เกร็ดน่ารู้จาก 20th Century Boys: Chapter Two - The Last Hope
เกร็ดน่ารู้
- สร้างมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นความยาว 24 เล่ม เรื่อง 20th Century Boys หรือชื่อภาษาไทยว่า แก๊งนี้มีป่วน เขียนโดย นาโอกิ อุราซาวะ เปิดตัวครั้งแรกในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ บิก คอมิก สปิริต ของสำนักพิมพ์ โชงาคุคัน ปี 1999-2007 เป็นการ์ตูนที่ได้รับรางวัลมากมาย และเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วโลก
- มีทุนสร้างทั้งหมดรวมกัน 3 ภาค มากถึง 6 พันล้านเยน หรือ 1,800 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ลงทุนสร้างมากที่สุดในปี 2008
- ถ่ายทำในสถานที่จริงถึง 7 ประเทศ ได้แก่ นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา, ลอนดอน ประเทศอังกฤษ, ปารีส ประเทศฝรั่งเศส, ปักกิ่ง ประเทศจีน, โรม ประเทศอิตาลี, ริโอ เดอ จาไนโร ประเทศบราซิล และกรุงเทพฯ ของประเทศไทย
- นาโอกิ อุราซาวะ เขียนการ์ตูนที่เป็นต้นแบบภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากนิยายของ สตีเวน คิง เรื่อง It และ The Stand
- เนื่องจากภาพยนตร์ต้องถ่ายทอดเรื่องราวที่กินเวลายาวนานกว่า 50 ปี ตั้งแต่ยุค 60, 70, ปลายยุค 90 จนถึงปี 2014 จึงมีนักแสดงรวมแล้วมากกว่า 300 ชีวิต และต้องแบ่งออกเป็น 3 ภาค แต่ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมเรื่องราวในหนังสือการ์ตูนทั้ง 24 เล่มได้ ผู้สร้างจึงจำต้องตัดหลายๆ ฉากออกไป
- ในงาน อเมริกัน ฟิล์ม มาร์เกต ปี 2007 มี 42 บริษัทจาก 34 ประเทศมาแย่งกันซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ไปจัดจำหน่าย
- ขณะที่เขียนการ์ตูน 20th Century Boys นาโอกิ อุราซาวะ และผู้ร่วมเขียนเนื้อเรื่อง ทากาชิ นางาซากิ ปฏิเสธข้อเสนอจากค่ายภาพยนตร์ต่างๆ ไปหมด เพราะต้องการให้การ์ตูนเรื่องนี้จบสมบูรณ์เสียก่อน ทว่าหลังจากนั้นกลับเป็นช่วงที่ไม่นิยมสร้างภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวสลับซับซ้อน กระทั่งสิ้นปี 2004 บริษัท นิปปอน เทเลวิชัน เนตเวิร์ก คอร์เปอเรชัน จึงเข้ามายื่นข้อเสนอการสร้างภาพยนตร์ไตรภาค โดยแสดงความกระตือรือร้นด้วยจดหมาย 10 หน้ากระดาษ ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ นาโอกิ และ ทากาชิ เป็นอย่างยิ่ง
- ผู้สร้างประกาศอย่างเป็นทางการว่าผู้ที่จะมากำกับภาพยนตร์ชุดนี้ คือ ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ โดยผ่านบทสัมภาษณ์ของผู้ร่วมกันสร้างสรรค์การ์ตูนต้นฉบับ นาโอกิ อุราซาวะ และ ทากาชิ นางาซากิ ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ บิก คอมิก สปิริตส์
- ผู้เขียนการ์ตูน 20th Century Boys นาโอกิ อุราซาวะ เกิดในปี 1960 ผู้ร่วมเขียนเรื่องราวในการ์ตูนและผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ ทากาชิ นางาซากิ เกิดในปี 1956 ส่วนผู้กำกับ ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ เกิดในปี 1955 จึงกล่าวได้ว่าทั้งสามเป็นบุคคลร่วมยุคเดียวกันกับเหล่าตัวละครหลักในเรื่อง
- ก่อนหน้านี้ ผู้กำกับ ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ เคยสร้างภาพยนตร์และละครโทรทัศน์จากหนังสือการ์ตูนมาแล้ว นั่นคือ Crime Files of Kindaichi, the Boy Detective (1995) และ Happily Ever After (2007)
- อาอิริ ทาอิระ ได้รับบทเป็น คันนะ ตัวละครเด่นในภาคนี้ หลังจากผู้สร้างคัดตัวนักแสดงหญิงกว่า 300 คน
- ฉากฐานทัพกลางทุ่งของเด็กๆ ถ่ายทำที่สถานีรถไฟใต้ดินขนาด 7 หมื่นตารางเมตรในเมืองกิบะ จังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยสร้างฐานทัพขึ้นในมุมๆ หนึ่งบนที่โล่งกว้าง ด้วยโครงสร้างแบบชั่วคราวและใช้วัสดุที่หาได้ง่าย
