เกร็ดน่ารู้จาก คนไททิ้งแผ่นดิน
เกร็ดน่ารู้
- ซาร่า เล็กจ์ ยอมรับว่ารู้สึกเครียดขณะแสดงฉากยากที่ บัวคำ ตัวละครของเธอถูกจับมาต้ม เนื่องจากเป็นฉากที่ยาวและเธอต้องแสดงทั้งท่าทางและอารมณ์หลายอารมณ์ นอกจากนี้ น้ำที่ใช้ในฉากเป็นน้ำเย็นมาก แต่ ซาร่า ต้องแสดงให้ดูเหมือนเป็นน้ำร้อนมาก ประกอบกับตอนที่แสดงนั้น ซาร่า ไม่ค่อยสบายด้วย
- ซาร่า เล็กจ์ ผู้รับบท บัวคำ และ ธันน์ ธนากร ผู้รับบท ลำพูน เคยร่วมงานกันมาก่อนในเรื่อง ไทยถีบ (2006) และสนิทกันเหมือนพี่น้อง จึงสามารถแสดงเป็นพี่น้องที่รักกันมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้โดยไม่เคอะเขิน
- ก่อนจะมารับบท บัวคำ ในเรื่องนี้ ซาร่า เล็กจ์ เคยร่วมงานกับผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก มาก่อนแล้วจากงานละครและจากภาพยนตร์ กาเหว่าที่บางเพลง (1994)
- ซาร่า เล็กจ์ ผู้รับบท บัวคำ ไม่ได้ร่วมฝึกซ้อมการแสดงกับนักแสดงคนอื่นก่อนเปิดกล้อง นั่นหมายถึงเธอได้พบเพื่อนร่วมแสดงครั้งแรกในวันเปิดกล้องเลย ซาร่า จึงรู้สึกกังวลว่าจะไม่สามารถแสดงไปในทิศทางเดียวกันกับคนอื่นได้ แต่ ซาร่า ก็สบายใจขึ้นเมื่อได้รับคำชี้แนะต่างๆ จาก หมู - กลศ อัทธเสรี นักแสดงรุ่นเก่าที่มารับหน้าที่ครูฝึกการแสดง
- เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ ติ๊ก - ลลิสา สนธิรอด ผู้รับบท บุญฉวี ผู้ซึ่งยอมรับว่าการแสดงฉากอารมณ์ต่างๆ นั้นยากมาก รวมถึงฉากเต้นระบำยั่วยวนและฉากรัก ในทางตรงกันข้าม ติ๊ก รู้สึกสบายๆ กับฉากบู๊ เพราะเธอเคยเป็นนักแสดงแทนในฉากผาดโผนมาก่อน
- ติ๊ก - ลลิสา สนธิรอด ผู้รับบท บุญฉวี รู้สึกมั่นใจในการแสดงฉากโหนสลิง แต่ทีมงานที่ดึงสลิงเกิดสับสนกับสลิงที่มีจำนวนมาก เมื่อ ติ๊ก กระโดดลงไปที่ความสูงประมาณตึก 1 ชั้น โดยที่สลิงของเธอไม่ได้ถูกดึงเอาไว้ ติ๊ก จึงบาดเจ็บข้อกระดูกนิ้วโป้งเท้าร้าว ซึ่งเธอเล่าว่าเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะเมื่ออากาศหนาว
- ติ๊ก - ลลิสา สนธิรอด ผู้รับบท บุญฉวี ใช้เวลาฝึกซ้อมการแสดงก่อนถ่ายทำจริงประมาณสัปดาห์ละ 5-6 วัน เป็นเวลา 3-4 เดือน ซึ่งรวมถึงการฝึกใช้ธนูหน้าไม้ และเรียนขี่ม้าตั้งแต่เช้าถึงเย็นหรือดึก โดยเริ่มต้นตั้งแต่พื้นฐานเพราะ ติ๊ก ขี่ม้าไม่เป็น
- ม้าที่ ติ๊ก - ลลิสา สนธิรอด ผู้รับบท บุญฉวี ใช้ฝึกขี่และใช้แสดงจริงเป็นตัวเดียวกัน และมันเป็นม้าตาบอดจึงเดินชนโน่นชนนี่ ทำให้ ติ๊ก เจ็บตัวอยู่เสมอ แต่ ติ๊ก ก็ยังเลือกขี่ม้าตัวเดิมตลอด เพราะรู้สึกคุ้นเคยและมั่นใจเรื่องการบังคับและจังหวะการหยุดที่ต้องใช้สัมผัสสื่อสารกับมัน
