เกร็ดน่ารู้จาก Red Cliff
เกร็ดน่ารู้
- Red Cliff หรือ ศึกผาแดง เป็นตอนๆ หนึ่งในวรรณกรรมอมตะเรื่อง The Romance of Three Kingdom หรือ สามก๊ก ซึ่งเป็นวรรณกรรมที่มีอายุกว่า 700 ปีแล้ว แต่ยังคงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง มิใช่แค่ในประเทศที่พูดภาษาจีนอย่าง จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และ สิงคโปร์ เท่านั้น แต่รวมถึงประเทศอื่นๆ ในเอเชียด้วย เช่น ญี่ปุ่น และ เกาหลี
- วรรณกรรม สามก๊ก แพร่หลายเป็นหนังสือการ์ตูนและภาพยนตร์การ์ตูนมากมาย และบริษัทโคเออิของญี่ปุ่น นำสามก๊กมาสร้างเป็นวิดีโอเกม ออกวางจำหน่ายมากกว่า 12 เกม ทั้งเกมแบบต่อสู้และแบบวางแผนกลศึก
- ผู้กำกับ จอห์น วู สนใจวรรณกรรมเรื่อง สามก๊ก มากว่า 20 ปีแล้ว แต่ตอนนั้นเทคโนโลยีและตลาดภาพยนตร์ยังไม่เอื้อต่อการสร้างภาพยนตร์ขนาดใหญ่ กระทั่งฤดูร้อนปี 2004 ผู้อำนวยการสร้างคู่บุญ เทอเรนซ์ จาง เดินทางไปปักกิ่งเป็นครั้งแรก เริ่มวางแผนระดมทุน และงานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้กับ จอห์น วู
- เรื่องราวในศึกผาแดงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 208 แต่ไม่เป็นที่รู้จักกระทั่ง หลอกว้านจง เขียนวรรณกรรมเรื่องสามก๊กขึ้นมาในศตวรรษที่ 13 แต่วรรณกรรมนี้บิดเบือนจากความจริงหลายอย่าง เช่น ขงเบ้ง ได้รับการยกย่องในวรรณกรรมว่ามีพลังเปลี่ยนทิศทางลม แต่จริงๆ แล้ว ตอนเกิดศึกผาแดง เขาเพิ่งอายุ 27 ปี และเพิ่งได้รับคัดเลือกจาก เล่าปี่ ให้เป็นผู้วางกลศึก วีรบุรุษของศึกนี้ คือ จิวยี่ แต่ในวรรณกรรมบรรยายว่าเป็นบุรุษที่คอยจ้องกำจัด ขงเบ้ง ด้วยความริษยา
- เนื่องจากนิยายเรื่อง สามก๊ก ของ หลอกว้านจง มีการปรุงแต่งข้อเท็จจริงหลายอย่างเพื่ออรรถรสในการอ่าน แต่ผู้กำกับ จอห์น วู ต้องการดำเนินเรื่องตามประวัติศาสตร์ เขาจึงเขียนบทภาพยนตร์โดยอิงจากหนังสือประวัติศาสตร์ Chronicles of the Three Kingdoms และงานค้นคว้าต่างๆ แต่ก็ผสมความบันเทิงบางอย่างจากนิยาย เพื่อไม่ให้ผู้ชื่นชอบนิยายผิดหวัง เช่น ฉากที่ ขงเบ้ง ซึ่งแสดงโดย ทาเคชิ คาเนชิโร่ ลวงลูกธนูจากศัตรูโดยล่องเรือเบาบรรทุกหุ่นฟาง
- ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชมทั่วโลก แต่ผู้ชมชาวตะวันตกอาจรู้สึกว่าตัวละครมีจำนวนมากเกินไป อีกทั้งชื่อยังคล้ายคลึงกันชวนให้สับสน และมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นกว่าจะโยงไปถึงศึกผาแดง ทำให้ภาพยนตร์มีความยาวกว่า 4 ชั่วโมง คณะผู้สร้างจึงแบ่งภาพยนตร์ออกเป็น 2 ภาค สำหรับตลาดเอเชีย และรวบเป็นภาคเดียวสำหรับตลาดนานาชาติ
- ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2004 จนถึงต้นปี 2007 ผู้กำกับ จอห์น วู เปลี่ยนมือเขียนบทหลายคน แต่ไม่มีบทของใครสักคนที่เขาพอใจ สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจเขียนเอง โดยให้ คานชาน วางโครงสร้างให้ก่อน แล้วจึงให้ กว๋อเจิ้ง แจกแจงตัวละครและฉากสำคัญ นอกจากนี้ กว๋อเจิ้ง ยังเป็นคอยปรับเปลี่ยนบทเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างถ่ายทำอีกด้วย
- ในความเป็นจริง ศึกผาแดงเกิดขึ้นที่ป่าอีกา ซึ่งอยู่ริมฝั่งทางตอนเหนือของแม่น้ำแยงซีเกียง ตรงข้ามกับผาแดงที่ทอดตัวขนานอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ แต่ตำแหน่งที่ตั้งที่แน่นอนยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักวิชาการ เพราะเส้นทางและความยาวของแม่น้ำแยงซีเกียงเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ ค.ศ. 208 อีกทั้งชื่อของสถานที่สำคัญหลายแห่งก็เปลี่ยนไปด้วย
- ในปี 1998 เมืองผูฉี ในมณฑลหูเป่ย เปลี่ยนชื่อเป็น ชื่อปี้ ที่แปลว่า ผาแดง เพื่อโยงเข้ากับชื่อสนามรบในประวัติศาสตร์ แม้ที่นั่นจะเป็นสนามรบของศึกผาแดงจริง แต่กองถ่ายภาพยนตร์เข้าไปทำงานไม่ได้ เพราะมีอุปสรรคด้านการขนส่ง อีกทั้งสภาพทางภูมิศาสตร์ยังต่างจากที่ผู้กำกับ จอห์น วู จินตนาการไว้มาก
- ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2004 เป็นต้นมา คณะผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ออกเดินทางหาสถานที่ถ่ายทำในมณฑลต่างๆ ของประเทศจีนกว่า 14 แห่ง โดยผู้กำกับ จอห์น วู และผู้อำนวยการสร้าง เทอเรนซ์ จาง ไปสำรวจด้วยตัวเอง 5 แห่ง ได้แก่ มณฑลหูเป่ย เจียงสู เจ้อเจียง เหอเป่ย และยูนาน สุดท้าย จอห์น วู ก็เลือกอี่เสียน ในมณฑลเหอเป่ย ซึ่งอยู่ห่างจากปักกิ่งประมาณ 3 ชั่วโมงเดินรถ เป็นสถานที่ถ่ายทำ
- จริงๆ แล้วสถานที่ถ่ายทำที่เป็นผาแดงในเรื่องนั้น อยู่ห่างจากสถานที่ถ่ายทำป่าอีกา ซึ่งต้องใช้วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์แต่งภาพให้เหมือนอยู่ติดกับป่าอีกา คณะผู้สร้างสร้างป้อมปราการขนาดมหึมาขึ้นในบริเวณที่ถ่ายทำฉากผาแดง ป้อมปราการกว้างเท่าสนามฟุตบอล 2 สนาม สูง 40 ฟุต และมีหอสังเกตการณ์อยู่บนยอดด้วย
- คณะผู้สร้างภาพยนตร์ขออนุญาตทางการสร้างภูเขาบริเวณอ่างเก็บน้ำ โดยขนดินจากเนินเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์มาถมที่บริเวณนั้นอยู่หลายเดือนจนเสร็จสิ้นในปี 2006 ก่อนที่บทจะเขียนเสร็จ และก่อนรวบรวมทุนได้ บริเวณนั้นใช้เป็นฉากป้อมปราการ ซึ่งแสดงถึงแสนยานุภาพของกองทัพ โจโฉ ซึ่งรับบทโดย จางเฟิงอี้ และเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งของสงครามครั้งนี้
- ผู้ออกแบบงานสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือ ทิม ยิบ ที่เคยมีผลงานใน Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) ของ อังลี The Promise (2005) ของ เฉินข่ายเก๋อ และ The Banquet (2006) ของ เฟิงเสี่ยวกัง
