เกร็ดน่ารู้จาก Inglourious Basterds
เกร็ดน่ารู้
- ชื่อภาพยนตร์ Inglourious Basterds ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ของ เอนโซ กาสเตลลารี เรื่อง Inglorious Bastards (1978) เอนโซ ให้ความเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวของเขากับเรื่องนี้แตกต่างกันมาก จนไม่ถือเป็นการนำภาพยนตร์เก่ามาสร้างใหม่ เป็นเพียงการสร้างแรงบันดาลใจให้เท่านั้น
- เอนโซ กาสเตลลารี ผู้กำกับภาพยนตร์ Inglorious Bastards (1978) ที่เป็นแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้มาแสดงบทรับเชิญเป็นตัวของเขาเองในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน เคยคิดที่จะสร้างผลงานชิ้นนี้ออกมาเป็นละครชุดขนาดสั้นสำหรับฉายทางโทรทัศน์ หรือไม่ก็เขียนออกมาเป็นหนังสือนิยาย และเคยคิดสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มานานแล้ว
- อีไล รอธ ผู้รับบทเป็น ดอนนี โดโนวิตซ์ ได้ยินเรื่องการเตรียมสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2004 ขณะที่ เอลิ ตื่นเต้นว่าเมื่อไรผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน จะเริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเป็นทางการเสียที เควนติน ก็หันไปกำกับภาพยนตร์เรื่อง Death Proof (2007) แทน และใน Death Proof ก็มี เอลิ ร่วมแสดงด้วยเช่นกัน
- เควนติน ทาแรนติโน เขียนบทร่างสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จสิ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม 2008 ได้บทภาพยนตร์ที่มีความหนา 134 หน้า เขามอบสำเนาบทภาพยนตร์ให้กับคนจำนวนมาก รวมทั้งใช้วิธีโทรศัพท์ไปตามเรียกให้มารับที่บ้านของเขาเองด้วย
- หลังจากผู้อำนวยการสร้าง ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้จากผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน มานานนับ 10 ปี ในที่สุดเขาก็รับโทรศัพท์จาก เควนติน ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2008 เกี่ยวกับบทภาพยนตร์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว จากนั้นเขาได้รับสำเนาบทจากผู้อำนวยการสร้าง พิลาร์ ซาโวเน เขาจึงยกเลิกแผนงานทั้งหมดเพื่ออ่านมัน แล้วเขาก็ได้พบกับ เควนติน ในวันที่ 6 กรกฎาคม เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการเตรียมงานสร้าง
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน อยากให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จพร้อมฉายเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 2009 พวกเขาจึงเริ่มเตรียมงานสร้างกันอย่างเร่งด่วนมาก เพียง 14 สัปดาห์หลังจากจ่ายแจกสำเนาบทภาพยนตร์ กองถ่ายก็พร้อมเปิดกล้องถ่ายทำ
- ผู้สร้างคัดเลือกตัวนักแสดงจากในปารีส ประเทศฝรั่งเศส เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากต้องการนักแสดงที่มีสัญชาติตรงกับตัวละครแต่ละตัว
- แบรด พิตต์ คือนักแสดงคนแรกที่เข้าร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ในบท อัลโด เรน โดยผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน เดินทางไปยังฝรั่งเศสในระหว่างเตรียมงานสร้างเพื่อพบกับ แบรด
