วิจารณ์ Unstoppable

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 15 เม.ย. 54 07:57

    เห็นด้วยกับคุณ ป่่านคุง เป็นหนังที่ดี พอสมควร ไม่ถึงกับว่า ดีมาก ช่วงแรกหนังค่อนข้างอืด ศัพท์เทคนิค ค่อนข้างเยอะ และเสียงไทย แย่มาก ต้องฟังเสียงต้นฉบับเท่านั้น

    หนังมาในรูปแบบ zero - hero ซึ่งไม่ทราบว่าเรื่องจริงเป็นแบบในหนังรึป่าว ? หนังเล่นกับตัวละครค่อนข้างมากในช่วงต้นจึงทำให้หนังค่อนข้างอืดพอสมควร แต่ก็เป็นผลดีในภายหลังเพราะจะทำให้คนดูหลงรักตัวละครและคอยลุ้นในช่วงท้าย เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมาก แต่หนังนำเสนอออกมาได้ดูสนุก ตื่นเต้น ได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หนังพอมีช่องโหว่อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะโดยส่วนมากแล้วคนดูจะเอาใจช่วยตัวละครเสียมากกว่า

    ซาวน์เสียงหนังสุดยอดมากๆ เตียงผมสั่นเลย ให้ 8/10 ล่ะกัน

    ป.ล. คุณไม่ควรพลาดหากคุณเป็น FC ของคริส ไพนน์ รอดูพี่แกกลับมาเป็น กัปตัน เจมส์ อีกครั้งใน Star Trek 12 ^^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 26 ก.พ. 54 18:55

    วิจารณ์

    บอกได้เลยว่ามันจะเป็นหนังที่คุณจะรู้สึกคุ้มค่ามากๆ ถ้าซื้อแบบ DVD และขอซารางเฮโยกับพวกซื้อแผ่นผี เพราะคุณไม่มีวันพบกับประสบการณ์เสียงและภาพที่ตื่นเต้นเร้าใจเท่าของแท้ครับ

    การนำเสนอเรื่องราวของหนังนั้นจะทำได้ต่อเนื่อง เร้าใจ และเหมือนการนำเสนอข่าวแบบถ่ายทอดสดที่รายงานเหตุการณ์ช็อตต่อช็อต นึกไม่ออกขอให้นึกถึงตอนเกิดพฤษภามหาวิปโยคปีที่แล้วสิครับ ตอนที่เกิดหายนะวันสุดท้ายกลางกรุงเทพ แต่ละคนนั่งลุ้นตัวโก่ง ติดตามทั้งทีวี ทั้งวิทยุ ทั้งอินเตอร์เนต แค่นี้ก็คงนึกออกแล้วสินะครับว่ามันลุ้นตื่นเต้นและดราม่าขนาดไหน แต่ในหนังเรื่องนี้จะถ่ายทอดเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุจริงด้วย นั่นหมายความว่า คุณได้ลุ้นเหตุการณ์มากกว่านั่งดูทีวีเสียอีก

    ถึงแม้ว่าหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้จะเน้นไปที่การหยุดขบวนรถไฟไม่ให้มันล้มระเบิดกลางเมืองได้ แต่ตัวหนังก็มีการสอดแทรกสาระเข้ามาด้วย นั่นก็คือปัญหายอดฮิตของคนอเมริกันเวลาทำหนัง แต่กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องพ่อกับลูกไม่ถูกกันหรอกครับ แต่เป็นเรื่องของครอบครัว , ผลประโยชน์ของบริษัท และรวมไปถึงรูปแบบการทำงานกันอีกด้วย

    คุณอาจเคยคิดไหมว่า การที่คุณไปเรียน ไปทำงานทุกวันๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จู่ๆ กำลังมีหายนะตามมาอะไรจะเกิดขึ้น หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาในฐานะของฮีโร่ที่เป็นคนธรรมดา ที่อาศัยทั้งประสบการณ์และไม่เกรงกลัวอำนาจในการบีบบังคับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งบอกได้เลยว่า ในสังคมของเราทุกวันนี้ จะมีใครกล้าสักคนไหมที่จะออกมาทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจของผู้ที่เหนือกว่า

