เกร็ดน่ารู้จาก Quarantine
เกร็ดน่ารู้
- เรื่องนี้ดัดแปลงจากภาพยนตร์ภาษาสเปนเรื่อง [Rec] (2007) โดยผู้ริเริ่มสร้างเรื่องนี้ คือผู้อำนวยการสร้าง เซอร์จิโอ อากัวโร ที่ได้ชมภาพยนตร์ตัวอย่างของ [Rec] ตอนที่เขาเดินทางไปสเปนเมื่อเดือนมกราคม ปี 2007
- ก่อนหน้าที่ รอย ลี และ ดัก ดาวิสัน จากบริษัท เวอร์ติโก เอนเตอร์เทนเมนต์ จะมาอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเขาเคยสร้างภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากภาษาอื่นมาเป็นภาษาอังกฤษมาแล้วหลายเรื่อง เช่น The Ring (2002) The Grudge (2004) และ The Departed (2006)
- ผู้สร้างเริ่มดัดแปลงภาพยนตร์เรื่องนี้ ตั้งแต่ตอนที่ [Rec] (2007) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ต้นฉบับยังลำดับภาพไม่เสร็จ ผู้สร้างจึงได้เพียงแค่อ่านบทภาพยนตร์ และชมภาพยนตร์ตัวอย่าง โดยที่ยังไม่ได้ชมภาพยนตร์เต็มๆ
- ผู้สร้างถ่ายทำตามลำดับบทภาพยนตร์ คือถ่ายตั้งแต่ฉากแรกไล่ไปถึงฉากสุดท้าย ข้อดีของการถ่ายทำเช่นนี้ คือช่วยรักษาระดับความตึงเครียดและเพิ่มความเข้มข้นให้กับการแสดง ทำให้สามารถทดลองถ่ายทำแบบต่างๆ แล้วเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของภาพยนตร์ได้ทันที โดยไม่ต้องกลัวว่าเมื่อนำมาตัดต่อแล้วภาพจะไม่ต่อเนื่องกัน
- เจนนิเฟอร์ คาร์เพนเตอร์ ผู้รับบท แอนเจลา รักษาระดับอารมณ์หวาดกลัวอันเข้มข้นของตัวละครโดยใช้หลายๆ วิธี เช่น เปิดเพลงฟัง กรีดร้องดังๆ ก่อนเข้าฉาก ปล่อยใจให้ซึมซับความสมจริงของเรื่องราว หรือบางครั้งเพียงแค่พูดว่า "หนึ่ง สอง สาม เริ่ม!"
- เดิมผู้สร้างอยากให้ สตีฟ แฮร์ริส รับบทที่ได้ปรากฏตัวหน้ากล้องบ่อยๆ แต่สตีฟอยากรับบท สก็อตต์ ซึ่งเป็นตากล้องมากกว่า ผู้ชมจึงได้ยินเสียงพูดของเขาเกือบตลอดทั้งเรื่อง แต่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเท่าไรนัก
- เจย์ เฮอร์นันเดซ และ โจห์นาธอน เชก รับบทคู่หูพนักงานดับเพลิง เจก และ เฟลตเชอร์ ก่อนถ่ายทำ ทั้งคู่จึงนั่งพูดคุยกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้เหมือนเป็นเพื่อนกันจริงๆ
- โจห์นาธอน เชก ต้องรับบท เฟลตเชอร์ ที่เป็นพนักงานดับเพลิง เขาจึงไปคลุกคลีกับพนักงานดับเพลิงจริงๆ เพื่อทำความเข้าใจบท นอกจากนี้ เขายังสังเกตว่าพนักงานดับเพลิงส่วนใหญ่มักไว้หนวดดกๆ เขาจึงใช้เวลา 4 วันไว้หนวดให้ได้เช่นนั้นบ้าง
- เจย์ เฮอร์นันเดซ ซึ่งรับบทเป็นพนักงานดับเพลิง เจก เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเป็นพนักงานดับเพลิงมาแล้ว ตอนที่เขาแสดงในภาพยนตร์ของผู้กำกับ โอลิเวอร์ สโตน เรื่อง World Trade Center (2006)
- หนึ่งในเหตุผลที่ผู้สร้างเลือก เกร็ก เจอร์แมนน์ มารับบท ลอว์เรนซ์ เนื่องจากเกร็กสามารถฉีดยาได้ และตามบทแล้ว ลอว์เรนซ์ เป็นสัตวแพทย์ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เขาจึงต้องฉีดยาให้คนที่เป็นเหยื่อในเรื่อง
- ตอนที่ มาริน ฮิงเคิล มาทดสอบบทเป็น แคธี เธอใช้กระเป๋าสตางค์สมมติว่าเป็นลูกของเธอ และมีตอนหนึ่งที่เธอกระแทกตัวเองกับผนังและกรีดร้อง มาริน มารู้ภายหลังว่าการกระแทกตัวนั้นรุนแรงมากเสียจนนิ่วของเธอหลุด ซึ่งทำให้เจ็บปวดมาก และเธอก็ได้รับบท แคธี มาจริงๆ ในที่สุด
- เดิมผู้สร้างต้องการถ่ายทำในหอพักจริงๆ ตามบท โดยใช้อาคารแบรดเบรีที่โด่งดังในลอสแอนเจลิส แต่เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้อาคารหลังนี้ได้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น และบทภาพยนตร์ยังบีบให้ฉากภายในหอพักเชื่อมโยงกับบันไดกลาง พวกเขาจึงตัดสินใจสร้างฉากขึ้นมาในโรงถ่ายแทน
