เกร็ดน่ารู้จาก Yes Man
เกร็ดน่ารู้
- ดัดแปลงบทภาพยนตร์จากหนังสือขายดีชื่อเรื่องเดียวกัน เขียนโดย แดนนี วอลเลซ โดยผู้อำนวยการสร้าง เดวิด เฮย์แมน รู้สึกชื่นชอบหนังสือเล่มนี้ และเป็นผู้ริเริ่มโครงการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
- แดนนี วอลเลซ เขียนหนังสือที่เป็นต้นแบบภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นจากประสบการณ์ของเขาเอง เขาเคยใช้ชีวิตแบบเก็บตัวหลังจากเสียใจที่แฟนสาวทิ้งไป เขาปฏิเสธคำเชิญชวนของเพื่อนไปมากมาย กระทั่งมีคนแนะนำให้พูดตอบรับบ้าง เขาจึงหันมาใช้ชีวิตแบบกล้าได้กล้าเสีย เช่น ซื้อรถยนต์ ไปชมการแสดงสดของวงดนตรี และไปเที่ยวสิงคโปร์ในวันหยุด
- แดนนี วอลเลซ ผู้เขียนหนังสือที่เป็นต้นแบบภาพยนตร์เรื่องนี้ ชื่นชอบ จิม แคร์รี ที่มารับบท คาร์ล ตัวเอกของเรื่อง ตั้งแต่ได้ชมละครโทรทัศน์ In Living Color (1990)
- จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล ใช้เวลาหลายชั่วโมงฝึกซ้อมเล่นกีตาร์เพลงที่เขาจะต้องแสดงในหลายฉาก นอกจากนี้ยังใช้เวลา 10 สัปดาห์ เรียนภาษาเกาหลีกับครูฝึกพูดภาษาเกาหลี จอห์น ซอง
- มีฉากที่ จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล ต้องขับรถจักรยานยนต์ดูคาติที่มีกำลังบิด 1,100 ซีซี ขณะที่สวมเสื้อคลุมของโรงพยาบาล
- เพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้ผู้กำกับ เพย์ตัน รีด ชมวิดีโอการเล่นกีฬาประเภทสเก็ตที่เรียกว่า โรลเลอร์ บักกี สูต ของ ชอง อีฟส์ บลอนโด ชาวฝรั่งเศส เพย์ตัน จึงเกิดแรงบันดาลใจสร้างฉากที่ จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล และ ซูอี เดสชาเนล ผู้รับบท อัลลิสัน เล่นกีฬาชนิดนี้ โดยถ่ายทำที่หุบเขาเดกเคอร์ในมาลิบู
- นักกีฬา โรลเลอร์ บักกี สูต จากฝรั่งเศส เข้ามาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและเป็นนักแสดงแทนในฉากเล่นกีฬาผาดโผน
- จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล โน้มน้าวให้ผู้สร้างอนุญาตให้เขาแสดงฉากกระโดดบันจีจัมป์จากสะพาน โคโลราโด สตรีต ในพาซาเดนาด้วยตัวเอง แล้วเขาก็ได้แสดงฉากนี้ในวันปิดกล้อง โดยมีผู้ประสานงานฉากผาดโผน กับสถาบัน บันจี อเมริกา เข้ามาดูแลความปลอดภัย
- ผู้สร้างใช้กล้อง 6 ตัวจับภาพการกระโดดบันจีจัมป์เพียงครั้งเดียวของ จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล กล้องตัวหลักที่จะดิ่งตาม จิม ลงไปนั้น ถูกยึดติดกับตัวยึด 3 แกนที่ทำให้หมุนได้อย่างอิสระ และยึดติดกับเครื่องกว้านความเร็วสูงที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ กล้องตัวที่ 2 จะอยู่ที่เหนือบริเวณด้านข้างสะพาน และยังมีกล้องเสริมอีก 4 ตัวในจุดต่างๆ
- จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล แสดงฉากกระโดดบันจีจัมป์ด้วยท่าสวอนไดฟ์ คือกางแขนสองข้างขณะดิ่งลงจากสะพาน นอกจากนี้ ขณะที่ห้อยหัวอยู่กลางอากาศ เขายังเอาโทรศัพท์ออกมากดโทรออกตามบทอีกด้วย
- จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล เป็นผู้แนะนำให้ถ่ายทำฉากหวานๆ ของ คาร์ล กับ อัลลิสัน ที่รับบทโดย ซูอี เดสชาเนล ใน ฮอลลีวูด โบว์ล ซึ่งเป็นลานโบว์ลิงที่โด่งดังของลอสแอนเจลิส โดยมีแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ของ จิม ที่เคยแอบลอบเข้าไปใน ฮอลลีวูด โบว์ล อยู่บ่อยๆ สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น
