เกร็ดน่ารู้จาก The Echo
เกร็ดน่ารู้
- เรื่องนี้เป็นการนำภาพยนตร์สยองขวัญของประเทศฟิลิปปินส์เรื่อง Sigaw (2004) มาสร้างใหม่ โดยมีผู้กำกับเป็น ยัม ลารานัส คนเดิม หลังจากผู้อำนวยการสร้าง ลอย รี ประกาศซื้อลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์ต้นฉบับในงานซื้อขายภาพยนตร์เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2006
- ผู้อำนวยการสร้าง รอย ลี เคยซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เอเชียมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาแล้วหลายเรื่อง เช่น The Departed (2006) ที่สร้างจาก Infernal Affairs (2002) จากฮ่องกง, Dark Water (2005) ที่สร้างจาก From the Depths of Dark Water (2002) จากญี่ปุ่น, The Ring (2002) และภาคต่อ ที่สร้างจาก Ring (1998) จากญี่ปุ่น และ The Grudge (2004) และภาคต่อ ที่สร้างจาก Ju-on (2000) จากญี่ปุ่น
- เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกของผู้กำกับชาวฟิลิปปินส์ ยัม ลารานัส
- Sigaw (2004) ที่เป็นต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนสร้าง 350,000 เหรียญสหรัฐ ส่วนภาพยนตร์ฉบับใหม่นี้ใช้ทุนสร้าง 6,500,000 เหรียญสหรัฐ
- ภาพยนตร์สยองขวัญหลายเรื่องที่ รอย ลี อำนวยการสร้าง มักมีฉากเป็นบ้าน สถานที่ที่ควรจะอบอุ่นปลอดภัย แต่กลับกลายเป็นที่ที่อันตรายที่สุด เช่น Dark Water (2005) The Ring (2002) The Grudge (2004) และ The Strangers (2008) รวมถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
- ผู้อำนวยการสร้าง ดอน คาร์โมดี ตั้งข้อสังเกตว่า วิญญาณในภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างจากวิญญาณในภาพยนตร์สยองขวัญทั่วไปตรงที่ไม่ได้อยู่แต่ในถิ่นของตนเอง แต่จะตามติดตัวละครไปทุกที่ จนกว่าคนๆ นั้นจะใส่ใจในสิ่งที่วิญญาณอยากบอก
- ภาพยนตร์ตั้งคำถามเชิงศีลธรรมกับผู้ชม โดยให้ตัวละคร บ็อบบี ต้องโทษจำคุกเพราะพยายามช่วยแฟนสาวที่กำลังจะถูกข่มขืน ทำให้เขาเริ่มลังเลว่าจะช่วยเหลือหรือเพิกเฉยเมื่อพบเหตุร้าย จากนั้น บ็อบบี ถูกบีบให้ตอบคำถามนี้ให้ได้ เมื่อพบเรื่องสยองในตึกที่ตนพักอาศัย เจสซี แบรดฟอร์ด ผู้รับบท บ็อบบี ให้ความเห็นว่า ทุกคนไม่ควรเพิกเฉยเมื่อพบเหตุร้าย และภาพยนตร์เรื่องนี้ชวนให้เขานึกถึงคดีที่ผู้หญิงชื่อ คิตตี เจโนเวเซ ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในปี 1994 ที่เมืองควีนส์ ในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่คน 38 คนที่รู้เห็นเหตุการณ์ล้วนพากันนิ่งเฉย
- ผู้อำนวยการสร้าง ดอน คาร์โมดี เคยสร้างภาพยนตร์สยองขวัญที่ซับซ้อน ซึ่งใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์มากกว่า 300 ฉาก อาทิ Silent Hill (2006) และ Skinwalkers (2006) แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาเห็นด้วยกับผู้สร้างคนอื่นๆ ที่จะใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์ราวๆ 30 ฉากเท่านั้น เพราะพวกเขาต้องการเผยความรุนแรงให้เห็นในจอให้น้อยที่สุด แล้วปล่อยให้คนดูรู้สึกกลัวมากขึ้นจากการนำไปคิดต่อเอง
