เกร็ดน่ารู้จาก Mamma Mia!

เกร็ดน่ารู้
  • ภาพยนตร์เรื่องนี้เคยเป็นละครเวทีมาก่อน เปิดการแสดงรอบแรกในวันที่ 6 เมษายน 1999 ที่โรงละครปรินซ์ เอ็ดเวิร์ด ในลอนดอน จากนั้นก็ได้รับความนิยมมาตลอด เป็นละครที่มีผู้สร้างถึง 20 คณะ นับรวมได้ 8 ภาษา มีผู้ชมมาแล้ว 30 ล้านคนใน 170 เมือง
  • ทีมงานหลักในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นชุดเดียวกับที่สร้างละครเวที Mamma Mia! ได้แก่ ผู้อำนวยการสร้าง จูดี้ เครย์เมอร์, ผู้เขียนบท แคเธอรีน จอห์นสัน, ผู้กำกับ ฟิลลิดา ลอยด์, ผู้ออกแบบท่าเต้น แอนโธนี่ แวน ลาสต์ รวมทั้ง เบนนี่ แอนเดอร์สสัน และ บียอร์น อัลเวียส สมาชิกวงแอ๊บบา ที่มาดูแลเกี่ยวกับเพลง และอำนวยการสร้างด้วย
  • ผู้อำนวยการสร้าง จูดี้ เครย์เมอร์ เคยทำงานกับ เบนนี่ แอนเดอร์สสัน และ บียอร์น อัลเวียส 2 ใน 4 สมาชิกวง แอ๊บบา ในละครเพลงเรื่อง Chess เธอรู้สึกปลื้มพวกเขามาก และอยากสร้างละครเพลงที่ใช้บทเพลงของ แอ๊บบา ซึ่ง เบนนี่ และ บียอร์น ยอมตกลงรับข้อเสนอนี้ในปี 1995 จากนั้น จูดี้ ก็เลือก แคเธอรีน จอห์นสัน มาเขียนบท และเลือก ฟิลลิดา ลอยด์ มาเป็นผู้กำกับ
  • จูดี้ เครย์เมอร์ เป็นผู้แนะนำให้ผู้เขียนบทละครเพลง แคเธอรีน จอห์นสัน ใช้เรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานและวันหยุดเป็นตัวดำเนินเรื่อง แคเธอรีนเริ่มทำงานโดยอ่านคำร้องของเพลงของ แอ๊บบา ทุกเพลง จากนั้นจึงเลือกบางเพลงขึ้นมาใช้ โดยต้องใส่ใจด้วยว่านอกจากคำร้องแล้ว จังหวะของเพลงแต่ละเพลงจะต้องเติมเต็มเรื่องราวได้ด้วย
  • หลังจากละครเวทีเรื่องนี้เปิดการแสดงในลอนดอนได้ไม่นาน หลายบริษัทสนใจที่จะนำ Mamma Mia! มาสร้างเป็นภาพยนตร์ สุดท้ายแล้ว บริษัทเพลย์โทน ของ ทอม แฮงก์ส และ แกรี่ โกตซ์แมน ก็ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ลิตเติ้ลสตาร์ ของ จูดี้ เครย์เมอร์ เพื่ออำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ จูดี้รอให้ละครเวที Mamma Mia! ถึงจุดอิ่มตัวก่อน จึงเริ่มสร้างภาพยนตร์ในปี 2003
  • ผู้เขียนบท แคเธอรีน จอห์นสัน อธิบายว่าเธอต้องเขียนบรรยายบทภาพยนตร์ละเอียดกว่าบทละครเวทีเป็น 2 เท่า และในภาพยนตร์สามารถใส่รายละเอียดบางอย่างที่ในละครเวทีไม่สามารถถ่ายทอดได้ เช่น การเดินทางของตัวละครชาย 3 คน มายังเกาะที่เกิดเรื่องราวในเรื่อง
