เกร็ดน่ารู้จาก Skyline
เกร็ดน่ารู้
- ช่วงก่อนวันคริสต์มาส ปี 2009 กลุ่มเพื่อนจากบริษัทสเปเชียลเอฟเฟกต์ ไฮดรอลซ์ ได้แก่ พี่น้อง โคลิน สเทราส์ กับ เกร็ก สเทราส์, โจชัว คอร์เดส และ เลียม โอดอนเนลล์ ร่วมกันคิดจะสร้างภาพยนตร์ที่ใช้ทักษะด้านเอฟเฟกต์ของพวกเขาให้มากที่สุด โดยใช้อุปกรณ์และสถานที่ที่มีอยู่แล้ว ใช้ทีมงานในบริษัทราว 120 คนซึ่งส่วนใหญ่สนิทกันมากว่า 5 ปี และใช้เงินทุนที่หามาด้วยตัวเอง ขณะนั้น โจชัว กำลังเขียนบทแนวสยองขวัญอยู่พอดี เขาจึงเริ่มเขียนบทร่วมกับ เลียม จนกลายมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้
- แสงสีฟ้าแปลกประหลาดตามท้องเรื่อง ที่หลอกล่อให้มนุษย์แหงนหน้ามองจนถูกดูดขึ้นไปบนท้องฟ้านั้น ดัดแปลงมาจาก ไซเรน สัตว์อสูรในตำนานกรีก ซึ่งเป็นอิสตรีที่มีปีกและเท้าเหมือนนก และร้องเพลงหลอกล่อให้กะลาสีตกอยู่ในภวังค์จนเรือชนหินโสโครก
- ผู้สร้างใช้เวลา 1 วันถ่ายทำตัวอย่างภาพยนตร์สั้นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถถ่ายทำตามงบประมาณและระยะเวลาที่กำหนดได้ แล้วนำไปฉายระดมเงินทุนในเทศกาลภาพยนตร์เมืองเบอร์ลิน
- สก็อตตี ธอมป์สัน ที่เคยได้รับแต่บทบาทสมทบได้มารับบทนำครั้งแรกในเรื่องนี้ หลังจากผ่านการทดสอบในบท อีเลน
- โดนัลด์ ไฟสัน เป็นที่รู้จักจากบทตลกมากกว่า แต่ผู้เขียนบท โจชัว คอร์เดส ทราบดีว่า โดนัลด์ เป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ที่สามารถพูดบทในภาพยนตร์ชุด Star Wars ได้อย่างแม่นยำ เขาจึงสนับสนุนให้ ไฟสัน เข้ามาทดสอบบท เทอร์รี ขณะเดียวกัน บริตทานี แดเนียล นักแสดงอีกคนที่เป็นที่รู้จักจากบทตลกเช่นกัน บังเอิญมีผู้จัดการคนเดียวกับ โดนัลด์ จึงถูกชักชวนให้ตามเข้ามารับบทเป็น แคนดิซ
- เดวิด ซายาส ไม่ได้เข้ามาทดสอบบทเหมือนนักแสดงคนอื่น แต่ผู้สร้างขอร้องให้เขาเข้ามารับบท โอลิเวอร์ ในทันที เพราะผู้เขียนบท โจชัว คอร์เดส และ เลียม โอดอนเนลล์ ตั้งใจเขียนตัวละครตัวนี้ให้เขาโดยเฉพาะ
- เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ทุนต่ำ จึงไม่มีรถเทรลเลอร์ให้นักแสดง ทุกคนต้องอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมที่ใช้ถ่ายทำ โดยใช้ชีวิตร่วมกันในห้องนั่งเล่นห้องเดียวเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน
- ผู้เขียนบท โจชัว คอร์เดส อยู่ในกองถ่ายทุกวัน และทำหน้าที่เป็นตากล้องด้วย เขาเขียนบทอธิบายไว้ว่าสัตว์ประหลาดจะทำอะไรตรงไหนบ้าง จึงรู้ดีว่านักแสดงต้องเคลื่อนที่ไปทางไหน ซึ่งง่ายต่อการถ่ายทำและการทำเอฟเฟกต์ในขั้นสุดท้าย การที่ทีมงานทุกคนอยู่ในสถานที่เดียวกันหมดเช่นนี้นั้นช่วยประหยัดเวลามาก เพราะไม่จำเป็นต้องโทรศัพท์ไปถามข้อสงสัยต่างๆ จากใคร
- ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หลายเรื่องถ่ายทำตอนกลางคืนเพื่อซ่อนเอฟเฟกต์ที่อาจไม่สมบูรณ์ แต่ผู้กำกับ โคลิน สเทราส์ และ เกร็ก สเทราส์ คิดว่าฉากเด่นในเรื่องนี้ ที่ผู้คนจำนวนมหาศาลถูกยานอวกาศดูดขึ้นฟ้านั้น จำเป็นต้องถ่ายทำตอนกลางวัน เพราะการเห็นภาพนี้เต็มตา จะช่วยให้ผู้ชมรู้สึกว่าตัวละครไม่มีทางหลบหนีจากหายนะได้ อีกทั้งการถ่ายทำตอนกลางวันยังสะดวกกว่า ทำให้ทำงานได้เร็วกว่า อาทิ ฉากสำคัญในสระน้ำที่ใช้เวลาถ่ายทำเพียงครึ่งวันเท่านั้น
- ผู้กำกับ โคลิน สเทราส์ และ เกร็ก สเทราส์ คิดว่าการถ่ายทำกับฉากสีเขียวนั้นไม่สมจริง เพราะนักแสดงไม่อาจเผชิญเหตุการณ์ตามบท พวกเขาจึงตัดสินใจใช้กล้องเรดถ่ายทำในสถานที่จริง โดยใช้คนจริงแสดงแทนเป็นมนุษย์ต่างดาวไปก่อน การถ่ายทำในสถานที่จริงทำให้ใช้ประโยชน์จากแสงสว่างธรรมชาติได้เต็มที่ ซึ่งจะประหยัดเวลาในการสร้างเอฟเฟกต์ในภายหลังด้วย
- สำหรับฉากที่ผู้คนถูกดูดขึ้นไปบนฟ้านั้น ผู้สร้างใช้สลิงขนาดใหญ่ห้อยนักแสดงไว้กลางอากาศจากเฮลิคอปเตอร์ ใช้พัดลมขนาดใหญ่เป่าให้เหมือนกำลังบินอยู่จริง และมีดวงอาทิตย์จริงอยู่เป็นฉากหลัง ขณะที่นักแสดงถูกดึงขึ้นไปสูงกว่าตึก 20 ชั้น ทีมกล้องจับภาพทั้งหมดไว้ โดยต้องรู้ดีว่ายานแม่ซึ่งจะเพิ่มเข้ามาภายหลังขณะตัดต่อนั้น จะลอยตัวอยู่ตรงไหนของจอภาพ
- มีช็อตเอฟเฟกต์มากกว่า 900 ช็อต
- บริษัท อแมลกาเมตเทด ไดนามิกส์ ออกแบบผู้รุกรานจากต่างดาว โดยใช้แนวคิดของทีมงานทุกคน ยานแม่ที่ปล่อยแสงสีฟ้านั้น คล้ายปลาแองเกอร์ใต้ทะเลลึกที่มีดวงไฟล่อสิ่งมีชีวิตอื่น ส่วน แทงก์เกอร์ นั้นสูงถึง 65 ฟุต เคลื่อนไหวด้วยแขนใหญ่คล้ายกอริลลา คอยจัดการมนุษย์ที่ต่อต้าน ส่วน ไฮดรา และ โดรน มีต้นแบบจากหมึกที่มีหนวดไว้พยุงร่างกายให้เคลื่อนไหวได้ไหลลื่น ไฮดรา ดูคล้ายแมงกระพรุน เป็นเสมือนเครื่องบินต่อสู้ ส่วน โดรน มีขนาดเล็กที่สุด จนสามารถเข้าไปเสาะหามนุษย์ที่เหลือรอดอยู่ในอาคารได้
- ผู้เขียนบท โจชัว คอร์เดส เล่าว่า พวกเขาต้องการให้ผู้รุกรานดูแตกต่างกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการไม่มีขอบเขตจำกัด ตัว โดรน นั้นดัดแปลงมาจาก แทงก์เกอร์ ร่างแรก โดยปรับให้ขนาดเล็กลง ส่วน แทงก์เกอร์ เดิมมีขนาด 20 ฟุต แต่พวกเขาปรับเพิ่มเป็นสูงกว่า 60 ฟุต จนสูงใหญ่กว่าตึก 10 ชั้น และพวกเขาออกแบบยานแม่เสร็จตั้งแต่วันแรกของการทำงาน แต่มีการเพิ่มแสงสีฟ้าตามลำตัวในภายหลัง
- ใช้เวลา 42 วันถ่ายทำในลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในห้องของผู้กำกับ เกร็ก สเทราส์ บนชั้นที่ 19 ของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในย่านมารินา เดล เรย์ อาคารนี้มีมูลค่ากว่า 75 ล้านเหรียญ มีดาดฟ้าที่มองเห็นลอสแอนเจลิสได้ 360 องศา มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ลานจอดรถหลายชั้น และห้องโถงที่สวยงาม ผู้เขียนบท เลียม โอดอนเนลล์ เองก็เคยอาศัยที่นี่นานกว่า 1 ปี ส่วนห้องของ เกร็ก เพิ่งตกแต่งเสร็จราว 1 สัปดาห์เท่านั้น เขาไม่อยากให้พื้นบ้านเป็นรอย จึงไม่อนุญาตให้ทีมงานและนักแสดงสวมรองเท้า