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน เล่าว่าตัวละครที่รับบทโดย ดาเนียล บรูห์ล ที่ชื่อ เฟรดริก โซลเลอร์ วีรบุรุษสงครามที่กลายมาเป็นนักแสดง เป็นตัวละครที่อ้างอิงมาจาก ออดี เมอร์ฟีย์ ทหารผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กลายมาเป็นนักแสดงเช่นกัน
- ดาเนียล บรูห์ล ผู้รับบท เฟรดริก โซลเลอร์ เดินทางไปปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่ออ่านบทกับกลุ่มนักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาคัดเลือกตัวในบท โชซานนา เดรย์ฟัส และเขาก็แสดงเข้าขากันได้ดีกับ เมลานี โลรองต์ ทำให้ เมลานี คว้าบทดังกล่าวไปได้สำเร็จ
- ในบทภาพยนตร์ฉบับแรก ตัวละคร โชซานนา เดรย์ฟัส ที่รับบทโดย เมลานี โลรองต์ เป็นสาวแสบเลือดร้อน แต่ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน เห็นว่าดูคล้ายตัวละคร เดอะ ไบรด์ ในภาพยนตร์ชุด Kill Bill ที่เขากำกับมากเกินไป เขาจึงปรับให้ โชซานนา มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น
- หนึ่งในเหตุผลที่ผู้สร้างเลือก คริสตอฟ วอลต์ซ มารับบท ฮานส์ ลานดา เป็นเพราะเขาสามารถแสดงบทนี้ได้ ทั้งที่เป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน
- ทิล ชไวเกอร์ ที่รับบท ฮูโก สติกลิตซ์ ติดตามผลงานของผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน มานานแล้ว เขายังตั้งชื่อบริษัทผลิตภาพยนตร์บริษัทแรกของเขาว่า มิสเตอร์ บราวน์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ตามชื่อตัวละครของ เควนติน ในภาพยนตร์เรื่อง Reservoir Dogs (1992) อีกด้วย
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท เควนติน ทาแรนติโน บอก อีไล รอธ ว่าเขานึกภาพ เอลิ ในบท ดอนนี โดโนวิตซ์ ก่อนที่ เอลิ จะได้รับบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยซ้ำ
- อีไล รอธ ที่รับบท ดอนนี โดโนวิตซ์, โอมาร์ ดูม ที่รับบท โอมาร์ อุลเมอร์ และ ไมเคิล บาคอลล์ ที่รับบท ไมเคิล ซิมเมอร์แมน เคยแสดงร่วมกันมาก่อนแล้วใน Death Proof (2007) ที่ เควนติน ทาแรนติโน เป็นผู้กำกับเช่นกัน
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน เคยบอกกับ กีดีออน เบิร์กฮาร์ด ว่ากำลังเขียนบทภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยคิดถึง กีดีออน ในบทชายที่พูดได้ 2 ภาษาและสามารถแปลภาษาได้ หลังจากนั้น กีดีออน เฝ้ารอคอยข่าวคราวจาก เควนติน ที่เงียบหายไปนานถึง 8-9 ปี แต่แล้ว เควนติน ก็เรียกตัว กีดีออน มาทดสอบบท วิลเฮล์ม วิกกี แล้วเขาก็ได้รับบทนี้ไปในที่สุด
- ผู้สร้างต้องหาทางปรับเปลี่ยนตารางการทำงานของละครโทรทัศน์เรื่อง The Office เพื่อให้ บี.เจ. โนแวก ผู้อำนวยการสร้าง ผู้เขียนบท และนักแสดงนำจากละครเรื่องดังกล่าว สามารถปลีกตัวมารับบท สมิธสัน อูทิวิช ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้
- บี.เจ. โนแวก เล่าว่านักแสดงที่ร่วมแสดงละคร The Office กับเขา ล้วนตัวสูงกว่าเขา และมักจะล้อเลียนเขาเรื่องความเตี้ย แต่ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน กลับบอกว่าเขาอาจจะยังเตี้ยไม่พอที่จะแสดงเป็น สมิธสัน อูทิวิช ในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่สุดท้าย เควนติน ก็ตัดสินใจให้เขาได้รับบทดังกล่าวไป
- ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ นักแสดงลูกครึ่งเยอรมันและไอริช ได้รับเลือกให้มารับบท อาร์ชี ไฮค็อกซ์ ตัวละครชาวอังกฤษที่พูดได้ 2 ภาษา ไมเคิล จึงต้องกลับมาปัดฝุ่นภาษาเยอรมันที่เขาไม่ได้ใช้มานาน เนื่องจากเขาย้ายออกจากเยอรมนีบ้านเกิดตอนอายุ 2 ปี และเคยกลับไปที่นั่นในช่วงปิดเทอมตอนอายุประมาณ 6 ปี
