SIAMZONE.COM

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ไม่ค่อยชอบหนังแบบนี้เท่าไร ดูแล้วอยากจะหลับ ไม่เห็นจะสยองเท่าไร ผมว่าหนังจีนยังจะสนุกกว่าอีกเลยแฮะ นานๆจะเห็นหนังฝรั่งคิดหนังแบบนี้ออกมา คิดได้ไงเนี่ย แล้วจะมีคนดูไหมเนี่ย หนังเหมือนไม่ลงทุน แต่อยากจะเรียกกระแสจากคนดูว่าธรรมชาติทำลายคนได้ ให้หยุดทำลายธรรมชาติ

the happening
หลังจากที่หลับไปรอบแรก (ดูตอนง่วงๆ ) ก็ตั้งใจดูเรื่องต่อในวันถัดไป

ประเด็นของเรื่องนั้นแหวกแนว เรื่อง พิบัติภัยธรรมชาติ หรือธรรมชาติฆ่าคนได้

แต่ดูไปเรื่อย บทหนังไม่ได้ทำให้เชื่อถึงเหตุการณ์ที่เกิดตามเนื้อเรื่อง
เรื่องของเรื่องพระเอกอาจจะเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ที่เก่งมากๆๆๆๆ

ที่คิดถึงสาเหตุที่ทำให้คนฆ่าตัวตายได้ (ตอนแรกทุกคนเชื่อว่าเป็นอาวุธเคมี ชีวภาพ)

สรุปง่ายๆ บทอ่อนไปนิด ถึงจะอาจแนวคิดหรือทฤษฎีต่างขึ้นมาตามเนื้อเรื่องก็เถอะ

การแสดงสำหรับผมถือว่าน่าหงุดหงิด ไม่ดีแต่ก็ไม่เลวร้ายมาก

คิดว่าดูเอาบันเทิงละกัน.. ส่วนตัวชอบเรื่อง unbreakable มากสุด

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น 10 นาทีแรกของหนังทำได้ลุ้นระทึก น่าติดตามมาก ทำให้อยากรู้ว่า"เกิดอะไรขึ้น?" แต่หลังจากนั้น หนังเหมือนจะหมดมุก ความลุ้นค่อยๆหมดไป กลายเป็นความน่าเบื่อไปแทน พอถึงตอนจบก็จบซะดื้อๆ แต่ข้อคิดเกี่ยวกับ"ธรรมชาติเอาคืน"นั้น น่ากลัวอยู่เหมือนกัน 5/10

สนุกครับ ดูจนรู้สึกว่าจบเร็วไปหน่อย

มาแล้วครับท่าน ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์ ดูแล้วรู้ทันทีว่านี่คือหนังของ M.Night Shyamalan ชัวร์....สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในงานของเค้าก็คือ เค้าจะพาคนดูดำดิ่งลงไปสู่ความกลัวในจิตใจของมนุษย์ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่กลัวนั้นมันคืออะไร ลองนึกย้อนไปหนังก่อนหน้านี้ของเค้าดูเช่นเรื่อง Sign, The Village เป็นต้น นี่คือลักษณะการเล่าเรื่องราวของหนังที่พะยี่ห้อของเค้าจริงๆ
The Happening ก็เช่นเดียวกัน เค้าทำให้ลมธรรมดาๆนี่แหละ เป็นสิ่งที่น่ากลัวขึ้นมาได้ ธรรมชาติรอบตัวเรา ต้นไม้ ใบหญ้า กลายเป็นอะไรที่อันตรายไปหมดสำหรับมนุษย์เรา
เป็นหนังที่ดูได้เรื่อยๆ สนุกในระดับหนึ่ง แต่ด้อยกว่าถ้าเทียบกับ Sign นะผมว่า แต่เรื่องนี้ความกลัวส่งผลกระทบต่อผู้คนใน scale ที่ใหญ่ขึ้น มีการนำเสนอฉากสยองๆ ของการฆ่าตัวตายในรูปแบบต่างๆกัน โดยที่ไม่มีเลือดสาดกระจายให้เห็น แต่ก็ทำให้น่ากลัวและขนลุกได้
หนังเรื่องนี้เหมือนเป็นการสื่อสารหรือบอกใบ้กรายๆให้คนดูพึงระลึกไว้ว่า ในวันหนึ่งธรรมชาติอันสวยงามรอบตัวเรา อาจจะกลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาฆ่าหรือทำลายเราได้ เพราะมนุษย์เราได้ลงมือทำลายธรรมชาติก่อนแล้วนั่นเอง

ธรรมชาติหนอช่างสร้าง งานนี้ต้องขอยกช่อยกพวงให้ผู้กำกับ M. Night เพราะเขาสามารถคิดสร้างภาพยนต์แนวธรรมชาติระทึกขวัญ ? บางคนอาจคิดว่าเป็นหนังภาวะโลกร้อน แต่มันคนละขั้วกันเลยไม่เชื่อลองดูแล้วจะรู้ว่าโลกร้อนยังดีกว่าลมพัดซะอีก !

