เกร็ดน่ารู้จาก The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor
เกร็ดน่ารู้
- ผู้กำกับ ร็อบ โคเฮน เป็นนักศึกษาด้านมนุษยวิทยาที่สนใจดินแดนเอเชียมานานแล้ว เขารู้สึกทึ่งในประวัติศาสตร์ 5,000 ปีของจีนมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมปลาย ซึ่งเป็นช่วงที่คุณแม่ของเขาเริ่มวาดภาพด้วยพู่กันจีนเป็นงานอดิเรก เขาทึ่งที่ราชวงศ์ถังและราชวงศ์หมิงส่งนักสำรวจออกไปจนค้นพบอินโดนีเซีย อินเดีย แอฟริกา และยังสร้างเรือลำใหญ่ยักษ์เดินทางไปรอบโลก
- ร็อบ โคเฮน เคยกำกับภาพยนตร์ที่มีบรรยากาศแบบจีนๆ มาก่อนแล้ว ได้แก่เรื่อง Dragon: The Bruce Lee Story (1993) และภาพยนตร์ชุดตอนสั้นๆ เกี่ยวกับสองพี่น้องชาวจีนที่อพยพมาอยู่อเมริกาเรื่อง Vanishing Son (1994)
- เรื่องนี้นำประวัติศาสตร์จีนเกี่ยวกับหุ่นดินเผาของพวกทหารในซีอาน มาโยงกับเรื่องมัมมี่ ภาพยนตร์จึงต้องอิงรายละเอียดบางส่วนจากประวัติศาสตร์จริงๆ ของจีนใน 2 ยุค ได้แก่ ยุค 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช และปี 1946
- ผู้อำนวยการสร้าง ฌอน แดเนียล ยอมรับว่าเขาชื่นชอบมัมมี่มาตั้งแต่เด็ก เขาดูภาพยนตร์มัมมี่ของ บอริส คาร์ลอฟฟ์ ทุกเรื่องที่หาดูได้ รวมทั้งภาพยนตร์เกี่ยวกับมัมมี่อีกมากมายที่ออกมาหลังจากนั้น เขาชอบตัดรูปมัมมี่ออกมาจากนิตยสาร Famous Monsters of Filmland และติดเอาไว้เต็มกำแพง
- เนื่องจาก เจ็ต ลี ผู้รับบทจักรพรรดิมัมมี่ มีเวลาไม่พอที่จะร่วมแสดงตลอดการถ่ายทำที่ยาวนาน ผู้กำกับ ร็อบ โคเฮน จึงให้จักรพรรดิถูกสาปและกลายสภาพเป็นหุ่นนักรบดินเผา ซึ่งส่วนที่เป็นหุ่นดินเผาจะเป็นตัวละครคอมพิวเตอร์กราฟฟิก เดินและพูดเหมือน เจ็ต ลี
- เจ็ต ลี รู้สึกประทับใจผู้กำกับ ร็อบ โคเฮน ซึ่งนับถือศาสนาพุทธ และความรักและความเข้าใจที่ ร็อบ มีต่อวัฒนธรรมจีน เจ็ต ลี ให้ความเห็นว่าการถ่ายทำของร็อบคล้ายกับผู้กำกับฮ่องกง เต็มไปด้วยพลังและ เปลี่ยนแปลง และรวดเร็ว
- เรเชล ไวสซ์ ตัดสินใจไม่กลับมารับบท อีวี ตัวละครที่เธอได้แสดงเอาไว้ในภาพยนตร์ 2 ภาคแรก เพราะเธอเพิ่งมีครอบครัว คณะผู้สร้างจึงเฟ้นหานักแสดงคนใหม่ จากการทดสอบหน้ากล้องนักแสดงหญิง 5 คน พวกเขาเลือก มาเรีย เบลโล
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำนาน 5 เดือน ในมอนทรีออล ประเทศแคนาดา กรุงปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ในประเทศจีน
- ผู้ประสานงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ อาร์ บรูซ สไตน์ไฮเมอร์ ใช้แมกนีเซียมซัลเฟต 160 ตันมาทำเป็นหิมะที่พื้นลานด้านหน้าของฉากสถูป ซึ่งเป็นทางเข้าลับที่มุ่งหน้าสู่สระน้ำแห่งชีวิตอมตะในเชียงกรีลา คณะผู้สร้างถ่ายทำกันที่ส่วนหนึ่งของภูเขาในมอนทรีออล ที่สมมติว่าเป็นภูเขาหิมาลัย