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน สร้างตัวละคร ฟรานเซสกา มอนดิโน ขึ้นมาเพื่อให้ จูลี ไดรย์ฟัส เป็นผู้แสดงโดยเฉพาะ
- ดาเนียล บรูห์ล ผู้รับบท เฟรดริก โซลเลอร์ และ ออกุสต์ ดีห์ล ผู้รับบท ดีเทอร์ เฮลส์ทรอม เคยแสดงร่วมกันในภาพยนตร์ Love in Thoughts (2004) และเป็นเพื่อนสนิทกันมานานหลายปีนับจากนั้น ส่วนในภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาได้แสดงด้วยกัน 2 ฉาก
- ไดแอน ครูเกอร์ ผู้รับบท บริดเจต ฟอน แฮมเมอร์สมาร์ก เคยร่วมแสดงกับ แบรด พิตต์ ผู้รับบท อัลโด เรน มาแล้วในเรื่อง Troy (2004)
- มาร์ติน วูตต์เกอ ผู้รับบท อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เคยแสดงบทนี้มาก่อนเฉพาะบนเวทีละครเท่านั้น เขายังไม่เคยแต่งหน้าแบบติดอวัยวะปลอมมาก่อน จนกระทั่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ หัวหน้าช่างแต่งหน้า เกรกอรี นิโคเทโร เสริมแก้ม คาง และจมูกให้ มาร์ติน ด้วยซิลิโคน และให้เขาใส่คอนแทกเลนส์ และสวมวิกผมที่หัวหน้าแผนกทำผม เอมมานูเอล มิลลาร์ ออกแบบขึ้นมา
- เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดซึ่งใช้ทีมงานแผนกงานสร้างเป็นชาวเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ทั้งหมด โดยอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยผู้ออกแบบงานสร้าง เดวิด วัสโค
- ผู้ออกแบบงานสร้าง เดวิด วัสโค เคยสร้างงานย้อนยุคกับผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน มาแล้ว ได้แก่ ฉากยุค 70 ที่อึมครึมใน Reservoir Dogs (1992) และฉากไร้กาลเวลาใน Pulp Fiction (1994) ส่วนในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นฉากในช่วงปลายทศวรรษ 1930 ถึงต้น 1940
- ทีมงานต้องหาเครื่องฉายภาพยนตร์โบราณ 2 ตัวที่ใช้ฉายฟิล์มไนเตรต ซึ่งยังคงใช้งานได้จริงมาใช้ในฉากโรงภาพยนตร์
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน ส่ง เมลานี โลรองต์ ผู้รับบท โชซานนา เดรย์ฟัส ไปยังลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อฝึกอบรมการใช้เครื่องฉายฟิล์มที่โรงภาพยนตร์นิวเบเวอร์ลี โดยทดสอบฉายการ์ตูนและภาพยนตร์ตัวอย่างหลายเรื่อง ตามด้วยภาพยนตร์ Reservoir Dogs (1992) การฉายดำเนินไปด้วยดีโดยตลอดตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีสาม โดยที่ผู้ชมไม่รู้ว่าเธอเป็นคนคุมเครื่องฉายอยู่เพียงลำพัง
- เควนติน ทาแรนติโน ใช้เวลาเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้นานร่วม 10 ปี ซึ่งแม้ชื่อเรื่องจะคงเดิม แ่ต่รายละเอียดในบทภาพยนตร์เปลี่ยนแปลงไปมากมาย
- เปิดกล้องในวันที่ 9 ตุลาคม 2008 ในเมืองแบ็ดแชนดาว เมืองเล็กๆ ของเยอรมนี ใกล้กับพรมแดนของเชก
- ถ่ายทำตามลำดับเหตุการณ์เกือบทั้งเรื่อง โดยเริ่มต้นด้วยฉากระหว่าง แปร์ริเยร์ ลาปาดิต ที่รับบทโดย เดอนีส์ เมอโนเชต์ และ ฮานส์ ลานดา ที่รับบทโดย คริสตอฟ วอลต์ซ ที่ฟาร์มลาปาดิต ซึ่งถ่ายทำในภูมิทัศน์เนินเขาที่เป็นลักษณะเฉพาะของภูมิประเทศทางด้านตะวันตกของอเมริกา
