เกร็ดน่ารู้จาก High School Musical 3: Senior Year
เกร็ดน่ารู้
- เป็นภาคต่อจาก High School Musical (2006) และ High School Musical 2 (2007) แต่เป็นภาคแรกที่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ เนื่องจาก 2 ภาคแรก เป็นภาพยนตร์ที่ผลิตเพื่อฉายทางโทรทัศน์ช่อง ดิสนีย์ แชนแนล
- เคนนี ออร์เตกา ผู้กำกับและผู้ร่วมออกแบบท่าเต้นจาก High School Musical (2006) และ High School Musical 2 (2007) กลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้งในภาคนี้ และยังพ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างบริหารเข้าไปอีกด้วย เคนนี ได้กลับมาร่วมงานกับคนเบื้องหลังหลายคนที่สร้าง 2 ภาคแรกมาด้วยกัน อาทิ ผู้เขียนบท ปีเตอร์ บาร์ซอกคินี ผู้ออกแบบงานสร้าง มาร์ก ฮอฟเฟลลิง เป็นต้น
- ผู้ริเริ่มสร้างภาพยนตร์ชุดนี้ คือผู้อำนวยการสร้าง บิล บอร์เดน ซึ่งอยากสร้างภาพยนตร์เพลงที่สามารถนั่งดูกับลูกๆ ของเขาได้ เหมือนภาพยนตร์เพลงสำหรับวัยรุ่นในยุค 30 หรือ 40 อย่าง Westside Story (1961) The Sound of Music (1965) และ Grease (1978) ขณะที่ภาพยนตร์เพลงในปัจจุบันมักสร้างขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ อาทิ Moulin Rouge! (2001) และ Chicago (2002)
- ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับดนตรีและกีฬา ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เขียนบท ปีเตอร์ บาร์ซอกคินี คุ้นเคยดีอยู่แล้ว เพราะเขาเคยเล่นบาสเก็ตบอลสมัยหนุ่มๆ และเคยเป็นนักวิจารณ์ดนตรีในช่วงปลายยุค 60 ในซานฟรานซิสโก
- ผู้เขียนบท ปีเตอร์ บาร์ซอกคินี ร่วมงานกับผู้กำกับ เคนนี ออร์เทกา และเหล่านักแสดง ในการร่วมสร้างสรรค์บทภาพยนตร์ด้วยกัน โดยเฉพาะเรื่องการวางตำแหน่งเพลง
- กลุ่มนักแสดงหลักจาก High School Musical (2006) และ High School Musical 2 (2007) ยังคงกลับมารับบทเดิมในภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็น แซ็ก เอฟรอน, วาเนสซา ฮัดเกนส์, แอชลีย์ ทิสเดล, ลูคัส กราบีล, คอร์บิน บลู และ โมนิก โคลแมน
- ผู้เขียนบท ปีเตอร์ บาร์ซอกคินี เล่าว่าตัวละคร ทรอย ได้แรงบันดาลใจมาจาก ลินน์ สวอน นักฟุตบอลทีม พิตส์เบิร์กห์ สตีลเลอร์ส ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมบาสเก็ตบอลของ ปีเตอร์ สมัยเรียนมัธยม ที่เคยเปรยว่าอยากลองเต้นบัลเลต์
