เกร็ดน่ารู้จาก Cheri
เกร็ดน่ารู้
- คริสโตเฟอร์ แฮมป์ตัน ดัดแปลงบทภาพยนตร์เรื่องนี้จากวรรณกรรมชื่อเรื่องเดียวกันที่ โคเลตต์ นักเขียนชาวฝรั่งเศสเขียนขึ้นในปี 1920
- ขณะถ่ายทำฉากรักของ ลีอา ที่รับบทโดย มิเชลล์ ไฟเฟอร์ และ เชอรี ที่รับบทโดย รูเพิร์ต เฟรนด์ ผู้กำกับ สตีเวน เฟรียร์ส ขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องไป เหลือไว้เพียงนักแสดง ช่างกล้อง ผู้ช่วย และตัวเขาเท่านั้น
- คริสโตเฟอร์ แฮมป์ตัน พยายามเขียนบทภาพยนตร์จากนิยายเรื่อง Cheri ก่อนที่เขาจะทราบว่าผู้สร้างละครเวทีของอังกฤษ บิล เคนไรต์ เป็นผู้ครอบครองลิขสิทธิ์ของนิยายเรื่องนี้ และด้วยความบังเอิญ บิล เองก็กำลังจะทาบทาม คริสโตเฟอร์ ให้ดัดแปลงนิยายเรื่องนี้ให้เป็นภาพยนตร์อยู่พอดี
- ในช่วงปลายปี 2007 ที่ สตีเวน เฟรียร์ส กำลังโด่งดังจากกระแสของภาพยนตร์เรื่อง The Queen (2006) ที่เขากำกับ ผู้อำนวยการสร้าง บิล เคนไรต์ เข้ามาทาบทามให้เขากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และ สตีเวน ก็ตอบตกลงภายในเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากที่ได้อ่านบท
- ผู้อำนวยการสร้าง บิล เคนไรต์ ชื่นชอบผลงานของผู้กำกับ สตีเวน เฟรียร์ส โดยเฉพาะ The Grifters (1990) และ Hi-Lo Country (1998)
- หลังจาก สตีเวน เฟรียร์ส ตกลงเข้ามารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ บริษัทสร้างภาพยนตร์ พาเธ และ มิราแมกซ์ ฟิล์มส์ ก็ตามเข้ามาร่วมงานในฐานะหุ้นส่วนรายสำคัญ
- มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ผู้รับบท ลีอา เคยร่วมงานกับผู้กำกับ สตีเวน เฟรียร์ส และผู้เขียนบท คริสโตเฟอร์ แฮมป์ตัน มาก่อนแล้วใน Dangerous Liaisons (1988) ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล อคาเดมี อวอร์ด ครั้งแรกในปี 1989
- มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ผู้รับบท ลีอา ชื่นชมบทภาพยนตร์เรื่องนี้ของ คริสโตเฟอร์ แฮมป์ตัน เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบทพูดที่เต็มไปด้วยถ้อยคำที่มีจังหวะจะโคน ช่วยให้เธอพูดได้เป็นจังหวะและมีเสียงขึ้นเบาลงหนัก นอกจากนี้เธอยังอุ่นใจที่ คริสโตเฟอร์ อยู่ในกองถ่ายตลอดการถ่ายทำ เพราะ Cheri นิยายต้นฉบับที่เขียนโดย โคเลตต์ นั้นเปิดกว้างต่อการตีความ นักแสดงจึงจำเป็นต้องปรึกษา คริสโตเฟอร์ เรื่องแรงจูงใจและวิธีคิดของตัวละคร
- ผู้กำกับ สตีเวน เฟรียร์ส จะให้นักแสดงซ้อมบทแค่ในวันที่ถ่ายทำเท่านั้น อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงบทในนาทีสุดท้ายด้วย
- เคธี เบตส์ ผู้รับบท ชาร์ลอตต์ โสเภณีชั้นสูงและคุณแม่ของ เชอรี ที่รับบทโดย รูเพิร์ต เฟรนด์ อธิบายว่า โสเภณีชั้นสูงโดยทั่วไปไม่ชอบการมีลูกเพราะมันบ่งบอกถึงอายุของตัวเอง พวกเธอจึงมักฝากลูกไว้กับเพื่อนหรือคนรับใช้ ขณะที่ตนเองไปอยู่กับขุนนางชั้นสูงหรือเจ้าชายสักคนเป็นเวลา 1-2 ปี ลูกๆ ของพวกเธอจึงมักเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว
- เปิดกล้องในเดือนเมษายนในกรุงปารีสและเบียร์ริตซ์ ประเทศฝรั่งเศส ก่อนย้ายไปถ่ายทำฉากภายในที่โรงถ่ายเอ็มเอ็มซี โคโลเนียม สตูดิโอส์ ในประเทศเยอรมนี
- เรื่องราวในภาพยนตร์เกิดขึ้นในปี 1906 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น รถไฟ ไฟฟ้า การถ่ายภาพ รถ และโทรศัพท์ ตัวละคร ลีอา ที่รับบทโดย มิเชลล์ ไฟเฟอร์ เป็นคนหัวใหม่ที่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ขณะที่ ชาร์ลอตต์ ที่รับบทโดย เคธี เบตส์ เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในอดีตตลอดไป
- ถ่ายทำฉากภายในบ้านของ ชาร์ลอตต์ ที่รับบทโดย เคธี เบตส์ ที่คฤหาสถ์แห่งหนึ่งห่างจากเมืองปารีสของประเทศฝรั่งเศสออกไป 20 กิโลเมตร ผู้สร้างออกแบบให้ภายในบ้านเต็มไปด้วยสิ่งของโบราณที่หรูหราแต่ไม่เข้ากัน อาทิ ม่านกำมะหยี่ หนังสัตว์ เชิงเทียน แจกันเคลือบทอง นาฬิกา โต๊ะหินอ่อน พรมถัก และขวดเหล้าคริสตัลหนักอึ้ง นอกจากนี้ยังมีภาพเหมือนของ ชาร์ลอตต์ สมัยที่ยังเป็นสาวสวยอยู่ด้วย
- ถ่ายทำฉากบ้านของ ลีอา ที่รับบทโดย มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ขึ้นที่บ้านแบบวิลลาที่ออกแบบและครอบครองโดย เฮกเตอร์ กุยมาร์ด สถาปนิกผู้ออกแบบทางเข้าแบบอาร์ตนูโวของสถานีรถไฟปารีส เมโทร บ้านหลังนี้เป็นหนึ่งในบ้านหลังแรกๆ ที่มีระบบทำความร้อนส่วนกลาง จึงไม่มีเตาผิง ห้องจึงกว้างและมีแสงผ่านทางประตูจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง
- ผู้สร้างสร้างฉากห้องส่วนตัวของ ลีอา ที่รับบทโดย มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ขึ้นที่โรงถ่ายเอ็มเอ็มซี โคโลเนียม สตูดิโอส์ ในประเทศเยอรมนี มีของประกอบฉากที่สำคัญคือเตียงแนวอาร์ตนูโว ที่เป็นผลงานของผู้ออกแบบงานสร้าง อลัน แมกโดนัลด์
- ผู้สร้างถ่ายทำในสถานที่สวยงามหลายแห่งในฝรั่งเศส เช่น โรงแรมโอเตล ดู ปาเลส์ ในเบียร์ริตซ์ และโรงแรมเรจินา ในปารีส ถ่ายทำฉากแต่งงานที่โบสถ์แซงต์ เอเตียนน์ ดู มงต์ และถ่ายทำฉากภัตตาคารดรากอน โบล ที่ภัตตาคารแมกซิมอันเลื่องชื่อ
- ผู้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ อเล็กซองเดร เดสปลาต์ ได้รับแรงบันดาลใจจากดนตรีในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ คามิลล์ แซงต์-ซอนส์, โคลด เดอบูซี และ มอริซ ราเวล รุ่งเรือง ผสมกับความลี้ลับที่มีอิทธิพลต่อศิลปะและวัฒนธรรมตะวันออก เขาจึงแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้โดยผสมผสานดนตรีแบบฝรั่งเศสเข้ากับเสียงไวโอลินจีน
- ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวที่เป็นส่วนตัว ผู้แต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ อเล็กซองเดร เดสปลาต์ จึงไม่ใช้ดนตรีออร์เคสตราที่ให้ความรู้สึกรุกล้ำมากเกินไป แต่ใช้เพียงออร์เคสตราเล็กๆ ที่มีนักดนตรี 50-70 คน และบางส่วนใช้เพียงแค่เครื่องสาย
- เดิมทีผู้สร้างตั้งใจจะให้ เจสสิกา แลงจ์ มารับบท ลีอา แต่สุดท้ายบทนี้ตกเป็นของ มิเชลล์ ไฟเฟอร์
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Lone Survivorเข้าฉายปี 2014 แสดง Mark Wahlberg, Taylor Kitsch, Emile Hirsch
- The School of Rockเข้าฉายปี 2004 แสดง Jack Black, Mike White, Joan Cusack
- มหัศจรรย์...พันธุ์รักเข้าฉายปี 2004 แสดง ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์, รัฐพร วัฒนสมบัติ, สุชาญา ไกรสุวรรณ
เกร็ดภาพยนตร์
- Still Alice - ตอนที่ได้อ่าน Still Alice ฉบับหนังสือครั้งแรก ริชาร์ด แกลตเซอร์ และ วอช เวสต์มอร์แลนด์ ผู้กำกับทั้งสองคนรู้สึกว่าเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับโรคสมองเสื่อมชนิดเกิดเร็วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ริชาร์ด ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเอแอลเอส ที่เป็นสาเหตุให้พูดแล้วลิ้นพันกัน ซึ่งเป็นทำให้ทั้งสองคนต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เหมือนตัวละคร อลิซ ที่แสดงโดย จูเลียนน์ มัวร์ อ่านต่อ»
- Song One - สก็อตต์ อาเวตต์ จากวง ดิ อาเวตต์ บราเธอร์ส เคยมาทดสอบบท เจมส์ โดย สก็อตต์ เล่าว่า เขาอ่านบทกับ แอนน์ แฮตธาเวย์ ผู้รับบท แฟรนนี ในฉากสะเทือนอารมณ์ และ แอนน์ เริ่มน้ำตาคลอ ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้ พระเจ้า เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร และมันก็ชัดเจนเลยว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ซึ่งภายหลังบท เจมส์ นี้ก็ตกเป็นของ จอห์นนี ฟลินน์ อ่านต่อ»