- ผู้สร้างสร้างฉากภายในฟาร์มลาปาดิต ฉากภายในโรงภาพยนตร์ และฉาก La Louisiane กันในโรงถ่าย บาเบลสแบร์ก สตูดิโอส์ ในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ขณะถ่ายทำ โรงถ่ายนี้มีอายุ 97 ปีแล้ว และเป็นที่ที่เคยใช้ถ่ายทำภาพยนตร์อย่าง Metropolis (1927) และ The Blue Angel (1930) และฉากย้อนยุคของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึงภาพยนตร์ชวนเชื่อของนาซี ที่กำกับโดย โยเซฟ เกอเบล์ส
- มีฉากบู๊ซึ่งถ่ายทำในป่าที่มีต้นไม้หนาแน่นและอยู่ในหุบเขาลึก อันเป็นส่วนหนึ่งของป้อมฮาห์เนเบิร์กของเยอรมนี ป้อมนี้สร้างขึ้นในปี 1888 แต่ไม่เคยถูกใช้จริงๆ และพื้นที่แห่งนี้ก็ถูกปิดตัวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เปิดขึ้นอีกครั้งในปี 1990
- ดาเนียล บูรห์ล ผู้รับบท เฟรดริก โซลเลอร์ รู้สึกยินดีที่ได้แสดงในฉากเดียวที่ถ่ายทำกันในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงก่อนจะถึงวันหยุดคริสต์มาสปี 2008 เขาเล่าว่าในตอนนั้นทุกคนมีความสุขมากที่ได้ไปอยู่ที่นั่นนาน 2 วัน และได้รับประทานอาหารฝรั่งเศสที่อร่อยมาก
- ในช่วงวันหยุดคริสต์มาสปี 2008 ทีมงานทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน และกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในปี 2009 เพื่อถ่ายทำบทที่ 5 และบทสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้
- ถ่ายทำฉาก La Louisiane เป็นเวลานาน 3 สัปดาห์ หลังจากซ้อมบทกันอยู่นาน 2 สัปดาห์กว่าๆ
- ฉากที่ถ่ายทำยากเป็นพิเศษ คือฉากที่ผู้ประสานงานฉากผาดโผน เจฟฟรีย์ แดชนอว์ และ บัด เดวิส ต้องควบคุมนักแสดงผาดโผน 160 คนจากทั่วยุโรปในฉากภายใน บาเบลสแบร์ก สตูดิโอส์ และอีกฉากคือฉากไฟไหม้ที่โรงงานซีเมนต์ร้าง ซึ่งมีนักแสดงผาดโผนกว่า 100 คนวิ่งถลาหนีตายออกมาจากตึก
- ภาพยนตร์สั้นที่อยู่ภายในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกที คือภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อที่มีชื่อว่า Nation's Pride ถ่ายทำโดย อีไล รอธ และ เกเบรียล รอธ น้องชายของเขา นำแสดงโดย แดเนียล บรูห์ล ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้มีความยาวประมาณ 7 นาที โดยไม่ได้ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งหมด แต่คาดว่าน่าจะได้บรรจุเป็นของแถมในดีวีดีภาพยนตร์เรื่องนี้
- อีไล รอธ ที่กำกับภาพยนตร์สั้นแนวโฆษณาชวนเชื่อของนาซีเรื่อง Nation's Pride ซึ่งปรากฏอยู่ในบางฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้ แท้จริงแล้วเป็นชาวยิว
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน เริ่มเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนเรื่อง Kill Bill: Vol. 1 (2003) เสียอีก แต่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเขียนตอนจบของเรื่องอย่างไร จึงพักงานไว้โดยหันไปสร้าง Kill Bill ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เขาเตรียมตัวสร้างมานานแล้วเช่นกัน นั่นคือตั้งแต่หลังจากเขากำกับเรื่อง Pulp Fiction (1994)
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน กล่าวว่าเขาต้องการให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์สงครามพอๆ กับภาพยนตร์แนวคาวบอย เขาจึงเริ่มเรื่องด้วยประโยคที่ว่า "Once Upon a Time in Nazi-Occupied France"
- เดวิด ครัมโฮลต์ซ ถอนตัวออกจากบท เจอโรลด์ เฮิร์ชเบิร์ก เพราะมีปัญหาเรื่องตารางงาน จากนั้น แซมม์ เลอวีน ก็ได้เข้ามารับบทนี้แทน