- วาเนสซา ฮัดเกนส์ ผู้รับบท กาเบรียลลา ได้เข้าฉากงานเลี้ยงจบการศึกษาที่เรียกว่างานพรอม และพิธีจบการศึกษาที่ต้องสวมหมวกและชุดครุย แต่ในชีวิตจริง เธอไม่เคยสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน เพราะเธอเรียนหนังสือที่บ้าน หรือที่เรียกว่าโฮมสคูล
- ผู้เขียนบท ปีเตอร์ บาร์ซอกคินี ตั้งชื่อตัวละคร ชาร์เพย์ ที่รับบทโดย แอชลีย์ ทิสเดล จากชื่อสุนัขตัวหนึ่งที่เคยกัดเขา
- คอร์บิน บลู ผู้รับบท แชด เป็นคนออกความเห็นว่า แชด ควรจะเดินไปไหนมาไหนโดยหอบหิ้วบาสเก็ตบอลไปด้วยเสมอ เพื่อแสดงให้เห็นว่า แชด รักการเล่นบาสเก็ตบอลมาก
- คริส วอร์เรน จูเนียร์ และ ไรน์ แซนบอร์น ที่แสดงเป็น ซีก และ เจสัน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมบาสเก็ตบอลด้วยกัน กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันในชีวิตจริง เพราะพวกเขาเริ่มต้นจากเป็นนักกีฬา โดยไม่เคยเต้นมาก่อนเช่นเดียวกัน
- ในภาคนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามา 3 ตัว ได้แก่ จิมมี ซารา รับบทโดย แมตต์ โปรค็อป และ ดอนนี ดิออน รับบทโดย จัสติน มาร์ติน และ เทียรา โกลด์ รับบทโดย เจมมา แมกเคนซี-บราวน์ พวกเขาได้มารับบทบาทเหล่านี้ หลังจากผ่านการคัดเลือกจากคู่แข่งเป็นพันๆ คน ซึ่งต้องประชันกันทั้งฝีมือการร้องเพลง เต้น และเล่นกีฬา
- แมตต์ โปรค็อป วัย 18 ปี ยอมรับว่า ก่อนหน้าที่จะมารับบทเป็น จิมมี ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาไม่เคยร้องเพลงและเต้นมาก่อนเลย
- นักแต่งเพลง เดวิด ลอว์เรนซ์ และที่ปรึกษาฝ่ายดนตรี สตีเวน วินเซนต์ ร่วมงานกับนักแต่งเพลงและผู้อำนวยการสร้างจาก High School Musical (2006) และ High School Musical 2 (2007) ในการแต่งเพลงใหม่สำหรับภาพยนตร์ภาคนี้จำนวน 10 เพลง ไม่นับเพลง Senior Year Spring Musical ซึ่งเป็นเพลงเมดเลย์ที่รวมหลายๆ เพลงเข้าไว้ด้วยกัน
- เพลงเปิดภาพยนตร์ คือ Now or Never ซึ่งประกอบการแข่งบาสเก็ตบอลอันดุเดือด ฉากนี้ถ่ายทำในโรงยิม พร้อมตัวประกอบกว่า 2,000 คน โดยมีการวางตัวผู้เล่นในทีมเอาไว้จริงๆ และนักแสดงเล่นบาสเก็ตบอลด้วยตัวเองจริงๆ เป็นส่วนใหญ่
- เพลง Right Here, Right Now เป็นเพลงคู่ซึ่งบรรยายถึงความสุขของ ทรอย ซึ่งรับบทโดย แซ็ก เอฟรอน และ กาเบรียลลา ซึ่งรับบทโดย วาเนสซา ฮัดเกนส์ โดยมีฉากเป็นบ้านต้นไม้ที่อยู่หลังบ้านของ ทรอย
- เพลง I Want It All ร้องโดยตัวละคร ชาร์เพย์ ซึ่งรับบทโดย แอชลีย์ ทิสเดล ในฉากโรงอาหารของโรงเรียน พร้อมนักเต้น 150 คน และกลุ่มนักเต้น ร็อกเกตต์ คิตตี แคต ผมสีชมพู 24 คน นอกจากนี้ ลูคัส กราบีล ที่รับบท ไรอัน จะต้องเต้นแบบ เรดิโอ ซิตี มิวสิก ฮอลล์ ในเพลงนี้ด้วย