  • ถือเป็นผลงานภาพยนตร์เพลงแบบเต็มตัวเรื่องแรกของ เมอรีล สตรีป ผู้รับบท ดอนนา ถึงแม้เธอจะเคยร้องเพลงมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Postcards From the Edge (1990) และ A Prairie Home Companion (2006)
  • เมอรีล สตรีป ผู้รับบทเป็น ดอนนา ชมละครเวทีเรื่องนี้เป็นครั้งแรกกับลูกสาวของเธอ ลุยซา และเพื่อนๆ ของลูกสาว เมื่อเดือนตุลาคม 2001 ในแมนฮัตตัน และเคยเขียนจดหมายชื่นชมเหล่านักแสดง รวมทั้งบอกว่าเธอชอบละครเวทีเรื่องนี้มากจนอยากจะขึ้นไปอยู่บนเวทีด้วย ผู้สร้างละครเวทีเก็บจดหมายฉบับนั้นเอาไว้ด้วยความปลาบปลื้ม
  • เมอรีล สตรีป ผู้รับบท ดอนนา ต้องแสดงฉากผาดโผนไม่น้อยในภาพยนตร์เรื่องนี้ เช่น ฉากที่เธอขูดคราบออกจากตึกสูง 40 ฟุต และร้องเพลง Mamma Mia ขณะที่ทรงตัวอยู่บนหลังคา และฉากที่ไถลตัวลงมาตามราวบันได และกระโดดออกจากท่าเรือลงไปในทะเล
  • นักแสดงหลายคนยอมรับว่ารู้สึกกลัวการเต้น เช่น เพียร์ซ บรอสแนน ผู้รับบท แซม และ สเตลแลน สการ์สการ์ด ผู้รับบท บิลล์ แม้กระทั่งนักแสดงที่เคยร้องเพลงมาก่อนก็ยังกังวลเรื่องการเต้น เช่น จูลี่ วอลเตอร์ส ผู้รับบท โรซี่ ต้องซ้อมเต้นอย่างหนักอยู่ที่บ้าน ส่วน คริสติน บาแรนสกี ผู้รับบท ทันยา ก็รีบเตรียมร่างกายด้วยการออกกำลังกายแบบพิลาทีสและไปเรียนเต้นแจ๊ซ
  • ช่วงที่ อแมนดา ไซฟริด กำลังทดสอบบท โซฟี อยู่นั้น เธอได้ชมละครเวทีเรื่องนี้ในลาสเวกัส
  • เบนนี่ แอนเดอร์สสัน สมาชิกวง แอ๊บบา อยากให้นักแสดงทุกคนร้องเพลงด้วยเสียงของตัวเอง
  • มาร์ติน โลว์ ที่ทำงานในละครเวที Mamma Mia! ในปี 1999 ได้เข้าร่วมการทดสอบบทด้วย สุดท้ายแล้ว เขาก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้กำกับดนตรี ดูแลงานเบื้องหลังเกี่ยวกับเพลง
  • ผู้อำนวยการสร้างบริหาร มาร์ก ฮัฟแฟม อธิบายว่า ปกติแล้วในภาพยนตร์เพลงจะมีการบันทึกเสียงเอาไว้ก่อน จากนั้นก็แสดงโดยขยับปากตามเพลง แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะใช้วิธีนี้ในฉากใหญ่ๆ เช่น ฉากเต้นรำฉากใหญ่ แต่ในฉากที่ดูเป็นส่วนตัว จะใช้วิธีร้องสดขณะแสดง
  • ผู้กำกับดนตรี มาร์ติน โลว์ เล่าว่าหลายเพลงที่ อแมนดา ไซฟริด ผู้รับบท โซฟี ร้องในภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเพลงที่มีลูกเล่นสูง เช่น เนื้อร้องบางส่วนของเพลง I Have a Dream ที่ซับซ้อนจนผู้หญิงหลายคนที่มาทดสอบบท โซฟี ไม่สามารถร้องได้ นั่นก็คือท่อนที่ร้องว่า I believe in angels' falls on a break and sits in an awkward place in the song.