- ผู้สร้างตั้งใจให้ ไซมอน เพกก์ มารับบท อาร์ชี ไฮค็อกซ์ แต่ ไซมอน ไม่สามารถจัดตารางงานให้ลงตัวได้ ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์ จึงได้มารับบทนี้แทน
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน ทาบทาม อดัม แซนเลอร์ มารับบท ดอนนี โดโนวิตซ์ แต่ อดัม ติดถ่ายทำภาพยนตร์ Funny People (2009) อีไล รอธ จึงได้มารับบทนี้แทน
- จูลี ไดรย์ฟัส ที่รับบท ฟรานเซสกา มอนดิโน เคยรับบทบาทที่คล้ายกันนี้มาแล้ว นั่นคือบท โซฟี ฟาทาล ใน Kill Bill: Vol. 1 (2003) ที่ เควนติน ทาแรนติโน เป็นผู้กำกับเช่นกัน
- ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน ถึงกับเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีเพื่อทาบทาม นาสทัสส์ยา คินสกี มารับบท บริดเจต ฟอน แฮมเมอร์สมาร์ก แต่การเจรจาล้มเหลว ไดแอน ครูเกอร์ จึงเข้ามารับบทนี้แทน
- ผู้กำกับและผู้เขียนบท เควนติน ทาแรนติโน ตั้งชื่อตัวละคร ดอนนี โดโนวิตซ์ ที่ อีไล รอธ แสดง จากนามสกุลของตัวละคร ลี โดโนวิตซ์ ในภาพยนตร์ที่ เควนติน เขียนบทเรื่อง True Romance (1993) ตามท้องเรื่อง ลี โดโนวิตซ์ เป็นผู้อำนวยการสร้างที่เคยสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามชื่อ Comin' Home in a Body Bag
- อิซาแบลล์ อูปแปร์ เป็นตัวเลือกแรกที่ผู้สร้างอยากให้มารับบท มาดาม มิมิเยอซ์ แต่ อิซาแบลล์ ติดปัญหาเรื่องตารางงาน ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน จึงเลือก แมกกี จาง หรือ จางม่านอวี้ มารับบทนี้แทน แต่แล้วบทนี้กลับถูกตัดออกไปจากภาพยนตร์ในตอนท้าย
- เดิมมีข่าวว่า ไมเคิล แมดเซน จะได้มาแสดงบท เบบ บูชินสกี แต่สุดท้ายก็ไม่มีบทนี้ในภาพยนตร์
- ทิม รอธ เคยเข้ามาเจรจารับบท อาร์ชี ไฮค็อกซ์ แต่สุดท้ายบทนี้ก็เป็นของ ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์
- มีข่าวลือว่า ลีโอนาร์โด ดิคาพริโอ จะได้มารับบท ฮานส์ ลานดา แต่ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน ต้องการให้นักแสดงที่รับบทนี้เป็นชาวเยอรมนี เขาจึงเลือก คริสตอฟ วอลต์ซ มารับบทนี้แทน
- เอ็ดดี เมอร์ฟี อ้างว่าเขาเคยเข้ามาเจรจารับบทหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้
- แบรด พิตต์ ผู้รับบท อัลโด เรน เพิ่งได้แสดงภาพยนตร์ที่ เควนติน ทาแรนติโน เป็นผู้กำกับเป็นครั้งแรกในเรื่องนี้ แต่ก่อนหน้านี้ เขาเคยแสดงภาพยนตร์ที่ เควนติน เป็นผู้เขียนบทมาแล้ว นั่นคือ True Romance (1993)
- ไมก์ ไมเยอร์ส รับบทเป็น เอ็ด ฟานาก ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อแสดงความคารวะต่อนักแสดงหญิง เอ็ดวิก ฟานาก
- ทิล ชไวเกอร์ รับบทเป็น ฮูโก สติกลิตซ์ ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อนักแสดงชาวเม็กซิกัน ฮูโก สติกลิตซ์
- ตัวละคร อัลโด เรน ที่แสดงโดย แบรด พิตต์ เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อ อัลโด เรย์ นักแสดงที่เคยเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และตัวละครที่ชื่อ ชาร์ลส์ เรน ในภาพยนตร์ Rolling Thunder (1977) ที่รับบทโดย วิลเลียม ดีเวน
- ผู้สร้างลบหรือปิดบังเครื่องหมายสวัสติกะในภาพยนตร์เอาไว้ เนื่องจากกฎหมายเยอรมนีห้ามไม่ให้ใช้สัญลักษณ์ของนาซีในงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านศิลปะหรือวิทยาศาสตร์