- ผู้กำกับและผู้ออกแบบท่าเต้น เคนนี ออร์เตกา ออกแบบให้ แซ็ก เอฟรอน ผู้รับบท ทรอย และ วาเนสซา ฮัดเกนส์ ผู้รับบท กาเบรียลลา เต้นลีลาศบนดาดฟ้าตึกในเพลง Can I Have This Dance โดย เคนนี ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักเต้นชื่อดังอย่าง เฟรด แอสแทร์, จิงเจอร์ โรเจอร์ส และ จีน เคลลี
- นักแสดงนำทุกคนต้องฝึกเต้นลีลาศเพื่อเต้นประกอบเพลง Can I Have This Dance ในฉากงานเต้นรำหลังจบการศึกษา นอกจากนี้ พวกเขายังต้องเต้นรำคู่แบบชะชะช่า ในเพลง A Night to Remember ในฉากฝึกซ้อมละครเพลงสำหรับงานเลี้ยงฉลองจบการศึกษา ในหอประชุมใหญ่ของโรงเรียน
- ลูคัส กราบีล ผู้รับบท ไรอัน อธิบายว่าเพลง Just Wanna Be With You และเป็นทั้งเพลงคู่ของ ไรอัน และ เคลซี ที่รับบทโดย โอเลสยา รูลิน และเป็นเพลงที่ขับร้องโดยนักแสดงทุกคนด้วยนั้น มีความหมายเกี่ยวกับการมีความสุขกับปัจจุบัน และไม่ต้องไปกังวลกับอนาคตมากเกินไป
- The Boys Are Back คือเพลงที่ ทรอย ซึ่งรับบทโดย แซ็ก เอฟรอน ร้องคู่กับ แชด ซึ่งรับบทโดย คอร์บิน บลู เพื่อรำลึกถึงความหลังสมัยเด็กของพวกเขา ฉากนี้เกิดขึ้นที่ลานขยะตอนกลางคืน แซ็ก และ คอร์บิน ได้กลิ้งยางล้อรถยนต์ ฟันดาบ เต้นเบรกแดนซ์ เล่นกระดานหก และเต้นบนรถยนต์ด้วยกัน โดยมีนักเต้นอีก 19 คนร่วมเต้นประกอบ
- หากสังเกตจะพบว่า ทรอย ซึ่งรับบทโดย แซ็ก เอฟรอน เริ่มต้นร้องเพลง Scream ในฉากสนามบาสเก็ตบอล ก่อนจะไปจบเพลงบนเวทีโรงละคร เป็นการบอกเป็นนัยว่าทั้งสองสถานที่นั้นเป็นที่ที่เขารู้สึกดี เนื่องจากเขาชอบทั้งเล่นบาสเก็ตบอลและร้องเพลง
- ฉากพิธีจบการศึกษาถ่ายทำที่สนามฟุตบอลเป็นเวลา 2 วัน มีนักแสดงร่วมฉากประมาณ 1,000 คน ซึ่งรวมถึงวงดนตรีออร์เคสตรา 25 ชิ้น คณะนักร้องประสานเสียง 40 คน นำโดย จัสติน มาร์ติน ผู้รับบท ดอนนี นอกจากนี้ยังมีการสร้างศีรษะของกลุ่มฝูงชนด้วยคอมพิวเตอร์เสริมเข้าไปด้วย
- ใน 2 ภาคแรก มีนักแสดงหลัก 10 คน นักเต้นหลัก 12 คน และตัวประกอบ 190 คน แต่ในภาค 3 นี้ มีนักแสดงหลักเพิ่มมาเป็น 15 คน นักเต้นหลัก 18 คน นักเต้นที่เด่นรองลงมากว่า 60 คน สำหรับเต้นในเพลงใหญ่ๆ และตัวประกอบกว่า 2,000 คน
- ซอลต์ เลก ซิตี ในยูทาห์ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำ มีภูมิประเทศเป็นทะเลทราย อากาศจึงแห้งมาก ทำให้เหล่านักเต้นเหนื่อยเร็วกว่าปกติ
- ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แคโรลิน บี. มาร์ก เตรียมงานก่อนเปิดกล้องเป็นเวลา 5 เดือน เธอหาข้อมูลและแรงบันดาลใจในการทำงานด้วยการไปร่วมงานสัปดาห์แฟชันที่นิวยอร์ก ร่วมชมการเดินแบบแสดงเสื้อผ้า 37 ครั้ง ร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์และพบปะนักออกแบบเครื่องแต่งกายมากมาย
- ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แคโรลิน บี. มาร์ก ออกแบบให้ ทรอย ซึ่งรับบทโดย แซ็ก เอฟรอน มีภาพลักษณ์คล้ายนักแสดง เจมส์ ดีน และนักร้อง เอลวิส ในวัยหนุ่ม โดยใช้เครื่องแต่งกายสีฟ้าและเทาเป็นส่วนใหญ่ กางเกงยีนส์เดนิมดีเซลที่ตัดเข้ารูป เสื้อเชิ้ตเจมส์ เพอร์ซี และรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์สหุ้มส้น หรือรองเท้าผ้าใบข้อสั้นของแวนส์
- ในภาคนี้ กาเบรียลลา ซึ่งรับบทโดย วาเนสซา ฮัดเกนส์ เริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แคโรลิน บี. มาร์ก จึงเปลี่ยนจากเสื้อผ้าหวานๆ ที่ดูสดใสบริสุทธิ์ของเธอ มาเป็นเสื้อผ้าแนวโบโฮ (โบฮีเมียน ผสม ฮิปปี) อาทิ เสื้อผ้ายี่ห้ออเมริกัน อีเกิล, ฟรี พีเพิล, เวลเว็ต, มิส ซิกตี และ โทนี โคเฮน
- ผู้สร้างถ่ายทำที่โรงเรียนอีสต์ไฮสคูลเป็นเวลา 15 วัน ระหว่างที่โรงเรียนยังเปิดการเรียนการสอน เนื่องจากอาจารย์ใหญ่ พอล เซเจอร์ส อยากให้นักเรียนได้ชมการทำงานของกองถ่าย หรือกระทั่งได้มีส่วนร่วมด้วย เช่น ให้ผู้สร้างใช้เครื่องดนตรีของโรงเรียน และให้นักกีฬาของโรงเรียนร่วมแสดง เป็นต้น
- นักเรียนและครูจากโรงเรียนอีสต์ไฮสคูลจริงๆ ได้ร่วมแสดงเป็นตัวประกอบจำนวน 800 คน จากบรรดาตัวประกอบทั้งหมด 2,000 คน
- เนื่องจากโรงเรียนอีสต์ไฮสคูลเป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้ โรงเรียนแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในซอลต์ เลก ซิตี รองจากวิหารมอร์มอน
- มีฉากหนึ่งในโรงอาหาร ที่ผู้สร้างดูดสีทั้งหมดออกไป เพื่อสะท้อนความรู้สึกที่จะอยากหนีไปไกลๆ ของตัวละคร ชาร์เพย์ ซึ่งรับบทโดย แอชลีย์ ทิสเดล โดยผู้กำกับ เคนนี ออร์เทกา ได้รับแรงบันดาลใจในการถ่ายทำฉากนี้จากผู้กำกับและนักออกแบบท่าเต้นในภาพยนตร์ขาวดำยุค 30 บัสบี เบิร์กลีย์
- เดิมโรงอาหารของโรงเรียนมีสีแดงและขาวเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้สร้างต้องเปลี่ยนให้ฉากนี้ดูหวือหวาคล้ายไทม์ สแคร์ และโรงละครบรอดเวย์เก่าๆ โดยพวกเขาใช้สีชมพูสะท้อนแสง แสงไฟกะพริบ และเสริมท่อไฮดรอลิกล้อมรอบโต๊ะ เพื่อเป็นฐานสำหรับนักเต้น จากนั้นพวกเขาต้องใช้เวลา 3 วัน เปลี่ยนฉากนี้กลับไปเป็นแบบเดิม