- ผู้ออกแบบงานสร้าง แกรี สตีล และทีมงานประมาณ 40 คน ใช้พื้นที่ 15,000 ตารางฟุต สูง 35 ฟุต ของโรงถ่ายย่อยสเตจ 23 ที่โรงถ่าย โซนี พิคเจอร์ส สร้างฉากหอพัก 3 ชั้นขึ้นมาภายในเวลา 6 สัปดาห์ ฉากนี้ประกอบไปด้วยห้องนอน 6 ห้องพร้อมเครื่องเรือน ห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหาร
- ผู้กำกับภาพ เคน เซง เลือกถ่ายทำด้วยกล้องวิดีโอความละเอียดสูง ยี่ห้อ โซนี่ รุ่น เอฟ-23 เพียงตัวเดียว เพื่อนำภาพมาทำให้ดูเหมือนข่าวหรือภาพถ่ายสดๆ จากวิดีโอในภายหลัง กล้องรุ่นนี้มีคุณสมบัติที่สามารถบันทึกภาพได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เหมาะกับใช้ถ่ายทำสารคดี
- ข้อเสียของกล้อง โซนี่ เอฟ-23 ที่ผู้กำกับภาพ เคน เซง ใช้คือน้ำหนักที่มากถึง 50 ปอนด์ และเมื่อใส่ฐานกล้องเข้าไปก็จะมีน้ำหนักรวมถึง 70 ปอนด์ ซึ่งตากล้องจะต้องถือถ่ายด้วยมือโดยไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้อง อีกทั้งยังต้องเคลื่อนตัวไปมาขณะถ่าย รวมทั้งวิ่งไปมาในบางฉากด้วย
- เนื่องจากต้องถ่ายทำให้เหมือนถ่ายวิดีโอบันทึกเหตุการณ์จริง ผู้สร้างจึงใช้กล้องตัวเดียวถ่ายทำการแสดงของนักแสดง 13 คน แบบต่อเนื่องยาว ดังนั้นนอกจากนักแสดงแล้ว ตากล้อง ผู้ช่วยตากล้อง ผู้ประสานงานฉากผาดโผน จะต้องซักซ้อมตำแหน่งและจังหวะอย่างแม่นยำก่อนถ่ายทำ หากมีส่วนใดผิดพลาด จะต้องถ่ายทำฉากนั้นซ้ำใหม่ทั้งหมด
- เนื่องจากลักษณะการถ่ายทำเป็นแบบฉับพลัน นักแสดงจึงต้องแสดงแบบด้นสดอยู่บ่อยๆ
- ครั้งหนึ่งตากล้องคนหนึ่งที่ชื่อ โคลัมบัส วิ่งไปสะดุดสายเคเบิล กล้องราคา 300,000 เหรียญจึงหลุดมือแล้วหล่นกระแทกพื้นกระเบื้อง ปรากฏว่ากล้องทนทานเพียงพอ จึงสามารถเก็บขึ้นมาถ่ายทำต่อได้ทันที
- เนื่องจากตามบทภาพยนตร์ กล้องเป็นเสมือนตัวละครตัวหนึ่ง นักแสดงจึงต้องกระแทกตัวเข้าไปในกล้อง รวมทั้งผลักหรือคว้ากล้อง บางครั้งผู้สร้างต้องหยุดติดชิ้นส่วนกล้องที่หลุดกลับไปดังเดิมก่อนจะถ่ายทำต่อ
- เนื่องจากผู้สร้างถ่ายทำทุกมุมไปพร้อมๆ กัน จึงต้องจัดแสงสำหรับทั้งการถ่ายภาพใกล้ ภาพกลาง และภาพไกล ให้เสร็จทั้งหมดในฉากเดียว พวกเขาใช้ไฟแอลอีดีเล็กๆ โคมไฟดวงเล็กๆ และหลอดไฟ สร้างแสงที่มืดหม่น ทำให้ดูเหมือนไม่ได้เปิดไฟอยู่ นอกจากนี้ แสงโคมไฟยังให้ความรู้สึกดิบเถื่อนที่เหมาะสมกับเรื่องราวอีกด้วย
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Sherlock Holmes: A Game of Shadowsเข้าฉายปี 2011 แสดง Robert Downey Jr., Jude Law, Noomi Rapace
- โลกทั้งใบให้นายคนเดียวเข้าฉายปี 1995 แสดง สมชาย เข็มกลัด , ปราโมทย์ แสงศร , สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา
- Arthur Christmasเข้าฉายปี 2011 แสดง James McAvoy, Jim Broadbent, Bill Nighy
เกร็ดภาพยนตร์
- The Imitation Game - เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ผู้รับบท อลัน ทัวริง ยอมรับว่าเขาไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ตอนที่ถ่ายทำฉากท้ายๆ เรื่อง เพราะเขาชอบตัวละครตัวนี้มาก หลังจากทำความเข้าใจจิตใจของ อลัน ว่าเขาต้องทรมานแค่ไหน อ่านต่อ»
- เศียรสยอง - เดิมที ภาม รังสี คือผู้ที่รั้งตำแหน่งผู้กำกับภาพยนตร์ แต่หลังจากมีข่าวฉาว ได้ระบุ บอย - สิทธิชัย ผาบชมภู ในฐานะผู้ควบคุมงานสร้างและนักแสดงของเรื่องนี้ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
The Addams Family สนุกไปกับเรื่องราวของ โกเมซ (ออสการ์ ไอแซก) มอร์ติเชีย (ชาร์ลีซ เธอรอน) และคนในครอบครัวที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พวกเขาอยู...อ่านต่อ»