะครับ ส่วน Cowboy กับ Alien คิดซะว่าเป็นของแถมก็แล้วกันครับ อิอิ ทางด้าน เอเลี่ยนผมก็ชอบครับ ถึงแม้ ปริศนาเกี่ยวกับ Aliens จะมีเยอะ ทำให้ตอนจบเฉลยไม่หมด ไม่ครบ หรืออาจจะเผื่อไว้ จะสร้างภาคต่อก็เป็นต่อ (แต่จะมีเหรอ นักวิจารณ์ มองในเชิงลบมากกว่า)
ฉาก แอคชั่น ผมก็ว่าสนุกดีนะครับ แต่ถ้าคนที่หวังว่าจะมีฉากแอคชั่นมากมาย อลังการ ยิงกันตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีที่ที่ให้หายใจ ก็อาจจะผิดหวังได้ แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่ผิดหวังแต่อย่างใดเลย และต่อให้หนังมีฉากแอคชั่น แค่ฉากเดียว ย้ำว่าแค่ฉากเดียว ผมก็ยังชอบอยู่ดีแหล่ะครับ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Alexanderเข้าฉายปี 2004 แสดง Colin Farrell, Jared Leto, Angelina Jolie
- Puss in Bootsเข้าฉายปี 2011 แสดง Antonio Banderas, Salma Hayek, Zach Galifianakis
- ฝนตกขึ้นฟ้าเข้าฉายปี 2011 แสดง นพชัย ชัยนาม, ศิริน หอวัง, อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต
เกร็ดภาพยนตร์
- The Theory of Everything - สตีเฟน ฮอว์คิง พูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องจริง จึงอนุญาตให้ใช้เสียงของเขาในตอนจบ และให้ยืมเหรียญแห่งอิสรภาพ กับวิทยานิพนธ์ที่ลงชื่อ สตีเฟน ฮอว์คิง ไปใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากด้วย อ่านต่อ»
- Jupiter Ascending - แชนนิง เททัม ต้องสวมอุปกรณ์บริเวณปากที่ทำให้ลักษณะของขากรรไกรของเขาเปลี่ยนไป เพื่อรับบท เคน อุปกรณ์ชิ้นนั้นทำให้ แชนนิง หุบปากไม่ได้ แถมยังทำให้เขาพูดลำบากอีกด้วย อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Angel Has Fallen เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ไมค์ แบนนิง (เจอราร์ด บัตเลอร์) และ ประธานาธิบดี อัลลัน ทรัมบูล (มอ...อ่านต่อ»