  • หลังจากบันทึกเสียงทำเพลงมานานหลายสัปดาห์ ลองเสื้อผ้านาน 6 สัปดาห์ ทดลองแต่งหน้าและซ้อมเต้น การถ่ายทำก็เริ่มขึ้นที่โรงถ่ายไพน์วู้ด ในเดือนมิถุนายน ปี 2007
  • ผู้กำกับ ฟิลลิดา ลอยด์ คุ้นเคยกับภูมิประเทศในประเทศกรีซดีอยู่แล้ว เพราะเธอเคยเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วกรีซตอนอายุ 17 ปี
  • ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แอนน์ รอธ ไม่ชอบโทรศัพท์สั่งซื้อเสื้อผ้า แต่ชอบเดินทางไปคุ้ยหาด้วยตัวเอง เช่น สูทตัวหนึ่งที่เธอซื้อมาจากถนน 138 ในสาธารณรัฐโดมินิกัน
  • ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แอนน์ รอธ ค้นคว้าเกี่ยวกับวงดนตรียุค 70 ซึ่งรวมถึงวง แอ๊บบา และพบว่าพวกเขาจะมีชุดสำหรับใส่แสดงที่แยกจากชุดในชีวิตประจำวัน ชุดสำหรับแสดงเหล่านั้นจะมีสีสันฉูดฉาดเป็นพิเศษ ในฉากที่วง เดอะ ไดนาโมส์ ขึ้นมาร้องเพลง Super Trouper แอนน์จึงจัดเสื้อผ้าสีสดให้ เมอรีล สตรีป, จูลี่ วอลเตอร์ส และ คริสติน บาแรนสกี
  • ผู้อำนายการสร้าง จูดี้ เครย์เมอร์ และผู้เขียนบท แคแธอรีน จอห์นสัน อยู่ในสภาพหมดเนื้อหมดตัวตอนที่พยายามจะสร้างละครเวทีเรื่องนี้เป็นครั้งแรก และสมาชิกวง แอ๊บบา ก็เคยดูถูกพวกเธอมาแล้ว แต่ตอนนี้พวกเธอกลายเป็นคนที่ร่ำรวยในอังกฤษ
  • ชื่อภาพยนตร์เป็นชื่อเดียวกับซิงเกิลดังของวง แอ๊บบา
  • เบนนี่ แอนเดอร์สสัน สมาชิกวงแอ๊บบา กล่าวชื่นชม เมอรีล สตรีป ที่รับบทเป็น ดอนนา ว่ามหัศจรรย์ เพราะ เมอรีล เดินทางมาบันทึกเสียงที่สตอกโฮล์ม และร้องเพลง The Winner Takes It All ผ่านได้ในเทกเดียว
  • บิลล์ ไนฮีย์ เกือบได้แสดงบทหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ถูกเปลี่ยนตัวไปในภายหลัง
  • เบนนี่ แอนเดอร์สสัน นักร้องวง แอ๊บบา เป็นนักแสดงรับเชิญในฉากเล่นเปียโนเพลง Dancing Queen ส่วน บียอร์น อัลเวียส สมาชิก แอ๊บบา อีกคนหนึ่ง ปรากฏตัวด้วยชุดเทพเจ้ากรีกในฉากจบที่แสดงรายชื่อนักแสดงและทีมงาน
  • ในช่วงแรก คณะผู้อำนวยการสร้างเสนอให้มีเพลงที่เขียนขึ้นใหม่ในภาพยนตร์ด้วย เพื่อจะได้มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาเพลงประกอบสำหรับภาพยนตร์ แต่ เบนนี่ แอนเดอร์สสัน และ บียอร์น อัลเวียส สมาชิกของ แอ๊บบา ตอบปฏิเสธ
  • จูลี่ วอลเตอร์ส ผู้รับบทเป็น โรซี่ บาดเจ็บเพราะสะดุดก้อนหินบนถนนหินกรวด ขณะถ่ายทำฉากร้องเพลง Dancing Queen แต่ยังยืนหยัดแสดงต่อไป
  • ก่อนที่บท โซฟี จะตกเป็นของ อแมนดา ไซฟริด มีนักแสดงสาวหลายคนเกือบได้รับบทนี้ ได้แก่ แมนดี้ มัวร์, อแมนดา ไบนส์, ราเชล แมกอดัมส์ และ เอ็มมี รอสซัม
