SIAMZONE.COM

อ่านนิยายมาและก็ได้มาดูหนังที่หลัง
ในหนังอาจจะตัดไปเยอะมากแถมมีเรื่องสงสัยในตัวเอลี่ด้วยว่าเธอเป็นยังไง(เคยอ่านมาละดูเอาเอง)
หนังอาจจะตัดฉากเยอะมาก แต่การตัดบางตอนทำให้ตัวหนังมีความเรียลมากกว่าในนิยายที่การบรรยายที่ทำให้รู้สึกเวอร์กว่าเลยทันที แต่นิยายยังดีกว่าอยู่ดีเพราะความละเอียด แต่หนังถือว่าผ่าน
สร้างบรรยากาศได้ดี อารมณ์ตัวละคร และฉากจบที่ทำเอาสะอึ้งไม่รู้จะเศร้าหรือซึ้งดี ตอนจบในนิยายไม่มีแบบนี้ด้วยเพราะตัดไปเฉยเลย (ขอเตือนไม่เหมาะสำหรับคนดูหนังเดิน
เรื่องเร็วอาจมีหลับได้เพราะเรื่องเดินเรื่องแบบราบเรียบทีละนิดทีละนิด)

-----บอกตามตรงว่าผมคลั่งใคล้หนังเรื่องนี้มาก ตั้งแต่เป็นหนังสือ และยอมรับด้วยว่าผมดูฉบับรีเมคของ แมต รีฟ ก่อน ชื่อ Let Me In เพราะแผ่นหายากมาก ต้นฉบับของสวีเดนนี้ บรรยากาศหิมะสู้ของรีฟไม่ได้ แต่บทแต่อาารมณ์ของนักแสดงดูจะกินขาดมาก เป็นหนังแวมไพรืที่ดูละเอียดอ่อน นุ่มลึก แฝงความร้ายกาจจนรู้สึกได้
หนังได้อารมณ์ความเหงาของเด็คนนึงมาก ซึ้ง โหด เศร้า ได้หมด และที่สำคัญความหนาวเหน็บที่มันจำจับ รู้สึกได้แม้ไม่ได้อยู่ในหนัง
ผู้กำกับจากเรื่องนี้ ฮอลลีวู้ดซื้อตัวจนได้ และหนังฮอลลีวู้ดของเขาถูกวิจารณ์ในทางบวกอย่างดีเยี่ยม คือ Tailor Tinker Soilder Spy ใครที่ได้ดูแค่ Let Me In สงสัยจะรีบดูออริจินอลด่วนซะแล้วครับ

สนุก โหด อินมาก 10/10

ดูแล้วมันเคลิ้มไปกับความโรแมนติกและความเย็นของหนังมากเลยอ่ะ อินมาก อินจริง ควรจะหามาดูอย่างยิ่ง

ชอบมากเหมือนกันครับ ดูอบอุ่นดี โรแมนติกด้วย หลายๆคนที่ชอบหนังอินดี้น่าจะหามาดูนะครับ ของเขาดีจริง

ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ กล้าบอกได้เลยว่านี่เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมในอันดับต้นๆเลย เนื้อเรื่องตอนต้นๆจะค่อนข้างเนิบไปหน่อยแต่ช่วงหลังๆเนี่ยสุดยอดมากค่ะ โดยเฉพาะฉากจบกับฉากสระว่ายน้ำที่ทำออกมาได้ดีสุดๆ และที่สำคัญกล่าวถึงชีวิตคนได้ดีมากๆ บางสิ่งบางอย่างมันจำเป็นต้องทำเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่เหมือนกับอีลี่ แต่ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือการที่หนังเน้นบทของออสการ์กับอีลี่มากไปหน่อยจนตัวละครอื่นๆไม่เด่นเลย แต่ก้ถือว่าเป็นวิธีการเล่าอีกอย่างหนึ่ง ถึงหนังจะเน้นไปที่ออสการ์กับอีลี่แต่ก็ยังคงยอดเยี่ยมที่สุด