- เมื่อถามถึงชื่อภาพยนตร์ที่จงใจสะกดผิดจาก Inglorious Bastards เป็น Inglourious Basterds ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน ปฏิเสธที่จะอธิบาย เพราะเขาคิดว่าการอธิบายเบื้องหลังของการสร้างสรรค์เช่นนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อตัวงาน
- อีไล รอธ และน้องชายของเขา เกเบรียล รอธ ใช้เวลาทั้งหมด 3 วันในการถ่ายทำภาพยนตร์สั้น Nation's Pride ซึ่งอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกที
- เอนนิโอ มอร์ริโคเน เกือบได้มาแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ติดทำงานให้ภาพยนตร์เรื่อง Baaria - La porta del vento (2009)
- อีไล รอธ เตรียมรับบท ดอนนี โดโนวิตซ์ โดยออกกำลังกายเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อขึ้น 35 ปอนด์ และเรียนการตัดผมจากคุณพ่อของผู้อำนวยการสร้าง พิลาร์ ซาโวเน ที่ชื่อ อุมแบร์โต ในร้านตัดผมของเขาใน เบเวอร์ลี ฮิลล์ส ของสหรัฐอเมริกา
- ในฉากไฟไหม้ ผู้สร้างทดสอบอุณหภูมิของไฟได้ 400 องศาเซลเซียส แต่ขณะถ่ายทำ ฉากถูกเผาไปมากจนควบคุมเพลิงไม่ได้ อุณหภูมิของเพดานพุ่งขึ้นสูงถึง 1,200 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเตือนว่าอีก 15 วินาทีโครงเหล็กจะพังลงมา ซึ่งจะทำให้ อีไล รอธ ผู้รับบท ดอนนี โดโนวิตซ์ และ โอมาร์ ดูม ผู้รับบท โอมาร์ อุลเมอร์ ถูกไฟคลอกได้ แต่โชคดีที่พวกเขาบาดเจ็บเพียงแผลไหม้เล็กๆ น้อยๆ
- มีข่าวลือว่าผู้อำนวยการสร้าง ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน พยายามกดดันให้ผู้กำกับ เควนติน ทาแรนติโน ตัดภาพยนตร์ออก 40 นาที หลังจากฟังเสียงตอบรับจากการฉายเปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานน์ส อย่างไรก็ตาม ฮาร์วีย์ ปฏิเสธข่าวลือนี้ โดยชี้แจงว่า เควนติน ตัดต่อใหม่เองเพราะก่อนหน้านั้นเขามีเวลาตัดต่อเพียง 6 สัปดาห์ ขณะที่ภาพยนตร์ทั่วไปใช้เวลาตัดต่อ 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งผลจากการตัดต่อใหม่ ทำให้ภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วไปมีความยาวกว่าฉบับที่เปิดตัวในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานน์ส 1 นาที
- ตัวละครที่แสดงโดย กีดีออน เบิร์กฮาร์ด มีชื่อว่า วิลเฮล์ม วิกกี ซึ่งเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อแสดงความคารวะต่อผู้กำกับ จอร์จ วิลเฮล์ม พาบส์ต และ เบิร์นฮาร์ด วิกกี
advertisement
วันนี้ในอดีต
เด็กหอเข้าฉายปี 2006 แสดง จินตหรา สุขพัฒน์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร
Constantineเข้าฉายปี 2005 แสดง Keanu Reeves, Rachel Weisz, Shia LaBeouf
Million Dollar Babyเข้าฉายปี 2005 แสดง Clint Eastwood, Hilary Swank, Morgan Freeman
เกร็ดภาพยนตร์
- Everly - เดิมที เคต ฮัดสัน ถูกวางตัวให้แสดงบท เอเวอร์ลี แต่ภาพยนตร์อยู่ในขั้นตอนพัฒนาเรื่องนานจน เคต ถอนตัว และภายหลัง ซัลมา ฮาเยก จึงเข้ามารับบทแทน อ่านต่อ»
- Run All Night - เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ที่ผู้กำกับ ฮวม คอลเล็ต-เซอร์รา และ เลียม นีสัน ผู้รับบท จิมมี คอนลอน ทำงานร่วมกัน สองเรื่องก่อนหน้านี้คือ Unknown (2011) และ Non-Stop (2014) อ่านต่อ»