- นักแสดงหญิงชาวฟิลิปปินส์ อิซา กัลซาโด ที่เคยรับบทภรรยาผู้ถูกทำร้ายร่างกายในภาพยนตร์ต้นฉบับ Sigaw (2004) หวนกลับมารับบทเดิมในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเปลี่ยนชื่อตัวละครจาก แอนนา มาเป็น จีนา
- เจสซี แบรดฟอร์ด เคยร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้าง รอย ลี และ ดัก ดาวิดสัน มาแล้วในภาพยนตร์รักปนตลก My Sassy Girl (2008) ซึ่งทั้งสองประทับใจการแสดงของเขาเป็นอย่างยิ่ง จึงทาบทามเขามารับบท บ็อบบี ในเรื่องนี้ โดยส่ง Sigaw (2004) ภาพยนตร์ต้นฉบับของเรื่องนี้ไปให้ เจสซี ชมก่อน ผลคือ เจสซี ชอบตอนจบของ Sigaw มาก จึงตัดสินใจเซ็นสัญญารับแสดงทันที
- เจสซี แบรดฟอร์ด ไม่คุ้นเคยกับภาพยนตร์สยองขวัญนัก เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่ส่งเสริมให้เขาชมภาพยนตร์อย่าง A Nightmare on Elm Street (1984) Friday the 13th (1980) และ Porky's (1982) เมื่อได้แสดงบท บ็อบบี ในเรื่องนี้ เขาจึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกเหมือนได้เข้าใกล้ภาพยนตร์สยองขวัญเป็นครั้งแรก
- เจสซี แบรดฟอร์ด ผู้รับบท บ็อบบี ใช้เวลา 3 เดือนก่อนถ่ายทำ ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตของนักโทษในเรือนจำ เขาอธิบายว่าผู้ที่พ้นโทษออกมามักจะมีร่างกายที่แข็งแรง เพราะขณะอยู่ในเรือนจำต้องทำงานหนักทุกวัน
- ผู้อำนวยการสร้าง ไทเลอร์-เจน มิตเชล เล่าว่า มีนักแสดงหญิงหลายคนเข้ามาทดสอบบทตัวละคร อลีสซา แต่ผู้สร้างยังไม่สามารถเลือกใครได้ จนถึงชั่วโมงที่ 11 ของการคัดเลือก อเมเลีย วอร์เนอร์ เข้ามาทดสอบบทนี้โดยใช้เวลาเพียง 2 นาที ไทเลอร์-เจน ตัดสินใจเลือกเธอ เพราะชอบจังหวะการพูด การแสดงอารมณ์ทางดวงตา และภายนอกของเธอที่ดูเมตตา ซื่อสัตย์ และอ่อนไหว
- ชินทาโระ ชิโมซาวะ เขียนบทตัวละครช่างซ่อมรถ เฮกเตอร์ โรดริเกซ เพื่อให้ คาร์ลอส ลีออน เป็นผู้แสดงโดยเฉพาะ ขณะอ่านบทพูดของ เฮกเตอร์ เขาได้ยินเป็นเสียงของ คาร์ลอส อยู่เสมอ
advertisement
วันนี้ในอดีต
- ความสุขของกะทิเข้าฉายปี 2009 แสดง ภัสสร คงมีสุข, สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์, จารุวรรณ ปัญโญภาส
- Quarantineเข้าฉายปี 2009 แสดง Jennifer Carpenter, Steve Harris, Jay Hernandez
- Bal Ganeshเข้าฉายปี 2009 แสดง Asha Bhonsale, Kailash Kher, Usha Mangeshkar
เกร็ดภาพยนตร์
- The Age of Adaline - แองเจลา แลนส์บูรี คือนักแสดงที่ถูกวางตัวให้รับบท เฟลมมิง เมื่อปี 2010 แต่ท้ายสุดแล้ว เอลเลน เบอร์สตีน คือผู้ที่ได้แสดงบทนี้ อ่านต่อ»
- Skin Trade - ดอล์ฟ ลันด์เกรน ผู้รับบท นิก เขียนบทเรื่องนี้ในปี 2006-2007 โดยตั้งใจว่าจะกำกับเอง แต่ภายหลังตัดสินใจมอบหน้าที่กำกับให้แก่ เอกชัย เอื้อครองธรรม โดย ดอล์ฟ จะได้ทำหน้าที่ควบคุมงานสร้างได้อย่างเต็มที่ อ่านต่อ»