    มุมมองในการถ่ายภาพนั้นจะเป็นลักษณะภาพที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา มุมกล้องที่ถ่ายนิ่งๆ หรือถ่ายเอียงซ้ายเอียงขวาแบบเรียบๆ นิ่งๆ นั้นหาได้น้อยมากสำหรับหนังเรื่องนี้ บางฉากมีกล้องสั่นๆ ด้วย คุณดูตอนแรกๆ อาจจะคิดว่ามันคงมีไม่กี่ฉากหรอกมั้ง แต่เปล่าเลย เป็นทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นลูกเล่นที่สะกดจิตเราทำให้เราดูแล้วได้ลุ้นไม่มีหยุด ประมาณว่า หายนะที่ 1 ผ่านไปแล้ว ต่อไปหายนะที่ 2 ก็จะมาต่อ แล้วมันก็จะมี 3 - 4 -5 -6 ตามมาอีกเรื่อยๆ

    การแสดงของทีมนักแสดงในเรื่องนี้ผมถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมกว่าหนังหลายๆ เรื่อง ทั้งพระเอกผิวดำผู้ครํ่าไปด้วยประสบการณ์ กับพระเอกรุ่นใหม่ไฟแรง หรือแม้แต่นางเอกของเราที่ทำหน้าที่ในการสั่งการ แม้แต่ตัวประกอบในเรื่องเองยังแสดงอารมณ์มาได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ว่าจะมีอยู่ 2 คนทั้งเรื่องแสดงออกมาขัดๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางกลบรัศมีความสุดยอดของพระเอกสองคนนี้ได้แน่

    เสียงเพลงประกอบหนังนั้นมีทั้งแนวร็อคเร้าอารมณ์ แนวซึ้งผ่อนคลายอารมณ์ แต่โดยรวมแล้วตัวหนังแทบไม่มีเบรกให้เราหยุดลุ้นเลยแม้แต่น้อย (แน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่ช่วงแรกๆ) และผมเข้าใจแล้วว่า ทำไมพนักงานถึงแนะนำให้ผมซื้อบลูเรย์ ไม่ใช่ภาพ HD ที่น่าสน แต่มันเป็นเสียงต่างหาก คิดดูครับ แค่เสียง 5.1 ก็โคตรอลังแล้ว ถ้าระดับเสียง HD 7.1 มันจะขนาดไหน!!

    จุดเสียของหนังนั้นจะมีไม่กี่ฉากหรอกที่จะตะหงิดๆ แต่ถ้าผมบอกก็จะเป็นการสปอย เอาเป็นว่าเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมและหาจุดจับผิดยาก (ไม่นับเรื่องเนื้อเรื่องที่เดาตอนจบได้ตั้งแต่อ่านเรื่องย่อ) แต่ถ้าเทียบกับหนังแนวนี้ละก็ มันคือความสุดยอดของหนังชวนตื่นเต้นที่จะทำให้คุณต้องหยุดยืนดูแม้ว่าจะไม่อยากตั้งใจดูก็ตาม (ยกเว้นไม่ชอบหนังแนวนี้จริงๆ) และผมเชื่อว่า สามารถดูซํ้ารอบที่2 หรือ 3 ก็ยังตื่นเต้นไม่หายครับ