น่าเสียดายที่หนังไม่ฮิตในบ้านเราทั้งๆที่ยอดเยี่ยมกว่าหนังแวมไพร์เพ้อฝันอย่างทไวไลท์แท้ๆ ซึ่งคงแน่นอนอยู่แล้วว่าเนื้อเรื่องของ Let มันไม่ได้ทำให้คนมีความสุขเลย มันมืดหม่น คนจึงไม่ค่อยชอบทั้งๆที่ดีกว่าทไวไลท์หลายขุม หนังแวมไพร์อย่างทไวไลท์ที่มีแต่เนื้อเรื่องเพ้อฝันซะส่วนมาก ก็ถูกใจวัยรุ่นสาวๆส่วนใหญ่ แต่ตัวของดิฉันเองชื่นชอบเรื่องนี้มากๆและคิดว่ามันคือหนังแวมไพร์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เลยค่ะ น่าเสียดายที่ไม่ได้รับรางวัลออสการ์

คะแนนที่ให้ 10/10

บรรยากาศเย็น ในโรงที่ house ก็หนาว ดนตรีก็หลอน ฉากที่สระว่ายน้ำนี่สุดยอด 10/10

หนังทำได้ยอดเยี่ยมที่สุด ดีมากๆ โดยเฉพาะฉากจบทำเอาตะลึงไปนานเลย ชอบมากๆๆๆๆๆเป็นหนังแวมไพร์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เหนือกว่าคำว่าเยี่ยมยอด ใครที่ยังไม่ได้ไปดูรีบๆไปเลยนะฉายที่เฮ้าส์ที่เดียว ผมขอการรันตีเลยว่าดีกว่าหนังแวมไพร์อย่างทไวไลท์เป็นพันๆเท่า เรื่องนี้ทำเอาทไวไลท์จืดไปเลย ความโรแมนติกไม่ควรจะเพ้อฝันให้มากเกิน แต่เรื่องนี้เป็นโรแมนติกแหวกแนวสุดๆ คือโรแมนติกแบบสยองและหดหู่ ยอดเยี่ยมที่สุด 10/10

เป็นหนังแวมไพที่ไม่เหมือนใครจริงๆครับการแสดงของนักแสดงแต่ละคนเล่นได้ดีมากๆบรรยากาศหนังก็สุดยอดจริงๆผมว่าหนังดูแล้วหนังดีกว่าtwilightอีกนะครับทุกอย่างลงตัวหมดแถมฉากจบนี้สิเด็ดลองดูกันนะครับเป็นหนังอีกเรื่องที่ผมขอแนะนําให้ดูกันรับรองไม่ผิดหวัง

เพิ่งจะเข้าไทย - -*

หนังดีมากค่า ไม่น่าแปลกใจที่คว้ารางวัลไปถึง48รางวัล
สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของนิยายออกมาได้ดีมากถึงมากที่สุด
ว่ากันว่าเป็นหนังแวมไพร์ที่ดีว่าTwilight(โดนเปรียบเทียบเพราะเข้าฉายปีเดียวกัน) ตอนแรกก็คิดอยู่เหมือนกันว่าเอาเด็กเล่นจะไหวหรอ แต่ออสการ์เล่นออกมาเป็นธรรมชาติกว่าเอ็ดเวิร์ดเสียอีก

เหอะๆ แต่ก็นะคะ หนังแวมไพร์ พี่ไทยจะเอาเข้าเยอะก็เพราะกระแสบ้าTwilightนี่แหละ(ก็ยกเครดิตให้เขาหน่อยละกัน)

แต่ยังไงเรื่องนี่ก็ดีกว่าจริงๆ(ข้าน้อยการันตี) ไปดูรับรองไม่ผิดหวัง (แง่ม...แต่ระวังจะถอนตัวไม่ขึ้น 55+)

หนัง สนุกดี ครับ
แต่เสียด๊ายเสียดายที่ไม่ได้เข้าชิงOSCARสาขาหนังต่างประเทศ

หนังเล่นกับบรยากาศในแถบสแกนดิเนเวียอันหนาวหน็บที่มีหิมะปกคลุมทั้งเมืองได้หนาวว+หลอนน จับใจ

เด็ก(นักแสดงนำ)ทั้งคู่เล่นดีมากกกกก
ดนตรีประกอบ/สถานที่ถ่ายทำ/บทภาพยนตร์/งานกำกับภาพก็เข้าทางสุดๆ
โดยเฉพาะฉากจบ (ที่ถือเป็นHiLight) >> เงียบแต่จุกเลยทีเดียว!!!!

ไปดูแล้วจะรู้ว่านี่คือหนัง'แวมไพร์' ที่คุณคาดไม่ถึงมาก่อน และไม่เคยเห็นมาก่อน และ ไม่เหมือนใคร..ในรอบหลายปีมานี้...

ย้ำ * ไม่เชื่อ ก็ลองไปดู.........