เกร็ดน่ารู้จาก Paranormal Activity
เกร็ดน่ารู้
- เดิมเป็นภาพยนตร์ที่มีการฉายจำกัดโรงเพียง 12 โรงภาพยนตร์ แต่ได้รับความนิยมจนมีการลงคะแนนเสียงให้จัดฉายเพิ่ม จนสามารถไต่อันดับในบ็อกซ์ออฟฟิศของสหรัฐอเมริกา จากอันดับที่ 48 มาเป็นอันดับที่ 1 ภายในเวลา 5 สัปดาห์ จากการฉายทั้งหมด 1,945 โรง น้อยกว่า Saw VI (2009) ที่ทำเงินได้เป็นอันดับที่ 2 ซึ่งมีจำนวนโรงฉาย 3,036 โรง
- ในยุคที่อุปกรณ์บันทึกภาพมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอภาพที่ถ่ายทำยาวนานหลายสิบชั่วโมงด้วยการเดินภาพด้วยความเร็วสูง ส่วนเทปบันทึกภาพต้นฉบับทั้งหมดยังคงถูกเก็บไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจซาน ดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ถ่ายทำที่บ้านของผู้เขียนบทและผู้กำกับ ออเรน เพลี ในย่านชานเมือง ซาน ดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 1 สัปดาห์ในปี 2006 โดย ออเรน มีผู้ร่วมงานเพียง 2 คน คือ โทนี เทย์เลอร์ ผู้ร่วมอำนวยการสร้างและแฟนสาวของเขาในตอนนั้น และ เอเมียร์ ซบีดา เพื่อนสนิทของ ออเรน
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ดัดแปลงภาพยนตร์เรื่องนี้จากชีวิตจริงของเขาเอง ในช่วงที่เขาและแฟนสาว โทนี เทย์เลอร์ ตระเวนหาบ้านหลังแรกด้วยกัน เป็นช่วงที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในย่านแคลิฟอร์เนียตอนใต้มีการแข่งขันสูง พวกเขารีบซื้อบ้านหลังหนึ่งอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงแปลกๆ ในบ้าน โดยเฉพาะตอนกลางคืน บางครั้งบ้านสั่นสะเทือนจนข้าวของบนชั้นหล่นลงมา โดยมักเกิดขึ้นหลายเดือนต่อ 1 ครั้ง
- โทนี เทย์เลอร์ แฟนสาวของผู้กำกับ ออเรน เพลี ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นต้นแบบของตัวละคร เคที ที่รับบทโดย เคที ฟีเธอร์สัน
- หนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ คือภาพยนตร์สยองขวัญทุนต่ำที่นำเสนอคล้ายสารคดี และเน้นการถ่ายทำด้วยกล้องวิดีโอเรื่อง The Blair Witch Project (1999)
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี เปิดคัดเลือกนักแสดงในซาน ดิเอโก ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ผิดหวังที่ผู้มาคัดตัวส่วนใหญ่เป็นนักแสดงจากลอสแอนเจลิส แต่ในที่สุด หลังจากคัดเลือกนักแสดงอย่างยาวนาน เขาก็ได้ผู้เข้ารอบ 150 ราย และคัดออกเหลือเพียง 2 คน คือ เคที ฟีเธอร์สัน และ มิคาห์ สโลต ที่ได้มารับบทเป็นตัวละครที่มีชื่อเหมือนชื่อจริงของพวกเขาเอง
- หลังจากเลือก เคที ฟีเธอร์สัน และ มิคาห์ สโลต มารับบทนำแล้ว ผู้กำกับ ออเรน เพลี ก็ปล่อยให้พวกเขาทำความรู้จักกัน พวกเขาจึงพยายามแสดงให้ทุกคนเชื่อว่าเป็นคู่รักกันมาหลายปีแล้ว ด้วยการช่วยกันแต่งปูมหลังของตัวละครขึ้นด้วยกัน เช่น เรื่องราวตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน และการที่คุณแม่ของ เคที ไม่ยอมรับแฟนหนุ่มคนนี้ เป็นต้น
