เกร็ดน่ารู้จาก Rapunzel
เกร็ดน่ารู้
- บริษัท วอลท์ ดิสนีย์ พยายามพัฒนาเรื่องราวของ ราพันเซล ให้เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันมาตั้งแต่ยุค 40
- ผู้สร้างพยายามทำให้ตัวละครมนุษย์ในเรื่องนี้มีรายละเอียดมากขึ้น เมื่อเทียบกับแอมิเนชันเรื่องอื่นๆ เช่น การเคลื่อนไหวนิดๆ ที่เปลือกตาด้านล่าง การขยับดวงตานิดๆ การขยับของแก้มที่มีปฏิกิริยากับมุมปาก เป็นต้น
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ประกอบไปด้วยตัวละครหลัก 5 คน ผู้ร้าย 21 คน พระราชา พระราชินี และชาวเมืองอีก 38 คน
- ผู้อำนวยการสร้างบริหาร จอห์น แลสซีเตอร์ แนะนำให้ผู้สร้างใส่ใจการหายใจของตัวละคร โดยไม่ใช่แค่เพียงทำให้หน้าอกขยายและหดตัวเท่านั้น แต่ยังต้องใส่ใจเรื่องการยืดหดตัวของกระดูกสันหลัง และการยกขึ้นลงของกระบังลมด้วย ภาพที่ละเอียดนี้จะสอดคล้องกับการพากย์เสียงเป็น ราพันเซล ของ แมนดี มัวร์ เพราะผู้ชมจะได้ยินเสียงหายใจของเธอบ่อยครั้ง
- ผู้สร้างต้องการให้เส้นผมยาว 70 ฟุตของตัวละคร ราพันเซล ดูมีน้ำหนัก มีปอยผม และมีกระบังด้านหน้าด้วย พวกเขาสร้างเส้นผมของเธอทั้งในฉากทั่วไป และฉากซับซ้อนอย่างสะบัดผมหรือจับผมมาเหวี่ยง โดยใช้ซอฟต์แวร์ใหม่ ไดนามิก ไวร์ส สร้างแอนิเมชันรูปท่อ 147 อันซึ่งเป็นตัวแทนโครงสร้างเส้นผมขึ้น จากนั้นจึงเรนเดอร์ออกมาเป็นเส้นผม 140,000 เส้น แล้วแต่งผมให้เป็นเงา ด้วยการเสริมรูปทรงเกลียวเข้าไปภายใน นอกจากนี้ยังต้องแบ่งเส้นผม แล้วทำให้ความเข้มของแสงและน้ำหนักของแต่ละส่วนดูแตกต่างกันด้วย
- ราพันเซล ที่พากย์เสียงโดย แมนดี มัวร์ สวมเสื้อผ้า 3 ชั้นคือ เพ็ตติโคต กระโปรง และคอร์เซต ซ้อนทับด้วยแขนเสื้อแบบพองๆ ซึ่งถือเป็นงานยากของลูกทีมของที่ปรึกษาแผนกคอมพิวเตอร์กราฟฟิก จีซัส คานัล เพราะเสื้อผ้าแต่ละชั้นนั้นจะต้องกระทบกันตามธรรมชาติด้วย ส่วน มาเธอร์ กอเธล ที่พากย์เสียงโดย ดอนนา เมอร์ฟี นั้นสวมชุดกระโปรงยาว พร้อมเสื้อคลุมมีฮู้ดและมีแขนยาวดูรุ่มร่าม มีนัยยะว่าเธอทำให้ ราพันเซล อึดอัดทุกครั้งที่สวมกอด
- ทีมงานเอฟเฟกต์เตรียมสร้างฉากน้ำท่วมเขื่อนด้วยการศึกษาเครื่องเล่นล่องแก่ง กริซลี ริเวอร์ รัน ที่ ดิสนีย์ แคลิฟอร์เนียน แอดเวนเจอร์ ธีม ปาร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเรียนรู้ลักษณะของน้ำที่จะไหลซึมออกจากเขื่อนไม้ที่จะพังลง ในฉากนี้พวกเขาต้องปล่อยน้ำเสมือนจริงมากถึง 23 ล้านแกลลอน พร้อมชิ้นส่วนไม้เป็นพันๆ ชิ้น