  • เดิมมีเพลง Under Attack, One of Us และ Knowing Me, Knowing You อยู่ในบท แต่ถูกถอดออกไป ส่วนเพลง The Name of the Game นั้นได้ถ่ายทำไปแล้ว แต่ถูกตัดออก เพลง Thank You for the Music ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องเหมือนในละครเวที แต่ถูกใช้ตอนแสดงรายชื่อทีมงานตอนจบภาพยนตร์ ส่วนเพลง When All is Said and Done ที่มีในภาพยนตร์นั้น ไม่มีในละครเวที ส่วนเพลงอื่นๆ ที่ยังคงมีอยู่เช่นเดียวกับในบทละครเวทีนั้น ก็ถูกเรียบเรียงดนตรีใหม่ไม่มากก็น้อยทุกเพลง
  • มีฉากที่ บิลล์ ซึ่งรับบทโดย สเตลแลน สการ์สการ์ด ทำอาหารอยู่บนเรือพร้อมทั้งสวมผ้ากันเปื้อน สเตลแลนแกล้งทุกคนด้วยการเปลือยท่อนล่าง แต่เพราะมีผ้ากันเปื้อน ทุกคนจึงไม่รู้ เมื่อกล้องถ่าย เขาก็หมุนตัวหันหลัง อวดรอยสักที่ก้น ตากล้องกระโดดและร้องออกมาอย่างตกใจ ส่วนผู้กำกับ ฟิลลิดา ลอยด์ หัวเราะจนตัวงอ
  • เพียร์ซ บรอสแนน ตอบตกลงรับบท แซม โดยที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ผู้อำนวยการสร้างบอกเพียงแค่จะถ่ายทำในกรีซและมี เมอรีล สตรีป แสดงด้วย เพียร์ซ รับปากทันที เพราะอยากแสดงภาพยนตร์กับ เมอรีล มาก

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • Quantum of SolaceQuantum of Solaceเข้าฉายปี 2008 แสดง Daniel Craig, Olga Kurylenko, Mathieu Amalric
  • The Matrix RevolutionsThe Matrix Revolutionsเข้าฉายปี 2003 แสดง Keanu Reeves, Carrie-Anne Moss, Laurence Fishburne
  • สวย ซามูไรสวย ซามูไรเข้าฉายปี 2009 แสดง โสภิตา ศรีบาลชื่น, แจ็คเกอลิน อภิธนานนท์, เกศริน เอกธวัชกุล

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Theory of Everything - สตีเฟน ฮอว์คิง พูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องจริง จึงอนุญาตให้ใช้เสียงของเขาในตอนจบ และให้ยืมเหรียญแห่งอิสรภาพ กับวิทยานิพนธ์ที่ลงชื่อ สตีเฟน ฮอว์คิง ไปใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากด้วย อ่านต่อ»
  • Jupiter Ascending - แชนนิง เททัม ต้องสวมอุปกรณ์บริเวณปากที่ทำให้ลักษณะของขากรรไกรของเขาเปลี่ยนไป เพื่อรับบท เคน อุปกรณ์ชิ้นนั้นทำให้ แชนนิง หุบปากไม่ได้ แถมยังทำให้เขาพูดลำบากอีกด้วย อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Ode to Joy Ode to Joy เรื่องราวของ ชาร์ลี (มาร์ติน ฟรีแมน) ชายหนุ่มที่มีความผิดปกติทางระบบประสาท เขามีความรู้สึกทางอารมณ์ที่รุนแรง โดยเฉพาะอย...อ่านต่อ»