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ตั้งใจถ่ายทำแบบดิบๆ คือไม่เน้นการจัดแสง การวางมุมกล้อง และเทคนิคจิปาถะอื่นๆ แต่ก็ต้องควบคุมบางส่วน ไม่ให้ภาพออกมาดูแย่จนไม่สามารถนำมาใช้งานได้
- มิคาห์ สโลต เคยเป็นตากล้องให้สถานีโทรทัศน์ภายในสถาบันการศึกษาของเขา ผู้กำกับ ออเรน เพลี จึงให้เขาแสดงเป็น มิคาห์ ผู้รักการใช้กล้อง แต่เนื่องจากเขามีฝีมือดีเกินไป บางครั้ง ออเรน จึงขอให้เขาปิดการทำงานบางส่วนของกล้อง แล้วถ่ายไปแบบง่ายๆ ให้ดูเหมือนผู้ชายที่เล่นกล้องเป็นงานอดิเรก แต่เป็นเพียงมือสมัครเล่นเท่านั้น
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ไม่เน้นการกำกับนักแสดงมากนัก เขาปล่อยให้ เคที ฟีเธอร์สัน ผู้รับบท เคที และ มิคาห์ สโลต ผู้รับบท มิคาห์ แสดงไปเองอย่างเป็นธรรมชาติ โดยอนุญาตให้มีการด้นสดหรือนอกบทได้ แต่ต้องไม่เรียกชื่อของตัวละครจนเฝือหรือขัดธรรมชาติเกินไป
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ชอบตอนแถมในดีวีดีละครโทรทัศน์ Fawlty Towers ตอนที่ตัวละครของ จอห์น คลีส ทำตัวไม่ดีกับตัวละครของ พรูเนลลา สเกลส์ แต่อีกฝ่ายไม่ถือสาเพราะพวกเขารักกัน ออเรน ดัดแปลงฉากนั้นมาใส่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยให้ มิคาห์ สโลต ผู้รับบท มิคาห์ แสดงบทกวนใจ เคที ฟีเธอร์สัน ผู้รับบท เคธี แล้วเธอก็โต้ตอบราวกับคุ้นเคยกับพฤติกรรมของแฟนหนุ่มเป็นอย่างดี
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ยึด The Blair Witch Project (1999) และ Open Water (2003) เป็นแรงบันดาลใจ ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ให้เป็นผลงานสยองขวัญที่ไม่มีเลือดท่วมจอ แต่ใช้เสียงประกอบช่วยสร้างบรรยากาศ เขาแทรกเสียงหึ่งๆ และเสียงที่ชวนให้ตกใจเข้าไปในบางฉาก ขณะที่บางฉากเงียบมาก เพราเขาอยากให้ผู้ชมนิ่งสังเกตสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงเสียงเคาะเบาๆ บนกำแพงที่ดังแทรกความเงียบสนิทขึ้นมา
- การถ่ายทำเป็นไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ แม้แต่เพื่อนบ้านยังไม่รู้ว่ามีการถ่ายทำภาพยนตร์ เพราะผู้กำกับ ออเรน เพลี ตั้งใจจะไม่บอกใครเพื่อไม่ให้ตนเองเสียสมาธิ แต่เขาจำต้องบอกคุณพ่อกับคุณแม่ของเขา เพราะพวกท่านแวะมาเยี่ยมที่บ้านตอนที่กำลังจะเปิดกล้องกันพอดี
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ตัดต่อภาพยนตร์เรื่องนี้เอง โดยใช้โปรแกรมตัดต่อภาพยนตร์ โซนี เวกัส ในคอมพิวเตอร์ที่บ้านของเขา