    คะแนน - 7.7 / 10.00

    เหตุที่ตัดคะแนน
    - ตัวละครมีสองคนที่สังเกตได้แสดงออกมาตัดขัดมาก แต่ไม่ใช่ตัวเด่น
    - มีบางอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีผลกระทบอะไรนัก
    - เรื่องดำเนินช่วงแรกอืดเล็กน้อย แต่จบแบบไวมาก
    - ฉากบางฉากอาจทำให้คนที่เวียนหัวบ่อยๆ หรือดูทีวีนานๆ ไม่ค่อยได้อาจดูแล้วปวดตา
    - ฉากส่วนใหญ่เป็นฉากคุยๆ ซึ่งจะทำให้เด็กไม่สนใจมองดู และนั่นก็ทำให้ไม่รู้เรื่อง ยิ่งบางช่วงมีศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับรถไฟมาเกี่ยวข้องด้วยยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่ (และก็อย่างเคย จะไม่เข้าใจสาระของเรื่องที่แท้จริง)

  • เมื่อ 21 ธ.ค. 53 13:14

    จบได้ไม่เจ๋งเลย นี่หรือคำตอบของการหยุดรถไฟขบวนนี้

    ก่อนหยุด รถก็ยังวิ่งที่ 70 ไมล์ต่อชั่วโมงเหมือนเดิม ที่ๆทำมาตลอดทั้งเรื่องเพื่ออะไรหละ

    พอเจอวิธีหยุดรถ ก็คิดว่า เฮ้ ทำไมไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก ถ้ามันทำได้จริง และเฮ้ ทำไมต้องให้ will ซึ่งได้รับบาดเจ็บ เป็นคนทำ ทำไมไม่ให้ตำรวจเป็นคนจัดการ งงจริงๆ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 16 ธ.ค. 53 20:17

    เนื้อเรื่องดูอืดไปหน่่อย ฉากแอคชั่นลุ้นๆ ก็โผล่มาน้อยจนน่าใจหาย เหลือไว้เพียงบทสนทนาที่มีเยอะจนบางทีก็น่ารำคาญ แต่ในช่วงท้ายๆ ของหนังก็สร้างความหวาดเสียว ตื่นเต้น และลุ้นระทึกกับภารกิจหยุดรถไฟได้อย่างดี แม้บางทีอาจจะดูว่า "ง่ายไปหน่อยนะ" "ทำไมมันเป็นอย่างนั้นล่ะ" "มันเป็นอย่างนี้ได้จริงหรือ ?" แต่ผลสุดท้ายก็จบได้ดี และมีข้อคิดดีๆ ที่แฝงเอาไว้ในตัวเรื่องอย่างมากมาย ในมุมมองของผมคือ ชีวิตของเราไม่ได้ยืนยาว จนรีบเร่งทำความดีเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินไป และ ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตาย ซึ่งอันหลังนี่ถือว่าใช่มากๆ

    ให้คะแนน 8/10 คะแนน จากเนื้อเรื่องแอคชั่นที่ดูง่ายไปหน่อย แต่ก็ชอบดีที่มีอุปสรรค แต่มันแก้ง่ายไปนิดหนึ่ง

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 29 พ.ย. 53 17:55

    หนังเรื่องนี้ตอนแรกๆผมไม่ได้อยากดูเท่าไรแต่ว่างๆก็เลยลองไปดู
    :ข้อดี:
    - ช่วงกลางถึงจนจบตัวหนังจะค่อนข้างตื่นเต้นและสนุกมาก
    - เนื้อเรื่องและโครงเรื่องค่อนข้างอิงความจริงจึงไม่รู้สึกว่า
    เวอร์ซักเท่าไร
    - การชนสิ่งต่างๆแต่ละครั้งเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
    มันดูสมจริงสุดๆ
    :ข้อเีสีย:
    - ช่วงเริ่มเรื่องหรือแรกๆจะอืดมากๆน่าเบื่อสุดๆ
    - เนื่องจากเนื้อเรื่องและโครงเรื่องค่อนข้างอิงความจริงทำให้
    ตัวหนังไม่มีความน่าสนใจซักเท่าไร
    - ไม่รู้สึกถึงจุดไคลแมกซ์ของหนังเลยเพราะรู้สึกถึงความ
    ึคงทีน่าเบื่อยังไงก็อย่างงั้นตื่นเต้นยังไงก็แค่นั่นไม่มีแบบตื่นเต้นสุดๆ
    หรือตะลึงสุดๆเลย ทำให้ตัวหนังขาดจุดที่ทำให้คนดูประทับใจไป
    - นักแสดงเหมือนจะเยอะแต่รู้สึกเหมือนบางคนดูไม่มีความสำคัญ
    เอาเสียเลยเหมือนว่าไม่มีก็ได้
    สรุป:โดยรวมก็็โอเคครับไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้แย่
    เรื่องนี้ 7/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 28 พ.ย. 53 18:25