- โดยปกติแล้ว ผู้เขียนบทภาพยนตร์มักจะเขียนบทก่อน แล้วค่อยหาสถานที่ถ่ายทำ แต่ผู้เขียนบท โจชัว คอร์เดส เขียนบทโดยรู้ว่าจะต้องถ่ายทำที่ใด เพราะได้เตรียมตัวศึกษามาแล้วอย่างดี โดยเฉพาะสำหรับฉากผาดโผน
- ฉากส่วนใหญ่ถ่ายทำภายในอาคารที่มีลิฟต์เพียง 2 ตัว ผู้สร้างจึงต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคลของผู้อาศัยในที่นั้น ด้วยการลดจำนวนอุปกรณ์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และต้องทำงานระดับที่ต้องใช้ทีมงาน 80 คนด้วยทีมงานเพียง 20 คนเท่านั้น โดยเฉพาะฉากที่ต้องใช้พื้นที่และแสงสว่างธรรมชาตินั้น ทีมงานแทบขยับเขยื้อนไม่ได้ เพราะมีอุปกรณ์อยู่เต็มพื้นที่ไปหมด
- ขณะถ่ายทำในลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้สร้างได้รับอนุญาตให้ใช้ควันบนชั้นดาดฟ้าของตึก แต่หลังจากเริ่มถ่ายทำไปสักพักก็ได้ยินเสียงรถดับเพลิง และได้ยินคำบอกเล่าว่าเฮลิคอปเตอร์ดับไฟกำลังเดินทางมาด้วย พวกเขาจึงรีบลดควันไฟให้น้อยลง
- เป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผู้กำกับ โคลิน สเทราส์ และ เกร็ก สเทราส์ ระดมหา เงินทุนมาได้ด้วยตัวเองล้วนๆ โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากบริษัทสร้างภาพยนตร์ที่โด่งดัง
- ถ่ายทำตัวอย่างภาพยนตร์ก่อนถ่ายทำจริงในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ปี 2009 พร้อมกับที่ โจชัว คอร์เดส และ เลียม โอดอนเนลล์ กำลังพัฒนาบทภาพยนตร์ พวกเขาใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ยังไม่มีบทภาพยนตร์สักหน้าจนถึงวันที่ภาพยนตร์ได้เข้าฉาย
- ถ่ายทำทุกฉากด้วยกล้องเรด โดยใช้ร่วมกับชิปที่เรียกว่า มิสเตอเรียม-เอ็กซ์ ซึ่งเป็นของ ส่วนตัวของพี่น้องผู้กำกับ โคลิน สเทราส์ และ เกร็ก สเทราส์
- เมื่อฉายตัวอย่างภาพยนตร์ บริษัทสร้างภาพยนตร์ เรลาทิวิตี ถามถึงคนที่จะมารับบทเป็นนักข่าวในภาพยนตร์ ผู้อำนวยการสร้างและผู้ร่วมเขียนบท เลียม โอดอนเนลล์ จึงเสนอให้เลือกคุณ ลุงของเขา ลอว์เรนซ์ โอดอนเนลล์ ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ข่าวการเมือง
advertisement
วันนี้ในอดีต
- รักแห่งสยามเข้าฉายปี 2007 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
- Harry Potter and the Chamber of Secretsเข้าฉายปี 2002 แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
- ตีสาม 3Dเข้าฉายปี 2012 แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม
เกร็ดภาพยนตร์
- Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
- Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»