- อากาศในฤดูใบไม้ร่วงในมอนทรีออลค่อนข้างแปรปรวน คืนหนึ่งพายุลูกใหญ่โจมตีใส่ฉาก และชะล้างเอาหิมะปลอมทั้งหมดหายไป แผนกตกแต่งฉากต้องรีบมาซ่อมแซมความเสียหายแต่เช้าตรู่ และเมื่อแผนกอื่นๆ เดินทางมาถึงกองถ่ายตอน 7 โมงเช้า หิมะปลอมก็สมบูรณ์เรียบร้อยพร้อมถ่ายทำ
- ผู้ออกแบบงานสร้าง ไนเจล เฟลป์ส ค้นคว้าเรื่องหุ่นนักรบดินเผา จึงทราบว่าหุ่นนักรบจะยืนเรียงเป็นแถว 4 แถว สูงประมาณ 6 ฟุต และทุกคนหน้าตาไม่เหมือนกันเลย แอนน์ คัลเจียน ผู้ตกแต่งฉาก จึงต้องใส่รายละเอียดให้ทหารเหล่านี้มีส่วนหัวที่ต่างกัน 20 แบบ เพื่อใช้สลับสับเปลี่ยนไป
- คณะผู้สร้างภาพยนตร์ซื้อทหารกับม้ามาจากเมืองจีน แล้วสร้างหุ่นทหารดินเผาขึ้นมาในมอนทรีออล หัวหน้าแผนกประกอบฉาก คิมไหวชุง ดูแลการผลิตอาวุธ เสื้อเกราะ บังเหียนม้า และข้าวของตกแต่งสุสาน ที่ประเทศจีน จากนั้นก็ขนส่งของทั้งหมดไปยังมอนทรีออล
- มีฉากหนึ่งที่ถ่ายทำในประเทศจีน มีคนทำงานด้วยกันมากกว่า 2,000 คน ประกอบไปด้วยคนอเมริกันและชาวแคนาดาจำนวน 200 คน และคนจากจีนแผ่นดินใหญ่อีก 1,700 คน และทีมงานจากฮ่องกงอีก 100 คน รวมถึงทีมงานจากมาเลเซีย โครเอเชีย สโลเวเนีย และไต้หวัน
- ถึงแม้ในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีการสื่อสารกันด้วยหลากหลายภาษามากมาย แต่ผู้กำกับ ร็อบ โคเฮน ไม่กังวลว่าจะมีการสื่อสารผิดพลาด เพราะปัญหาของทุกคนต่างดูคล้ายๆ กัน เช่น เรื่องเงิน เวลา วิสัยทัศน์ แม้ถ้อยคำที่ใช้พูดจะต่างกัน แต่ก็เข้าใจความหมายตรงกันชัดแจ้ง
- การถ่ายทำในเอเชียเริ่มต้นที่ฉากกลางแจ้งที่กลางทะเลทรายเถียนโม แผนกศิลปกรรมชาวจีนนับร้อยคนเตรียมจัดฉากที่นี่เป็นเวลานานหลายเดือน พวกเขาสร้างกำแพงเมืองจีนขึ้น และฉากนี้ยังเป็นฉากที่จักรพรรดิมังกร ซึ่งรับบทโดย เจ็ต ลี จะปลุกหุ่นนักรบดินเผาจำนวน 5,000 นายที่ถูกฝังอยู่นานกว่า 20 ศตวรรษขึ้นมาจากใต้พื้นดิน
- ผู้กำกับศิลป์ชาวจีน หยี เป็นที่ปรึกษาทางด้านประวัติศาสตร์และเทคนิคของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เขาเป็นผู้ให้คำแนะนำเรื่องการสร้างกำแพงเมืองจีน นี่เป็นครั้งที่ 6 แล้วที่ หยี ดูแลงานสร้างสิ่งก่อสร้างใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก
- การถ่ายทำในทะเลทรายเถียนโมไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอากาศมากนัก นอกจากพายุทรายที่พัดผ่านมาในบางโอกาส และตอนใกล้จะเสร็จสิ้นการถ่ายทำที่อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
- ฉากไล่ล่าในเซี่ยงไฮ้ ต้องใช้กล้องไม่น้อยกว่า 8 ตัว ผู้กำกับฉากต่อสู้ วิก อาร์มสตรอง เป็นผู้ดูแลการระเบิดในฉาก และผู้ประสานงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ อาร์ บรูซ สไตน์ไฮเมอร์ เป็นผู้ออกแบบฉากนี้ โดยร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องดอกไม้ไฟทั้งชาวอเมริกันและชาวจีน