เรื่องนี้ให้Aเลยค่ะ เราว่าไม่น่าเบื่อนะ เราแอบกลัวเองด้วยซ้ำ ตอนที่ดูเหมือนเราได้ร่วมหนีตายไปกับกลุ่มคนในหนัง ไม่รู้สึกน่าเบื่อ เอาแค่ว่าดีก็พอ

ผมชอบนะ ดูแล้วก็ลุ้นระทึกดีได้เหมือนกัน

จากตอนแรกที่ผมไม่เชื่อว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะสร้างความหวาดกลัวขึ้นมาได้ เพราะจากที่ดูตัวอย่าง มันก็แค่การฆ่าตัวตายเกี่ยวกับลมพัดผ่านอะไรเท่านั้น

แต่ผมได้ดูของจริงแล้ว กลับต้องเปลี่ยนความคิดและลุ้นไปกับตัวละครว่าจะทำยังไง หนังเริ่มต้นได้สวยจนถึงกลางเรื่อง แต่ในช่วงท้ายออกจะอืดดูน่าเบื่อไปหน่อย

แนะนำให้ดูกันครับ

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น The happening ธรรมชาติ ภาวะการฆ่าตัวตาย เกิดอะไรขึ้น?

ภาวะโลกร้อน ธรรมชาติแปรปวน ซึนามิ น้ำท่วม อากาศหาย
น้ำมันแพง ประท้วง จลาจล อะไรกัน

เข้าเรื่องหนังดีกว่า

The happening
หนังที่อยากจะให้พวกเราตระหนักถึงภาวะโลกร้อน หรือภัยพิบัติของโลกที่จะเกิดขึ้น อาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พูดถึงหนังเกี่ยวกับอะไรแบบนี้ แน่นอนไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ ลองถามตัวคุณเองดูสิ ว่า ถ้าคุณรู้ว่าหนังเกี่ยวกับโลกร้อนคุณจะดูไหม?

หนังเกี่ยวกับภาวะโลก ภัยพิบัติของโลก หรือเหตุการณ์ต่างๆ ส่วนมากจะถูกถ่ายทอดออกมาโดยให้ประเด็นสำคัญอยู่ที่มนุษย์ทำให้เกิด มนุษย์ประสบปัญหา และ มนุษย์ต้องแก้ไข ตัวอย่างเช่น หนังสารคดี หนังแผ่นที่ไม่ได้เขาโรง หรือเข้าโรงแต่ออกไปอย่างรวดเร็ว ผึ้งตัวโต งูกลายพันธุ์ แกะฆ่าคน อะไรประมาณนั้น หรือ หนังเหตุการณ์ภัยพิบัติ น้ำท่วมโลก หิมะตก แผ่นดินไหว พายุเทอนาโด พวกเขาทำให้พวกเรากลัวสิ่งเหล่านี้ แต่ก็ลืมมันไป เพราะเมื่อมันจบ เมื่อคลื่นลมสงบ ความปกติสุขก็กลับมา

The happening ธรรมชาติ ภาวะการฆ่าตัวตาย เกิดอะไรขึ้น?

เปิดฉากมาเป็น ไตเติ้ลซีเควนที่เป็นฉากของท้องฟ้าปกติ เริ่มแปรปวนไปเรื่อยๆ ภาพของท้องฟ้าถูกบรรเลงด้วยวงคอเคสตรา คุณลองคิดภาพดูสิ บรรเลงจังหวะขึ้นๆลงๆ กับท้องฟ้าสีฟ้ากลายเป็นสีแดงและมืดดำ เปิดฉากมาก็อลังการ

นั้นแค่ซีเควนนะ

ฉากแรกของหนังเรื่องนี้ เกิดขึ้นที่ Park สวนสาธารณะ ทุกคนปกติดีทุกอย่าง มีความสุขกับการใช้ชีวิตพักผ่อนวันหยุด แต่แล้วเมื่อลมพัดผ่าน อยู่ๆทุกคนก็เริ่มหยุดนิ่ง เหมือนเวลาถูกย้อนกลับ
เริ่มเดินย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้น พูดจาซ้ำซาก สมองไม่สั่งการ และ
ฆ่าตัวตาย!! ทุกคน นั้นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะ แต่เกิดขึ้นกับทุกพื้นที่ใกล้เคัยงกับที่เกิดเหตุ ที่ลมสามารถพัดผ่านได้ คนงานก่อสร้างค่อยๆโดดตึกฆ่าตัวตายกันทีละคน ทีละคน สยองสิคะ

เริ่มแล้ว

นั้นคือสิ่งที่เขาทำให้เราเห็น เราเห็นความสุขสงบเพียงแค่ไม่ถึงนาที พวกเราก็ต้องตกใจอย่างสุดชีวิตกับเหตุการณืที่เกิดขึ้นต่อมา
หัวใจสั่นรัว แล้วเกิดคำถามขึ้นว่า หนังอะไรกัน? ไหนบอกหนังโลกร้อนไง? นิมันฆ่าตัวตายกันชัดๆ? หนังอะไร?