- ฉากที่ คาร์ล ซึ่งรับบทโดย จิม แคร์รี และ อัลลิสัน ซึ่งรับบทโดย ซูอี เดสชาเนล ไปชมการแข่งขันฟุตบอลที่รัฐเนบราสกา ถ่ายทำที่สนามกีฬา ยูนิเวอร์ซิตี ออฟ เนบราสกา-ลินคอล์นส์ เมโมเรียล สเตเดียม ต่อหน้าแฟนกีฬาจริงๆ กว่า 84,000 คน นอกจากนี้ ยังถ่ายทำเพิ่มเติมกับนักแสดงประกอบประมาณ 700 คน ที่สนามกีฬา เมโมเรียล โคลีเซียม ในลอสแอนเจลิส
- หัวหน้าแผนกดนตรี โจนาธาน คาร์ป เลือก เคลลี แฮร์ริส, เบกกี คูเปอร์สมิธ และ จูลเลียน อิวา มีเดอร์ 3 สาวนักดนตรีจากวง วอน ไอวา มาแสดงเป็นเพื่อนร่วมวง มุนเชาเซน บาย พรอกซี ของ อัลลิสัน ซึ่งรับบทโดย ซูอี เดสชาเนล จากนั้น โจนาธาน ก็ให้ ซูอี และวง วอน ไอวา ซ้อมดนตรีด้วยกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และบันทึกเสียงด้วยกันอีกด้วย
- ซูอี เดสชาเนล ผู้รับบท อัลลิสัน มีส่วนร่วมในการประพันธ์เนื้อร้องที่เธอต้องร้องในภาพยนตร์ ร่วมกับสมาชิกของวง วอน ไอวา ที่แสดงเป็นสมาชิกร่วมวงของ อัลลิสัน นอกจากนี้ ผู้กำกับ เพย์ตัน รีด และหัวหน้าแผนกดนตรี โจนาธาน คาร์ป ก็มีส่วนร่วมในการแต่งเพลงด้วยเช่นกัน
- ผู้กำกับ เพย์ตัน รีด ชวน อี หรือ มาร์ก โอลิเวอร์ เอเวอร์เรต จากวง อีลส์ มาแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจาก เพย์ตัน เป็นแฟนเพลงของวง และ เพย์ตัน เดาว่าเหตุผลที่ อี ตอบรับคำเชิญ เป็นเพราะเรื่องนี้ถ่ายทำในละแวกบ้านของเขาในลอสแอนเจลิส และมีเนื้อหาคล้ายเนื้อเพลงของเขาที่พูดถึงคนที่เคยปิดตัวเอง แล้วในที่สุดก็ยอมเปิดใจให้กับโลกภายนอก
- อี หรือ มาร์ก โอลิเวอร์ เอเวอร์เรต จากวง อีลส์ ร่วมแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้กับ ไลล์ เวิร์กแมน พวกเขาใช้ดนตรีของวง อีลส์ ที่มีอยู่แล้ว ผสมกับส่วนที่แต่งขึ้นใหม่
- จิม แคร์รี ผู้รับบท คาร์ล ปฏิเสธไม่รับเงินเดือน ซึ่งจะได้ล่วงหน้าก่อนงานเสร็จ แต่ขอรับส่วนแบ่งจากกำไรที่ภาพยนตร์ได้รับแทน
- เดิม แจ็ก แบล็ก จะได้รับบท คาร์ล แต่สุดท้ายบทนี้ก็ตกเป็นของ จิม แคร์รี
- เดิมมีฉากที่ ซูอี เดสชาเนล ผู้รับบท อัลลิสัน ต้องเล่นสคูเตอร์เป็นครั้งแรก แต่หลังจากเธอทราบว่าตัวแสดงแทนของเธอลื่นล้มจากสคูเตอร์และสะโพกแตกจนต้องพักฟื้นนานถึง 9 เดือน ซูอี ก็ขอให้ผู้สร้างช่วยเปลี่ยนจากสคูเตอร์เป็นรถจักรยานแทน
- แดนนี วอลเลซ ผู้เขียนหนังสือที่เป็นต้นแบบภาพยนตร์เรื่องนี้ ร่วมแสดงเป็นนักแสดงรับเชิญด้วย โดยปรากฏตัวในฉากที่เขานั่งอยู่ในบาร์ ซึ่งมีงานเลี้ยงมอบของขวัญแก่คู่แต่งงาน
- หลังจากที่ คาร์ล ซึ่งรับบทโดย จิม แคร์รี เล่นกีตาร์และดึงชายที่จะกระโดดลงจากหน้าผาฆ่าตัวตายเข้ามาได้แล้ว เขาก็ตะโกนว่า "I've got blisters on my fingers" ประโยคนี้อ้างอิงถึงประโยคที่ ริงโก สตารร์ ตะโกนขึ้นตอนจบเพลง Helter Skelter ของวง เดอะ บีเทิลส์
advertisement
วันนี้ในอดีต
- ผู้หญิง 5 บาปเข้าฉายปี 2002 แสดง คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา, ชุติมา เอเวอรี่, กมลชนก เวโรจน์
- องค์บาก 2เข้าฉายปี 2008 แสดง จาพนม ยีรัมย์, นิรุตติ์ ศิริจรรยา, สรพงษ์ ชาตรี
- ผีจ้างหนังเข้าฉายปี 2007 แสดง อชิตะ ปราโมช ณ อยุธยา, ภัครมัย โปรตระนันท์, นะโม ทองกำเหนิด
เกร็ดภาพยนตร์
เปิดกรุภาพยนตร์
Love You Forever เรื่องราวของ หลินเก๋อ (หลี่หงฉี) ชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์พิเศษ เขาย้อนเวลาได้ หลินเก๋อ ตกหลุมรัก ชิวเชี่ยน (หลี่อี้ถง) มาต...อ่านต่อ»