- คณะผู้สร้างถ่ายทำฉากท้องพระโรงของจักรพรรดิในโรงถ่ายเซี่ยงไฮ้ ฟิล์ม สตูดิโอส์ โดยคณะที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรมชาวจีนเข้ามาช่วยผู้กำกับ ร็อบ โคเฮน ทำความเข้าใจเรื่องความซับซ้อนของภาษา และพิธีการในยุคราชวงศ์ฉิน เช่น ฝ่ายบุ๋นต้องยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือของจักรพรรดิ ส่วนฝ่ายบู๊ยืนอยู่ทางด้านขวา พวกนักดนตรีไม่ได้รับอนุญาตให้จับดาบ และห้ามทุกคนหันหลังให้องค์จักรพรรดิ
- อาวุธของทหารจำนวน 500 นายที่อยู่ในกองทัพหุ่นดินเผาทำมาจากทองสัมฤทธิ์ ในเรื่องนี้จึงใช้อาวุธที่ทำจากทองสัมฤทธิ์เช่นกัน เพื่อสร้างความรู้สึกสมจริงให้นักแสดง เมื่อสัมผัสความเย็นเฉียบของดาบ
- ฉากพีระมิดตอนเริ่มเรื่อง ถ่ายทำที่พีระมิดของจริงในหุบเขาสุสานของชนเผ่าในจีนที่รบกับชาวมองโกเลีย ตั้งอยู่ในหนิงเซียะ ประเทศจีน ซึ่งผู้ออกแบบงานสร้าง ไนเจล เฟลป์ส เพิ่งรู้ว่ามีสถานที่นี้อยู่ตอนที่มาสำรวจสถานที่ เขาจึงเสนอให้ผู้กำกับ ร็อบ โคเฮน เพิ่มฉากนี้เข้าไปในบท
- ผู้ออกแบบงานสร้าง ไนเจล เฟลป์ส ใช้แสงสว่างสีทองเป็นสีหลักในภาพยนตร์เรื่องนี้
- ฉากต่อสู้ในเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นวิชากังฟู โดยเฉพาะของ จักรพรรดิมังกร ที่แสดงโดย เจ็ต ลี ส่วนของ ซิหยวน ซึ่งแสดงโดย มิเชลล์ โหยว จะเป็นวิชาฟันดาบ และของ ริก ที่แสดงโดย เบรนเดน เฟรเซอร์ จะเป็นวิชากราฟมากา ที่เน้นการเคลื่อนไหวระยะสั้นและเฉียบคม ซึ่งชาวยิวเชื้อสายเชกคิดขึ้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
- ในภาคนี้ตัวละคร อีวี ซึ่งรับบทโดย มาเรีย เบลโล เชี่ยวชาญการต่อสู้มากขึ้น เธอสามารถฟันดาบและต่อยได้ และยังคงเน้นรูปแบบการต่อสู้แบบข้างถนนที่มีอารมณ์เถื่อนๆ ดิบๆ ผสมอยู่ เช่นเดียวกับ ริก ซึ่งรับบทโดย เบรนเดน เฟรเซอร์ และ อเลกซ์ ซึ่งรับบทโดย ลุก ฟอร์ด
- ลุก ฟอร์ด ใช้เวลาสัปดาห์ละ 5 วันในช่วง 3 เดือนก่อนการถ่ายทำ ฝึกซ้อมการต่อสู้ โดยเริ่มจากคาร์ดิโอ ซึ่งเป็นการออกกำลังที่เน้นการทำงานของหัวใจ ยกน้ำหนัก ยืดเส้น จากนั้นค่อยฝึกฝึกศิลปะการต่อสู้ ฟันดาบ ต่อยและเตะ
- ผู้อำนวยการสร้างวิชวลเอฟเฟกต์ จิงเจอร์ ไธเซน ต้องดูแลการสร้างฉากวิชวลเอฟเฟกต์มากกว่า 800 ชอตในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยร่วมงานกับบริษัท ดิจิตอลโดเมน ซึ่งนำโดย แมตต์ บัตเลอร์ และ โจล ไฮเนก และบริษัท ริธึมแอนด์ฮิวส์ ที่นำโดย เดอเรก สเปียร์ส
- ผู้ประสานงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ อาร์ บรูซ สไตน์ไฮเมอร์ ต้องดูแลบริษัทสเปเชียลเอฟเฟกต์ 4 แห่งในมอนทรีออลและประเทศจีน มีคนกว่า 100 คนทำงานอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ในเวลาเดียวกัน เพื่อให้เอฟเฟกต์ทั้งหมดพร้อมสำหรับทั้งกองถ่ายหลักและกองถ่ายฉากต่อสู้
- แผนกวิชวลเอฟเฟกต์สร้างตัวละครจักรพรรดิมัมมี่ที่เป็นดินเผา โดยสแกนตัว เจ็ต ลี ด้วยกล้อง 3 มิติ จนได้แบบจำลองหุ่นของเขาที่เป็นภาพดิจิตอล 3 มิติขึ้นมา บริษัทดิจิตอลโดเมนใช้เทคนิคโมชันแคปเจอร์จับภาพร่างกายและการเคลื่อนไหวต่างๆ รวมทั้งการอ้าปากพูดของเขาเอาไว้ จากนั้นก็ใส่ลักษณะเหล่านั้นลงไปในตัวหุ่นดินเผาจักรพรรดิ