- ผู้สร้างดัดแปลงหอประชุมที่เป็นโรงละครของโรงเรียนอีสต์ไฮสคูล โดยขยายเวทีด้านหน้าออกไป 8 ฟุต เพิ่มส่วนหน้าระหว่างเวทีกับผู้ชมเข้ามา และซื้อม่านเวทีใหม่ให้เป็นสีแดงสด เหมือนสีประจำทีมบาสเก็ตบอล ไวลด์แคต ตามท้องเรื่อง นอกจากนี้ยังต้องสร้างฉากที่ปรับเปลี่ยนได้ เพื่อเอื้อต่อท่วงทำนองของเรื่องราวในแต่ละเพลง
- ผู้สร้างจัดฉากสำหรับเต้นวอลซ์บนดาดฟ้าตึก ประกอบเพลง Can I Have This Dance ด้วยการใช้เครนยกวัสดุก่อสร้าง ดวงไฟ ต้นไม้ และอุปกรณ์ถ่ายทำ ขึ้นไปบนยอดตึก 4 ชั้น รวมทั้งหมดประมาณ 40 ครั้ง
- ผู้ออกแบบงานสร้าง มาร์ก ฮอฟเฟลลิง และ วิง ลี ดัดแปลงลานขยะจริงๆ ให้กลายเป็นฉากลานขยะสำหรับแสดงเพลง The Boys Are Back โดยมีของประกอบฉากเป็นเศษขยะ เศษแก้ว ป้ายไฟ นั่งร้าน และรถย้อนยุค ซึ่งต้องใช้รถเด็กเล่นในการออกแบบตำแหน่งรถด้วย เพราะต้องคำนึงทั้งจังหวะดนตรี ท่าเต้น และลักษณะของสถานที่ประกอบกัน
- ผู้สร้างต้องคอยดูแลหญ้าในสนามฟุตบอลอยู่ตลอดเวลา ทั้งรดน้ำและพรวนดิน เพื่อให้หญ้าที่ตายไปงอกขึ้นมา ทันเวลาที่จะใช้ถ่ายทำฉากพิธีจบการศึกษา
- ในฉากที่ ทรอย ซึ่งรับบทโดย แซ็ก เอฟรอน ร้องเพลง Scream แซ็ก จะต้องยืนอยู่ในทางเดินที่หมุนได้ เพื่อสื่อถึงความสับสนของ ทรอย ที่รู้สึกว่าโลกกำลังทรยศเขา
advertisement
วันนี้ในอดีต
เด็กหอเข้าฉายปี 2006 แสดง จินตหรา สุขพัฒน์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร
Constantineเข้าฉายปี 2005 แสดง Keanu Reeves, Rachel Weisz, Shia LaBeouf
Million Dollar Babyเข้าฉายปี 2005 แสดง Clint Eastwood, Hilary Swank, Morgan Freeman
เกร็ดภาพยนตร์
- Child 44 - เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่ ทอม ฮาร์ดี ผู้รับบท เลโอ และ แกรี โอลด์แมน นักแสดงบท มิกเฮล ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน เรื่องก่อนหน้านี้คือ Tinker Tailor Soldier Spy (2011) Lawless (2012) และ The Dark Knight Rises (2013) อ่านต่อ»
- Big Game - ผู้กำกับ ยาลมารี เฮแลนเดอร์ มองว่าสถานที่จริงที่ตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ ไม่เหมือนภาพที่เขานึกไว้ในหัว จึงถ่ายทำที่เทือกเขาแอลป์แทน อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Shubh Mangal Zyada
เส้นทางไปสู่ปลายทางที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นดูจะไม่ใช่อะไรที่จะไปได้ง่ายๆ สำหรับ คารติก (อยุชมันน์ คูรันนา) และ อามาน (จิ...อ่านต่อ»