- ติ๊ก - ลลิสา สนธิรอด ผู้รับบท บุญฉวี ต้องอดทนกับความหนาว ในฉากที่ลอยตัวในแอ่งน้ำ ซึ่งถ่ายทำตอนเช้าในฤดูหนาว ซึ่งอากาศหนาวมากจนบางคนในกองถ่ายเป็นตะคริวที่ขา
- ติ๊ก - ลลิสา สนธิรอด ผู้รับบท บุญฉวี ยอมรับว่าการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างหนักหนา มีบางฉากต้องถ่ายทำติดต่อกันถึง 4 วันต่อเนื่อง และบางคืนเธอได้นอนแค่ 2-3 ชั่วโมง
- ตอนอ่านบท ติ๊ก - ลลิสา สนธิรอด ผู้รับบท บุญฉวี ไม่รู้ว่าจะต้องแสดงฉากรักกับ ธันน์ ธนากร ผู้รับบท ลำพูน และเมื่อถึงเวลาแสดงจริง ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก ลองให้ใช้มุมกล้องก่อน แต่ภาพออกมาไม่สมจริง ต๊ะ จึงขอให้จูบจริง พวกเขาจึงต้องแสดงแบบจูบจริง 3 เทกจึงผ่าน
- ในฉากที่ ลำพูน ที่รับบทโดย ธันน์ ธนากร โดน ลิบอง ที่รับบทโดย ป๊อป - อัศวิน เมืองสุวรรณ เหยียบหน้านั้น ธันน์ ลงทุนยอมโดนเหยียบหน้าจริงๆ โดยไม่ใช้นักแสดงแทน เพราะผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก ต้องการให้ภาพออกมาดูสมจริง
- ธันน์ ธนากร ผู้รับบท ลำพูน ต้องแสดงกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิกหลายช็อต จึงต้องแสดงโดยจินตนาการภาพที่มองไม่เห็น เช่น ต้องมองพื้นดินว่างๆ ให้เป็นทุ่งหญ้าหรือภูเขา ดังนั้น ธันน์ จึงต้องจดจำสตอรีบอร์ดได้อย่างแม่นยำ และต้องพูดคุยกับผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก บ่อยครั้งจนเข้าใจการทำงานอย่างถ่องแท้
- อานัส ฬาพานิช ตกจากหลังม้าหลายครั้งขณะแสดงบท กุมภวา รวมถึงในฉากที่ม้าตื่นเสียงระเบิดจนบังคับได้ยาก แต่โชคดีที่ อานัส บาดเจ็บไม่มากเพราะม้าตัวเล็ก นอกจากนี้ยังมีตอนที่ดาบพลาดมาโดนนิ้ว อานัส จนเลือดออก แต่ไม่มีอุบัติเหตุร้ายแรงถึงขั้นกระดูกหักแต่อย่างใด
- มีหลายฉากเป็นฉากใหญ่ที่ถ่ายทำยาก ได้แก่ ฉากคนไทนำกำลังไปบุกพวกฮาน ฉากนี้เริ่มถ่ายทำตอนตี 2 และต้องถ่ายให้เสร็จก่อนฟ้าสาง เป็นฉากที่มีนักแสดงสมทบจำนวนมาก และมีเอฟเฟกต์จำพวกไฟและระเบิดอีกด้วย อีกฉากหนึ่งในตอนท้ายเรื่อง ต้องถ่ายทำกลางแดดร้อนๆ ก่อนที่จะแสงหมดในตอนเย็น จึงต้องถ่ายทำต่อเนื่องกันถึง 3 วันจึงเสร็จสิ้น
- อานัส ฬาพานิช ผู้รับบท กุมภวา ผ่านงานละครมามากกว่า และเพิ่งแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 เขาเล่าว่าการแสดงภาพยนตร์นั้นยากกว่า เพราะต้องแสดงกริยาให้เห็นชัดเจนเนื่องจากภาพยนตร์ฉายทางจอใหญ่ อีกทั้งยังต้องแสดงซ้ำหลายครั้งด้วยกล้องๆ เดียวที่เปลี่ยนมุมภาพไปมา จึงต้องจำบทและอารมณ์ในฉากนั้นๆ ให้ได้อย่างแม่นยำ
- ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ อานัส ฬาพานิช รับงานถ่ายละครไปด้วยถึง 2 เรื่อง เขาจึงต้องตั้งสมาธิและแบ่งงานให้ดี แต่บางครั้งเขาก็สับสนบ้าง จึงต้องให้ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก และทีมงานช่วยเตือนให้กลับมามีสมาธิกับบทบาท กุมภวา ในเรื่องนี้
- ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก อ่านบทประพันธ์ คนไททิ้งแผ่นดิน ของ สัญญา ผลประสิทธิ์ มาหลายปีแล้ว แล้วบริษัทกันตนาก็เลือกบทประพันธ์ซึ่งเคยคว้ารางวัลจากมูลนิธิ จอห์น เอฟ. เคนเนดี ประเทศไทยเมื่อปี 1916 เรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ เพราะต้องการส่งเสริมแนวคิดที่กระตุ้นให้คนไทยรักและสามัคคีกัน
- หนังสือ คนไททิ้งแผ่นดิน ที่เป็นต้นแบบของภาพยนตร์มีประเด็นเนื้อหามากมาย จนสามารถสร้างเป็นภาพยนตร์ไตรภาคได้ แต่ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก มองว่าการสร้างภาพยนตร์ 3 ภาคใช้งบประมาณสูงเกินไป จึงตัดสินใจดึงไตรภาคสุดท้ายที่คนไทจำต้องสู้แบบหลังชนฝาออกมาสร้างเป็นภาคเดียวจบ โดยมีการรวบตัวละครที่คล้ายกันหลายๆ ตัวให้เป็นตัวเดียวกัน เพื่อให้ผู้ชมไม่สับสน
- ผู้สร้างใช้เวลา 1 ปีเตรียมงานสร้าง โดยตั้งทีมค้นคว้าข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว และเชิญอาจารย์ที่ชำนาญมาช่วยด้วย พวกเขาค้นหาหลักฐานจากพิพิธภัณฑ์ต่างๆ โดยส่วนมากยังคงหลงเหลือเพียงแค่รูปภาพ มีการวิเคราะห์จุดเกิดเหตุแล้วเดินทางไปสำรวจ นอกจากนี้ยังต้องศึกษาวัฒนธรรมช่วงปลายของฮาน และศึกษาข้อมูลประเทศเพื่อนบ้านในอดีต โดยค้นคว้าที่หอสมุดในประเทศเหล่านั้น สุดท้ายจึงนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์หาข้อสรุป เพื่อนำไปใช้พัฒนาบทภาพยนตร์
- ผู้สร้างพิจารณาสถานที่ถ่ายทำไว้หลายแห่ง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่จะช่วยให้ได้กลิ่นไอของการต่อสู้ตามเนื้อหา แต่สุดท้ายพวกเขาตัดสินใจถ่ายทำโดยสร้างฉากที่ต้องการขึ้นที่ กันตนา มูฟวี่ทาวน์ เพราะขนย้ายอุปกรณ์ได้สะดวก และทุ่นเวลาการเดินทางซึ่งเอื้อต่อการจัดตารางการทำงานของนักแสดง อีกทั้งยังเป็นที่ที่มีความพร้อมทั้งในเรื่องอุปกรณ์และอาหาร ทำให้สามารถควบคุมความโกลาหลในฉากที่ต้องใช้คนเป็นร้อยๆ คนได้
- เนื่องจากผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก มีพื้นฐานมาจากงานสร้างละคร เขาจึงคุ้นเคยกับการถ่ายทำโดยใช้กล้องหลายตัวพร้อมกัน เพื่อสร้างความต่อเนื่องทั้งเสียงและภาพ ในการถ่ายทำภาพยนตร์ที่ใช้กล้องเพียงตัวเดียวเรื่องนี้ เขาจึงตัดสินใจถ่ายทำบางฉากแบบต่อเนื่องโดยไม่มีการตัดต่อ เช่น ฉากต่อสู้กันระหว่างฮานกับคนไท