- นอกจากบริษัทดิจิตอลโดเมนจะต้องสร้างกองทัพหุ่นนักรบดินเผาของจักรพรรดิ 4,800 นายแล้ว ยังต้องสร้างกองทัพศัตรูที่โดนจักรพรรดิฆ่าตายขึ้นมาอีก 2,500 นาย กองทัพนี้คือพวกคนงานที่อยู่ใต้กำแพงเมืองจีนมากว่า 2 พันปี พวกเขาฟื้นคืนชีพในสภาพซากแห้งเหี่ยว ที่ระดับการผุกร่อนแตกต่างกันไป ตั้งแต่คนที่ยังดูมีเนื้อหนังครบ จนถึงที่เหลือแต่กระดูก
- บริษัทดิจิตอลโดเมนใช้โปรแกรมชื่อ แมสซีฟ ซึ่ง สตีเฟน รีเจลลูส เป็นผู้พัฒนาขึ้น โปรแกรมนี้จะสร้างตัวละครที่มีความรู้สึกของตัวเองได้เป็นพันๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเป็นตัวประหลาด ตัวละครแต่ละตัวเรียกว่า เอเจนต์ จะมีความสามารถในการตัดสินใจของมันเอง โดยอิงจากหลักเกณฑ์ที่ศิลปินเป็นคนออกแบบขึ้นมา ฉากพุ่งรบใน The Lord of the Rings (2001-2003) ก็ใช้โปรแกรมนี้เช่นกัน
- หุ่นนักรบดินเผาของจริงที่ซีอานมีใบหน้า ทรงผม และท่วงท่าแตกต่างกัน คณะผู้สร้างสแกนภาพเหล่านั้นลงในคอมพิวเตอร์ แล้วใช้วิธีแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อไม่ให้มีทหารที่มีลักษณะซ้ำกันเลยสักคน เมื่อผสมผสานกับความหลากหลายของพื้นผิวของดินเผา การจัดแสง เงามืด และการเคลื่อนไหว ทำให้เกิดเป็นหุ่นนักรบที่มีลักษณะแตกต่างกันเป็นพันๆ ตัว
- ผู้กำกับฉากต่อสู้ วิก อาร์มสตรอง ใช้โมชันแคปเจอร์ช่วยในการสร้างฉากรบระหว่างกองทัพคนตาย 2 ฝ่าย โดยใช้คนจริงๆ มาแสดง คนใส่ชุดสีฟ้าเป็นตัวแทนของหุ่นนักรบดินเผา ส่วนชุดสีเขียวแทนกองทัพคู่ปรับ พวกเขาต่อสู้กันจริงๆ และใช้คอมพิวเตอร์จับเอาภาพการเคลื่อนไหวเหล่านั้นเข้าไป และนำท่าทางเหล่านั้นไปใส่ให้หุ่นดินเผาและโครงกระดูกที่สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์
- จักรพรรดิมังกร ซึ่งรับบทโดย เจ็ต ลี สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดได้ เช่น ตัวกอร์กอน 3 หัวขนาด 30 ฟุต สามารถพ่นไฟ คว้าจับเหยื่อ และบินได้ มีลักษณะคล้ายงูที่ผสมใบหน้าของ เจ็ต ลี เข้าไป สัตว์ประหลาดอีกชนิดหนึ่งคือ เนียน มีลักษณะครึ่งสุนัขครึ่งสิงโต สูง 9 ฟุต สามารถคว้าจับเครื่องบินที่อยู่บนฟ้าได้ สัตว์ประหลาดชนิดนี้อิงลักษณะมาจากฟูด็อก รูปปั้นผู้พิทักษ์วัดวาอารามในจีน
- แผนกวิชวลเอฟเฟกต์เป็นผู้ออกแบบตัวเยติ และสร้างตัวละครนี้ขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ เยติไม่มีบทพูด มีแต่เสียงร้องคำราม จึงต้องแสดงอารมณ์ทุกอย่างผ่านภาษากาย เดิมพวกเขาออกแบบเยติให้เป็นลูกผสมระหว่างคน หมีขั้วโลก และเสือดาวหิมะ แต่เมื่อทำงานไปเรื่อยๆ คณะแอนิเมเตอร์ยิ่งทำให้เยติคล้ายมนุษย์มากขึ้น มันฉลาดพอที่จะรับคำสั่ง เลือกศัตรู และส่งสายตาชิงชัง
- ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซานยา มิลโกวิก เฮย์ส ตัดชุดให้ มิเชลล์ โหยว ผู้รับบท ซิหยวน ถึง 9 ชุด โดยไม่ได้จำกัดรูปแบบเสื้อผ้าที่ยุคสมัยใดยุคสมัยหนึ่ง เพราะซิหยวนเป็นผู้วิเศษที่ไม่เคยชราภาพลง 1 ใน 9 ชุดนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าของชนกลุ่มน้อยของจีน ซานยาซื้อกระโปรงที่ยาวถึงเข่ามาจากเซี่ยงไฮ้ ตัดเย็บเป็นกระโปรงยาวและอัดจีบด้วยมือ เมื่อ มิเชลล์ เตะ ต่อย และหมุนตัว กระโปรงจะสะบัดพลิ้วเป็นวงกลม
- งานชิ้นแรกที่ ซานยา มิลโกวิก เฮย์ส ออกแบบคือ ชุดเกราะของจักรพรรดิมังกร ซึ่งรับบทโดย เจ็ต ลี โดยเธอเริ่มออกแบบตั้งแต่ช่วงหลายเดือนก่อนหน้าการถ่ายทำจะเริ่มขึ้น ชุดเกราะนี้ทำจากหยกปลอมซึ่งมีน้ำหนักมากหน่อย แต่ในฉากต่อสู้ เจ็ต ลี จะสวมชุดเกราะที่มีน้ำหนักเบาลง ส่วนตอนที่จักรพรรดิกลายเป็นหุ่นดินเผา ชุดเกราะจะถูกปกคลุมด้วยโคลนและกาว
- ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย ซานยา มิลโกวิก เฮย์ส เลือกนำหยกมาใช้สร้างชุดเกราะของจักรพรรดิมังกร ซึ่งรับบทโดย เจ็ต ลี เพราะตามความเชื่อของจีน หยกมีความเกี่ยวพันกับความเป็นอมตะ
- เบรนเดน เฟรเซอร์ ซึ่งรับบทเป็น ริก และ จอห์น ฮันนาห์ ซึ่งรับบทเป็น โจนาธาน เป็นนักแสดงเพียง 2 คนที่แสดงใน The Mummy ทั้ง 3 ภาค
- เบรนเดน เฟรเซอร์ ซึ่งรับบทเป็น ริก เกิดปี 1968 และ มาเรีย เบลโล ซึ่งรับบท อีวี เกิดปี 1967 ขณะที่ ลุก ฟอร์ด ซึ่งรับบท อเลกซ์ ลูกชายของริกและอีวี เกิดปี 1981 เขาจึงมีอายุน้อยกว่า เบรนเดน เพียง 13 ปี และมีอายุน้อยกว่า มาเรีย เพียง 14 ปี
- ราเชล ไวซ์ ประกาศว่าจะไม่กลับมารับบท เอเวอลีน อีก หลังจากที่เคยรับบทนี้มาแล้วใน 2 ภาคแรก ท้ายสุดบทนี้จึงตกเป็นของ มาเรีย เบลโล
advertisement
วันนี้ในอดีต
- รักแห่งสยามเข้าฉายปี 2007 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
- Harry Potter and the Chamber of Secretsเข้าฉายปี 2002 แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
- ตีสาม 3Dเข้าฉายปี 2012 แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม
เกร็ดภาพยนตร์
- Night at the Museum: Secret of the Tomb - เป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของ โรบิน วิลเลียมส์ นักแสดงบท ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ส่วนใน Absolutely Anything (2015) โรบิน เพียงพากย์เสียงเท่านั้น อ่านต่อ»
- The Tale of The Princess Kaguya - มีความยาว 137 นาที ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ยาวที่สุดของสตูดิโอจิบลิ โดยยาวกว่า Princess Mononoke (1997) 3 นาที อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Charlie's Angels เมื่อวิศวกรระบบหนุ่มเริ่มเปิดระบบเทคโนโลยีสุดอันตราย เหล่านางฟ้าชาร์ลีก็ถูกเรียกตัวมาปฏิบัติการในสถานการณ์นี้เพื่อปกป้อ...อ่านต่อ»