- ทิม ยิบ เล่าว่าในยุคราชวงศ์จิ๋นยังไม่มีการใช้เกราะโลหะอย่างแพร่หลาย เพราะฉะนั้นจึงมีเพียงกองทัพของ โจโฉ ซึ่งรับบทโดย จางเฟิงอี้ เท่านั้นที่ใช้เกราะเหล็กเต็มรูปแบบ
- ภาพยนตร์เรื่องนี้มีทุนสร้างกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นภาพยนตร์ภาษาจีนที่ใช้ทุนสร้างสูงสุด ทำลายสถิติภาพยนตร์เอเชียที่เคยสร้างมา บริษัท ไลออน ร็อก โปรดักชั่นส์ ของผู้กำกับ จอห์น วู กับผู้อำนวยการสร้าง เทอร์เรนซ์ จาง ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนสร้างกับบริษัท ไชน่า ฟิล์ม กรุ๊ป คอร์เปอเรชั่น โดยมีบริษัทจากไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี เข้ามาร่วมลงทุนด้วย จากนั้นตลาดภาพยนตร์ในยุโรปหลายประเทศก็เข้ามาติดต่อซื้อภาพยนตร์เรื่องนี้ไปฉาย
- เรื่องนี้ใช้เวลาวางแผนงานสร้าง 3 ปี และเตรียมงานก่อนถ่ายทำ 1 ปี จากนั้นก็เปิดกล้องวันที่ 14 เมษายน 2007 ถ่ายทำเสร็จสิ้นโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 203 วัน (รวมการถ่ายเสริมครั้งที่ 2 เป็นเวลา 117 วัน และครั้งที่สาม 27 วัน)
- ทาเคชิ คาเนชิโร่ รับบทเป็น ขงเบ้ง ที่หนังสือประวัติศาสตร์บรรยายว่ามีอายุเพียง 27 ปี ในช่วง ค.ศ. 208 ตอนที่ทำสงครามผาแดง เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสูง 6 ฟุต
- เหลียงเฉาเหว่ยไม่เคยรับบทเป็นแม่ทัพโบราณมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ชมได้เห็นเขาใส่ชุดเกราะต่อสู้บนหลังม้าในบท จิวยี่
- เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ที่ เหลียงเฉาเหว่ย ร่วมงานกับผู้กำกับ จอห์น วู ก่อนหน้านี้เขารับบทเป็นนักผจญภัยยุค 60 ผู้มีเกียรติใน Bullet in the Head (1990) และนายตำรวจผู้มีบาดแผลในใจใน Hard Boiled (1992)
- เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ หลินจื้อหลิง เธองดงานเดินแบบและถ่ายแบบนาน 6 เดือนเพื่อเตรียมตัวรับบท เสี่ยวเกี้ยว ภรรยาของ จิวยี่ โดยการไปเรียนการแสดงกับครูสอนการแสดง 3 คนในปักกิ่ง
- ฉากกลางแจ้งทั้งหมดแบ่งออกเป็นฉากสงคราม 3 ฉากใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ฉากสงครามฉางปานตอนต้นเรื่อง ฉากสงครามซานเจียงโก๋วตอนกลางเรื่อง และฉากสงครามผาแดงตอนท้าย
- ฮูจุน ผู้รับบท จูล่ง ต้องเตรียมพร้อมร่างกายหลายเดือนกับผู้กำกับฉากต่อสู้ ดิออน ลัม แต่การฝึกร่างกายอย่างหนัก ทำให้อาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังของ ฮูจุน กำเริบ ทำให้เขาต้องพักฟื้นอีกเป็นเดือน
- ก่อนเปิดกล้องไม่นาน ก็มีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับฉากต่อสู้จาก ดิออน ลัม เป็น โครี่ หยวน
- ผู้กำกับฉากต่อสู้ โครี่ หยวน เคยร่วมงานกับผู้กำกับ จอห์น วู ในภาพยนตร์เรื่องแรกๆ ของ จอห์น วู เรื่อง The Young Dragons (1974) จากนั้นก็ไม่ได้ร่วมงานกันนานกว่า 30 ปี