- ก่อนเปิดกล้อง ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก และทีมงานร่วมประชุมวางแผนการทำงานอย่างถี่ถ้วน รวมถึงตารางเวลาในการถ่ายทำที่ชัดเจนและละเอียดมาก พวกเขาใช้เวลาเตรียมงานนานถึง 1 ปี ก่อนจะถ่ายทำจริงเป็นเวลาประมาณ 4 เดือน การประชุมช่วยให้ทีมงานและนักแสดงให้ความร่วมมือในการทำงานได้อย่างพร้อมเพรียง การถ่ายทำจึงมีอุปสรรคเฉพาะปัจจัยที่ไม่อาจควบคุมได้ เช่น สภาพอากาศ
- ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก แบ่งฉากต่างๆ ออกตามอารมณ์ของฉาก เพื่อกระจายงานให้คนอื่นๆ เข้ามาช่วยดูแล เช่น บี๋ - ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ ช่วยดูแลการถ่ายทำฉากรัก หมู - กลศ อัทธเสรี ช่วยฝึกการแสดงอารมณ์ร้ายๆ หรือตลกให้แก่นักแสดง ต้น - อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ที่รับบท เตียวเหลียง ช่วยดูแลการถ่ายทำฉากหวานใสน่ารัก ฉากร้องไห้ หรือฉากเคียดแค้น ส่วน เป้า ปรปักษ์ หรือ วินัย ยืนยง ช่วยดูแลฉากผาดโผนต่างๆ
- ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก เริ่มคัดเลือกนักแสดงหลังจากทำตารางการถ่ายทำเรียบร้อยแล้ว โดยพิจารณาจากความรักในการแสดงเป็นอันดับแรก ถัดมาจึงพิจารณาความเหมาะสมของตัวละคร และถัดมาจึงพิจารณาตารางเวลาที่ลงตัว สุดท้ายจึงพิจารณาเรื่องฝีมือการแสดง
- ผู้กำกับ ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก ชื่นชอบความสามารถของ แอ๊ด - ยืนยง โอภากุล หลังจากได้ร่วมงานในละคร กษัตริยา และได้ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ ก้านกล้วย (2006) ด้วยกัน นอกจากนี้ ต๊ะ ยังคิดว่า แอ๊ด มีภาพลักษณ์เหมือนต้นตระกูลมองโกล จึงให้เขามารับบทเป็น บุญปัน ในเรื่องนี้
- นอกจากรับหน้าที่เป็นผู้กำกับแล้ว ต๊ะ - นิรัตติศัย กัลย์จาฤก ยังต้องรับบทเป็น จิ๋นอ๋อง แต่ส่วนตัวแล้ว เขาชอบงานกำกับมากกว่า และไม่ชอบหน้าที่นักแสดงเท่าใดนัก
advertisement
วันนี้ในอดีต
เด็กหอเข้าฉายปี 2006 แสดง จินตหรา สุขพัฒน์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร
Constantineเข้าฉายปี 2005 แสดง Keanu Reeves, Rachel Weisz, Shia LaBeouf
Million Dollar Babyเข้าฉายปี 2005 แสดง Clint Eastwood, Hilary Swank, Morgan Freeman
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
The Secrets We Keep
เรื่องราวของ มายา (นูมิ ราเพซ) เหยื่อสงครามชาวโรมานี หรือ ยิปซี อพยพจากยุโรปมาเริ่มชีวิตใหม่กับ ลิวอิส (คริส เมซินา) สา...อ่านต่อ»