    เป็นหนังที่ดูสนุก และสมจริงมากๆ ลุ้นและเสียวดี เนื้อหาไม่ซับซ้อน และเวอร์เลี่ยนเกินเหตุ เหมือนดูเหตุการณ์จริงจากข่าว พระเอกทั้งสองคนก็แสดงกันแบบพอเหมาะ และพอดี ไม่โอเวอร์แอคติ้งใดๆ ผมให้เกือบเต็มไปล่ะกันครับ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 27 พ.ย. 53 00:27

    เป็นหนังแข่งกับเวลา สนุกนะ สนุกเฉย ๆ อย่างที่คนข้างล่างบอก แต่ทำไมเราให้ตั้ง 9 เนี่ย.. คงเพราะมีรสชาติอยู่ในนั้น การแสดงออก การตัดสินใจแก้ปัญหาของแต่ละคน เราชอบตรงนี้นี่ล่ะ โดยเฉพาะเสียงกับแรงสะเทือนของรถไฟ ชอบสุด ๆ

    ที่เราดูเป็น soundtrack ซะด้วย ยิ่งประทับใจ!

  • เมื่อ 26 พ.ย. 53 23:11

    หนังไม่ถึงกับสนุกค่ะ แต่ก็พอดูเพลินๆได้ ให้ 5 เต็ม 10 พอ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 26 พ.ย. 53 22:34

    ผมว่า หนังเรียกว่า สนุกแบบเฉยๆละกัน เอ๊ะยังไง อย่าคาดหวังมาก หนังไม่มีจุดหมาย ที่ชัดเจนและน่าติดตาม ผมไม่ถึงกับชอบ แต่ไม่ได้แย่

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 26 พ.ย. 53 21:58

    ไม่ขอเรียกว่ามันส์ เพราะไม่ใช่หนังแอ็คชั่น เรียกว่า สนุำก ล่ะกัน

    ลุ้น ระทึก ใช้ได้เลย เสียงรถไฟดัง เก้าอี้สะเืทือนเลย

    บางครั้งการที่เกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ไม่ดีี

    ก็อาจทำให้อะไรบางอย่างดีขึ้นได้เช่นกัน

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 17 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • รักแห่งสยามรักแห่งสยามเข้าฉายปี 2007 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
  • Harry Potter and the Chamber of SecretsHarry Potter and the Chamber of Secretsเข้าฉายปี 2002 แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
  • ตีสาม 3Dตีสาม 3Dเข้าฉายปี 2012 แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • Seventh Son - ไดแอนนา เอกร็อน, อิโมเจน พูตส์ และ เฟลิซิตี โจนส์ เคยเข้าทดสอบเพื่อรับบท อลิซ หลังจาก เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ขอถอนตัวไป ท้ายที่สุดบทนี้ตกเป็นของ อลิเซีย วิเคนเดอร์ อ่านต่อ»
  • Taken 3 - เป็นภาพยนตร์ชุด Taken เรื่องสุดท้าย อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Maleficent: Mistress of Evil Maleficent: Mistress of Evil เรื่องราวต่อเนื่องจากภาคแรก เมื่อเจ้าหญิงออโรร่า (แอลล์ แฟนนิง) ต้องการแต่งงานกับเจ้าชาย แต่ มาเลฟิเซนต์ (แองเจลินา โจล...อ่านต่อ»