- ขณะปรึกษากันว่าจะใช้สิ่งใดดึงดูด ราพันเซล ที่พากย์เสียงโดย แมนดี มัวร์ ให้อยากออกจากหอคอย นักวาดสตอรีบอร์ด จอห์น ริปา แนะนำให้ใช้โคมลอย ที่เหมือนกับในเทศกาลโคมลอยของอินโดนีเซียและตะวันออกไกลที่เขาเคยอ่านพบ ผู้อำนวยการสร้างบริหาร จอห์น แลสซีเตอร์ สนับสนุนความคิดนี้ เพราะเขาเคยจุดโคมนี้มาแล้วด้วยตัวเอง พวกเขาจึงเริ่มศึกษาจากภาพวิดีโอจากประเทศไทย เกี่ยวกับความเร็วในการลอยของโคม และจำนวนโคม
- ในฉากโคมลอยนั้น ทีมเอฟเฟกต์สร้างโคมที่มีสีสันและรูปทรงแตกต่างกันขึ้น 14 อัน ก่อนจะจุดไฟแล้วทำภาพซ้ำจนมีจำนวน 46,000 อัน นอกจากนี้ฉากนี้ยังมีฝูงชนดิจิตอลกลุ่มใหญ่ที่สุดเท่าที่แอนิเมชันของ ดิสนีย์ เคยสร้างมา โดยพวกเขานำตัวละคร 40 ตัวมาแต่งตัวให้ต่างกัน และเปลี่ยนลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละคน เช่น หนวดเครา แล้วลอกสำเนาตัวละครเหล่านี้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน จนกลายเป็นฝูงชนจำนวน 3,000 คน
- ภาพบนผนังในหอคอยของตัวละคร ราพันเซล ออกแบบโดย แคลร์ คีน ลูกสาวของผู้อำนวยการสร้างบริหาร เกลน คีน โดย แคลร์ เริ่มจากศึกษาภาพวาดยุคกลาง และวิธีการที่นักวาดภาพบางคนเชื่อมโยงวัตถุต่างๆ เข้าด้วยกัน นอกจากนี้บนผนังยังมีแผ่นวัดความสูง ที่สื่อถึงการเติบโตของ ราพันเซล
- ตัวอย่างฉาก 3 มิติเด่นๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้แก่ ฉากขี่ม้าไล่ล่าตอนเปิดเรื่อง ฉากแหกคุกที่ใช้ระเบียงยาว โค้งประตูซ้ำซ้อน และลำแสง ฉากน้ำท่วมถ้ำ และฉากโคมลอยที่ตระการตา
- เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพลงใหม่ 5 เพลง แต่งทำนองโดย อลัน เมนเคน ผู้ซึ่งประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์ด้วย โดย อลัน ได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีโฟล์กร็อกและศิลปินอย่าง โจนี มิตเชล, เจมส์ เทย์เลอร์, แคต สตีเวนส์ และ แจ็กสัน บราวน์ ส่วนเนื้อร้องนั้นแต่งโดย เกลนน์ สเลเตอร์ ยกเว้น Something that I Want เพลงปิดในช่วงแสดงรายชื่อผู้สร้าง เขียนและขับร้องโดย เกรซ พอตเตอร์
- มีฉากร้องเพลงของตัวละครในเรื่องตามแบบฉบับภาพยนตร์เพลง ซึ่งผู้พากย์เสียงตัวละครต้องร้องเพลงด้วยตัวเองจริงๆ เพลงเปิด When Will My Life Begin? ขับร้องโดย แมนดี มัวร์ ผู้พากย์เสียง ราพันเซล ถ่ายทอดความปรารถนาที่จะสำรวจโลกกว้างของเธอ เพลงแนวคาบาเรต์ Mother Knows Best ร้องโดย ดอนนา เมอร์ฟี ผู้รับบท มาเธอร์ กอเธล เพลง I Have a Dream ร้องโดย แมนดี อีกครั้ง ในฉากที่ ราพันเซล เผชิญหน้ากับกลุ่มโจรในผับ ส่วนเพลงคู่แนวโฟล์กอเมริกัน I See the Light ร้องโดย แมนดี และ แซ็กคารี เลวี ผู้พากย์เสียง ฟลินน์ ไรเดอร์
- คริสติน เชโนเวธ และ แดน ฟ็อกเลอร์ เป็นตัวเลือกแรกของทีมผู้สร้างให้มารับบทพากย์ เป็น ราพันเซล และ ฟลินน์ ไรเดอร์