มันไม่จบแค่นั้นนะสิคะ เพราะนั้นแค่ซีนสั้นๆเปิดตัวหนังเท่านั้น
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นโดยใช้ครอบครัวหนึ่งเป็นตัวดำเนินเรื่อง คู่สามีภรรยาที่มีเรื่องปกปิดกันเกี่ยวกับผู้ชายอีกคนที่ฝ่ายหญิงปกปิดไว้
และญาติของฝ่ายชายพร้อมลูกสาวที่รอการกลับมาของแม่ที่จะตามมาด้วยทีหลัง

เหตุการณ์ การฆ่าตัวตาย เกิดขึ้นต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ แต่นิไม่ใช่อาชญากรรม จากพื้นที่เล็กๆ กายเป็นพื้นที่ใหญ่ๆ ทุกที่ที่มีลมพัดผ่าน ที่นั้นก็มีการฆ่าตัวตายเกิดขึ้น!! ผู้คนอพยพ ออกจากเมืองเพราะต่างคิดว่า เมืองกำลังถูกจู่โจมจากผู้ก่อการร้าย แต่สิ่งที่พวกเขาพบก็คือ พวกเขาถูกปล่อยป่าอยู่พื้นที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของภัยพิบัติครั้งนี้ ที่นี่คือคำตอบที่ทำให้ได้รู้ว่า ทำไม เกิดขึ้นเพราะอะไร
ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นธรรมชาติ

บทสรุป มันเป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดเดา หากคุณเคยดูหนังเรื่องThe Mist คุณอาจจะรู้สึกเช่นเกียวกัน กับความรู้สึกที่แวบเข้ามาในความคิดว่าจะฆ่าตัวตายกันหมดเลยหรือ พวกเราที่เหลือรอดเพียง 3 คน คงไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นบทสรุปที่เลวร้าย

หนังน่ากลัวมาก ไม่ได้น่ากลัวเหมือนหนังสยองขวัญสั่นประสาท
ตกใจ หวีดว้ายกับผีหรือซอมบี้ที่โผล่เข้ามา เพราะเรื่องนี้ ไม่มี
มีแต่คนกับธรรมชาติ สารเคมีเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์
เหมือนเช่นบนโลกของเราตอนนี้ มีแต่สารพิษเต็มไปหมด แต่ไม่มีใครนึกถึงหรอกว่าสารพิษในอากาศมันอาจไม่เลวร้ายกับการ
สารพิษที่สะสมอยู่ในต้นไม้ทุกต้น กระจายผ่านสายลม คุณคิดถึงมันไหม ไม่เลย ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าธรรมชาติจะฆ่าเราได้ ต้นไม้จะฆ่าเราได้

ลองไปดูกันเถอะ ออกจากโรงแล้วรึยังนะ ดูตั้งแต่วันแรกๆแล้ว

ฉากจบ มีรายการสัมภาษณ์ถ่ายทอดสด พูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น โดยมีผู้เชี่ยวชาญกับนักข่าว

ผู้เชี่ยวชาญ : เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนเป็นข้อความเตือนจากธรรมชาติ

นักข่าว : พวกเราจะเชื่อคุณแน่หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับทุกพื้นที่ที่ไม่ใช่เฉพาะเมืองของเราเท่านั้น

ถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราก็จะตื่นตระหนกตกใจ แต่ก็ไม่ตระหนักถึงมากมายนัก สุดท้าย นานไป ก็ลืมไป เกิดขึ้นก็คิดอีก แล้วก็แค่นั้น ไปดูกัน ก่อนที่จะสายไป รักโลกกันเถอะ

อืม ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบนะ เอ็มไนต์เขียนบทสร้างความกดดัน ความกลัวให้คนดูได้ คิดสิ ในเรื่องไม่มีสัตว์ประหลาดสักตัว ยังทำให้คนเรารู้สึกกลัว ขึ้นได้ แต่อย่างว่า อ่า บทหนังยังไม่ค่อยชี้นำประเด็นให้คนเชื่อในสิ่งที่เกิดสักเท่าไหร่