- วันสุดท้ายในการถ่ายทำฉากสงครามซานเจียงโก๋ว เป็นวันที่อากาศหนาวมาก และพื้นเต็มไปด้วยหิมะ ฉากนี้ใช้เวลาถ่ายทำกว่า 6 เดือน กว่าจะเสร็จสิ้น เป็นฉากที่ตัวละคร ซุนฮูหยิน ที่รับบทโดย เจ้าเวย ควบม้าลวงศัตรูให้เข้าไปยังที่มั่นของฝ่ายสัมพันธมิตร จิวยี่ ซึ่งรับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย ออกมาร่วมรบอย่างอาจหาญ
- ฉากสงครามผาแดงแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ การต่อสู้บนบก และการต่อสู้ในน้ำ ฉากในแม่น้ำเป็นฉากที่แม่ทัพ อุยกาย ส่งเรือไฟไปเผากองทัพเรือของ โจโฉ โดยใช้แรงลมพัดช่วย จนเรือจำนวน 2,000 ลำถูกไฟเผาทำลายจนวอดวาย ฉากนี้ฉากเดียวใช้เวลาวางแผนมากกว่า 1 ปี
- ฉากรบทางน้ำที่ผาแดงนั้น คณะผู้สร้างได้ต่อเรือขนาดใหญ่เต็มรูปแบบจำนวน 18 ลำ ขึ้นในสถานที่ถ่ายทำ เรือลำใหญ่ที่สุดมีความสูงถึง 38 เมตร (125 ฟุต) แต่ก็มีเรือหลายลำที่สร้างขึ้นในอู่ต่อเรือใกล้ๆ และขนย้ายมายังบริเวณถ่ายทำทีหลัง ขณะเดียวกัน ก็มีการสร้างท่าเรือขนาดใหญ่จำนวน 4 แห่งขึ้นในบริเวณนั้น การสร้างเรือทั้งหมดใช้เวลา 8 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2006 ถึงเดือนพฤษภาคม 2007 ส่วนอีก 2,000 ลำที่เหลือ จำเป็นต้องสร้างขึ้นด้วยระบบดิจิตอล
- โจวเหวินฟะ ถอนตัวออกจากบท จิวยี่ ในวันที่การถ่ายทำภาพยนตร์เริ่มขึ้น จากนั้น เหลียงเฉาเหว่ย ก็เข้ามาแทนที่เขา
- กองทัพจีนสนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยส่งทหารมาที่กองถ่ายประมาณ 1,000 นาย เพื่อให้แสดงเป็นตัวละครประกอบฉาก
- เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับ จอห์น วู ที่พูดภาษาจีนกลาง
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Let Me Inเข้าฉายปี 2010 แสดง Kodi Smit-McPhee, Chloe Moretz, Richard Jenkins
- Vampire Hunter Dเข้าฉายปี 2004 แสดง Hideyuki Tanaka, Ichiro Nagai, Koichi Yamadera
- Unstoppableเข้าฉายปี 2010 แสดง Denzel Washington, Chris Pine, Rosario Dawson
เกร็ดภาพยนตร์
- Cinderella - ชุดราตรีที่ ซินเดอเรลลา รับบทโดย ลิลี เจมส์ สวมไปงานเต้นรำ ตัดเย็บจากผ้ายาวกว่า 270 หลา ด้ายยาวกว่า 3 ไมล์ และคริสตัลจากสวารอฟสกีกว่า 10,000 เม็ด อ่านต่อ»
- Everly - เดิมที เคต ฮัดสัน ถูกวางตัวให้แสดงบท เอเวอร์ลี แต่ภาพยนตร์อยู่ในขั้นตอนพัฒนาเรื่องนานจน เคต ถอนตัว และภายหลัง ซัลมา ฮาเยก จึงเข้ามารับบทแทน อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Cold Pursuit เนลส์ (เลียม นีสัน) เป็นหัวหน้าครอบครัวที่สงบสุขและสันโดษ เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายทำงานขับรถกวาดหิมะในช่วงฤดูหนาว แต่แ...อ่านต่อ»