- ก่อนจะเริ่มถ่ายทำในแต่ละวัน ผู้กำกับ ยูกิฮิโกะ ซึซึมิ จะนำภาพการถ่ายทำของวันก่อนหน้าที่ตัดต่อแล้วมาให้นักแสดงดู รูปแบบการตัดต่อของ ยูกิฮิโกะ นั้นจะตัดออกให้เหลือเฉพาะสิ่งที่ต้องการจริงๆ อันเป็นรูปแบบที่ใช้กันทั่วไปในฮอลลีวูดและเกาหลีใต้ แต่ยังไม่แพร่หลายในญี่ปุ่น
- ถ่ายทำภาคที่ 2 นี้ควบคู่ไปพร้อมกับภาคแรก จึงมีคณะผู้สร้างและนักแสดงนำจากภาคที่แล้วอย่างครบถ้วน
- มีตารางการถ่ายทำที่แน่นทุกวัน บางวันต้องถ่ายทำหลายๆ ฉากจาก 2 ภาคแรกไปพร้อมๆ กัน วันหนึ่ง โทชิอากิ คาราซาวะ ต้องแสดงเป็น เคนจิ ในปี 1997 ต่อด้วย เคนจิ ในวันส่งท้ายปี 2000 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ เคนจิ เปลี่ยนไปมาก โทชิอากิ จึงต้องเปลี่ยนทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและการแสดงให้เป็นไปตามบท
- ระบบถ่ายทำไปตัดต่อไปช่วยทุ่นเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยให้นักแสดงและผู้ทำงานเบื้องหลังตรวจสอบความต่อเนื่องได้ในทันที
- งาน เอ็กซ์โป ซึ่งมีความสำคัญกับเรื่องราวในภาพยนตร์ มีชื่อเต็มว่า เจแปน เวิลด์ เอ็กโปซิชัน ซึ่งจัดขึ้นในปี 1970 ถือเป็นงานนิทรรศการระดับโลกครั้งแรกในญี่ปุ่น มีคำขวัญประจำงานว่า "เพื่อความก้าวหน้าและความเป็นหนึ่งเดียวกันของมวลมนุษยชาติ" จุดสังเกตของงานคือ หอคอยสุริยัน ที่ออกแบบโดย ทาโระ โอกาโมโตะ และสิ่งที่เรียกผู้ชมได้อย่างล้นหลามในงานนี้คือหินจากดวงจันทร์ในซุ้มจากสหรัฐอเมริกา
- หน้ากากที่ตัวละคร เพื่อน สวมในตอนเด็ก เป็นหน้ากาก นินจาฮัตโตริ ตัวละครจาก Ninja Hattori-kun การ์ตูนเรื่องดังของ ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ ซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูนรายเดือนของสำนักพิมพ์ โคบุงชะ ในปี 1964-1968 และในนิตยสารของสำนักพิมพ์ โชงาคุคัง ในปี 1981-1988
- ที่มาของตัวละคร ยันโบ และ มาโบ ซึ่งรับบทโดย ชิโระ ซาโนะ คือตัวการ์ตูนฝาแฝดชายที่ปรากฏตัวตอนเปิดรายการพยากรณ์อากาศทางโทรทัศน์ของญี่ปุ่นในปี 1959 ชื่อแฝดพี่ ยันโบ และแฝดน้อง มาโบ ได้มาจากชื่อผู้สนับสนุนหลักของรายการ คือเครื่องยนต์ดีเซลยันมาร์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็น บริษัท ยันมาร์ จำกัด ทุกวันนี้ รายการดังกล่าวยังคงใช้เพลงประจำตัว ยันโบ และ มาโบ เป็นเพลงประกอบ
- ตัวละคร เคนจิ ซึ่งรับบทโดย โทชิอากิ คาราซาวะ ใช้ชื่อในฐานะนักดนตรีว่า บ็อบ เลนนอน ชื่อนี้มาจากนักดนตรีที่มีอยู่จริง 2 คน คือ จอห์น เลนนอน จากวง เดอะ บีเทิลส์ และ บ็อบ ดีแลน นักร้องและนักแต่งเพลงโฟล์กจากอเมริกา ผู้เขียนการ์ตูน 20th Century Boys นาโอกิ อุราซาวะ ชื่นชอบ บ็อบ เป็นอย่างมาก และเคยตีพิมพ์หนังสือชื่อ Dylan o Kataro หรือ Let's talk about Dylan ร่วมกับ โคจิ วาคุอิ ด้วย
- ชื่อของการ์ตูนและภาพยนตร์เรื่องนี้มีที่มาจากชื่อเพลง 20th Century Boy ของ ที. เร็กซ์ วงดนตรีแกลมร็อกจากอังกฤษ ที่เข้ามาเป็นสร้างกระแสความนิยมที่เรียกว่า ที.เร็กซ์ตาซี ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงยุค 70 พวกเขาบันทึกเพลง 20th Century Boy กันที่ห้องบันทึกเสียงของ โตชิบา มิวสิก อินดัสทรี ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็น อีเอ็มไอ มิวสิก เจแปน เมื่อครั้งมาเยือนญี่ปุ่นในปี 1972
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Sherlock Holmes: A Game of Shadowsเข้าฉายปี 2011 แสดง Robert Downey Jr., Jude Law, Noomi Rapace
- โลกทั้งใบให้นายคนเดียวเข้าฉายปี 1995 แสดง สมชาย เข็มกลัด , ปราโมทย์ แสงศร , สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา
- Arthur Christmasเข้าฉายปี 2011 แสดง James McAvoy, Jim Broadbent, Bill Nighy
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
Wonder Park จูน (บริอันนา เดนสกี) เด็กผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ จนวันหนึ่งเธอได้ค้นพบกับสวนสนุกที่ชื่อว่...อ่านต่อ»