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ส่งภาพยนตร์ที่เสร็จสมบูรณ์ไปยังเทศกาลภาพยนตร์ 4-5 แห่ง จนได้ฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์สยองขวัญ สครีมเฟสต์ ในเดือนตุลาคม 2007 จากนั้นได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ สแลมแดนซ์ ในเดือนมกราคม 2008 บริษัท ดรีมเวิร์คส์ สนใจที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ท้ายสุดแล้วเป็น พาราเมาท์ พิคเจอร์ส ที่ได้ไป ทำให้ในที่สุดภาพยนตร์ออกฉายในวงกว้างในปี 2009
- ผู้อำนวยการสร้าง เจสัน บลัม จากบริษัท พาราเมาท์ พิคเจอร์ส ชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มากจนตกลงรับอำนวยการสร้าง Area 51 ภาพยนตร์อิสระแนวเขย่าขวัญเรื่องใหม่ของผู้กำกับ ออเรน เพลี ที่เปิดกล้องในยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2009 โดยใช้ทุนสูงกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เล็กน้อย แต่ยังคงใช้รูปแบบการทำงานแบบด้นสดเช่นเคย
- เป็นผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของ เคที ฟีเธอร์สัน ผู้รับบท เคที และ มิคาห์ สโลต ผู้รับบท มิคาห์ นอกจากนี้ มิคาห์ ยังได้ทำหน้าที่ตากล้องจำเป็น และผลงานดนตรีที่เขาประพันธ์เองก็ถูกนำมาใช้เป็นดนตรีประกอบภาพยนตร์ด้วย
- ผู้กำกับ ออเรน เพลี ปรับฉากจบใหม่ ตามคำแนะนำของ สตีเวน สปีลเบิร์ก
- หนังสือที่ มิคาห์ ที่รับบทโดย มิคาห์ สโลต กล่าวถึงในภาพยนตร์ คือ Picture Book of Devils, Demons and Witchcraft เขียนโดย เอิร์นส์ต และ โยฮันนา เลอห์เนอร์ ตีพิมพ์โดย โดเวอร์ พับลิเคชันส์ เมื่อปี 1971
- แม้จะจัดฉายโดยบริษัท พาราเมาท์ พิคเจอร์ส แต่ในเรื่องไม่มีทั้งสัญลักษณ์และชื่อของพาราเมาท์ ยกเว้นส่วนที่ระบุเรื่องลิขสิทธิ์เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
- ใช้ทุนสร้าง 15,000 เหรียญสหรัฐ และทำกำไรได้ 9.1 ล้านเหรียญสหรัฐภายในสัปดาห์แรกที่ฉายในสหรัฐอเมริกา ทำลายสถิติเป็นภาพยนตร์ที่ทำกำไรได้สูงสุดจากการฉายสัปดาห์เดียว ในโรงฉายน้อยกว่า 200 โรงภาพยนตร์
- พาราเมาท์ พิคเจอร์ส ออกประกาศในวันที่ 25 ตุลาคม 2009 ว่าจะมีการสร้างภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Sherlock Holmes: A Game of Shadowsเข้าฉายปี 2011 แสดง Robert Downey Jr., Jude Law, Noomi Rapace
- โลกทั้งใบให้นายคนเดียวเข้าฉายปี 1995 แสดง สมชาย เข็มกลัด , ปราโมทย์ แสงศร , สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา
- Arthur Christmasเข้าฉายปี 2011 แสดง James McAvoy, Jim Broadbent, Bill Nighy
เกร็ดภาพยนตร์
- Blackhat - ชื่อภาพยนตร์อ้างอิงถึงลักษณะของตัวร้าย ซึ่งวายร้ายในแถบตะวันตกมักจะสวมหมวกสีดำ อ่านต่อ»
- Maps to the Stars - วิกโก มอร์เทนเซน และ ราเชล ไวส์ซ ต่างก็เคยถูกพิจารณาให้รับบท สแตฟฟอร์ด และ ฮาวานา ก่อนที่จะถอนตัวออกไปทั้งคู่เนื่องจากปัญหาตารางงาน สุดท้าย จอห์น คูแซก และ จูเลียนน์ มัวร์ จึงเข้ามารับบท สแตฟฟอร์ด และ ฮาวานา ตามลำดับ อ่านต่อ»