- สุภาพบุรุษจอมโจรอย่าง ฟลินน์ เป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเพื่ออุทิศแด่ เออรอล ฟลินน์ จากภาพยนตร์เรื่อง The Adventures of Robin Hood (1938)
- แต่เดิมผู้สร้างต้องการให้พระเอกของเรื่องชื่อว่า บาสเตียน ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนมา เป็น ฟลินน์ ไรเดอร์ ทีหลัง
- เป็นแอนิเมชันเทพนิยายเรื่องแรกของดิสนีย์ ที่ใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกในงานสร้าง
- ต้นฉบับของตัวละคร ฟลินน์ ไรเดอร์ นั้น จะต้องพูดด้วยสำเนียงอังกฤษ และ แซกคารี เลวี ก็ได้รับการคัดเลือกเข้ามาพากย์บทนี้ จากสำเนียงอังกฤษที่เขาใช้ประกอบการพากย์ แต่สุดท้ายตัวละครนี้ก็ถูกเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน
- เนื่องด้วยเหตุผลทางการตลาด ทำให้ดิสนีย์เปลี่ยนชื่อ Rapanzel เป็น Tangled ในบางประเทศ
- เป็นแอนิเมชันเจ้าหญิงเรื่องแรกของดิสนีย์ ที่ได้เรตพีจี หลังจากที่ก่อนหน้านั้นแอนิเมชันที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเจ้าหญิงล้วนได้เรตจีมาโดยตลอด
- เคลย์ ไอเคน เคยถูกกำหนดมาให้เสียงพากย์ในบท ฟลินน์ ไรเดอร์ ในช่วงเตรียมงาน สร้างในปี 2005
- เป็นแอนิเมชันดิสนีย์ที่มีมูลค่าการสร้างสูงที่สุดถึง 260 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังเป็นแอนิเมชันที่มีความยาวถึง 100 นาที นับจากเรื่อง Fantasia (1940)
- ตัวละคร ราพันเซล จะเดินเท้าเปล่าทั้งเรื่อง เหมือนกับ แมนดี มัวร์ ผู้ให้เสียงพากย์ ราพันเซล ที่ชอบขึ้นแสดงแบบเท้าเปล่าเช่นกัน
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Real Steelเข้าฉายปี 2011 แสดง Hugh Jackman, Evangeline Lilly, Dakota Goyo
- บางระจันเข้าฉายปี 2000 แสดง วินัย ไกรบุตร, บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์, จรัญ งามดี
- The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobeเข้าฉายปี 2005 แสดง Georgie Henley, Skandar Keynes, William Moseley
เกร็ดภาพยนตร์
- Penguins of Madagascar - ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแผนออกฉายเดือนมีนาคม 2015 แต่หลังจากกระบวนการสร้างเสร็จไวกว่าที่กำหนดไว้ จึงเริ่มออกฉายจริงเดือนพฤศจิกายน 2014 อ่านต่อ»
- Birdman - ไมเคิล คีตัน ผู้รับบท ริกแกน และนักแสดงคนอื่นๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับการกำกับที่เข้มงวดของผู้กำกับ อเลฮันโดร กอนซาเลซ อินาร์ริตู ที่ให้นักแสดงแสดงแต่ละฉากความยาว 15 หน้าก่อนจะตัดฉากต่อไป อ่านต่อ»