เกร็ดน่ารู้จาก Wanted
เกร็ดน่ารู้
- สร้างจากหนังสือนิยายภาพของ มาร์ก มิลลาร์
- เป็นภาพยนตร์ที่ตัวละครพูดภาษาอังกฤษเป็นเรื่องแรกของผู้กำกับชาวรัสเซีย ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ ผู้สร้างภาพยนตร์รัสเซียเรื่อง Night Watch (2004) และ Night Watch 2 (2006)
- คณะผู้บริหารที่ มาร์ก แพล็ตต์ โปรดักชันส์ อ่านเจอหนังสือการ์ตูนเล่มแรกของ มาร์ก มิลลาร์ และ เจจี โจนส์ เรื่อง Wanted และคิดอยากนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ จึงเริ่มมองหาผู้กำกับที่เหมาะสมกับงานนี้ แล้วพวกเขาก็เลือก ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ เนื่องจากชื่นชอบภาพยนตร์เรื่อง Night Watch (2004) ของเขา
- จิม เล็มลี่ย์ ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง เล่าว่าพวกเขาใช้เวลาเตรียมงานก่อนเปิดกล้องเป็นเวลา 2 ปี
- หนังสือการ์ตูน Wanted มีทั้งหมด 6 เล่มจบ ตอนที่ มาร์ก มิลลาร์ ผู้สร้างหนังสือการ์ตูนขายลิขสิทธิ์หนังสือของเขาให้ค่ายภาพยนตร์ยูนิเวอร์แซล เขากับ เจจี โจนส์ เพิ่งจะเขียนหนังสือเล่มที่ 2 ออกมาเสร็จ ดังนั้นขณะที่ มาร์ก เขียนหนังสือชุดนี้จบ ทางสตูดิโอก็เกือบจะเขียนโครงร่างบทชิ้นแรกเสร็จแล้ว
- มาร์ก มิลลาร์ คิดว่าหนังสือการ์ตูนและภาพยนตร์เป็นสิ่งที่แตกต่างกัน เขาจึงไม่ว่าอะไรหากภาพยนตร์จะแตกต่างจากหนังสือการ์ตูนมาก แต่เขาก็พอใจที่คณะผู้สร้างภาพยนตร์ยึดหนังสือการ์ตูนของเขาเป็นหลักอยู่ไม่น้อย โดยองก์แรกของบทภาพยนตร์จะเดินเรื่องตามสองบทแรกของหนังสือการ์ตูน และหลังจากนั้นจะฉีกแนวทางออกไป มาร์ก ตั้งข้อสังเกตว่า 40 นาทีแรกของภาพยนตร์เหมือนกับหนังสือแทบจะฉากต่อฉาก
- ฉากที่ มาร์ก มิลลาร์ ผู้สร้างหนังสือการ์ตูน ชอบมากเป็นพิเศษ คือฉากเปิดเรื่อง ที่จู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งก็เห็นจุดบนหัวของเขา เขาหยิบปืนออกมา กระโดดออกไปนอกหน้าต่าง และเริ่มวิ่งไล่ตามมือสังหาร มาร์ก ชอบฉากนี้ เนื่องจากผู้สร้างถ่ายทำตามหนังสือการ์ตูนแทบจะช่องต่อช่อง นอกจากนี้เขายังชอบ 2-3 ฉากที่เขาเคยวาดภาพเล่าเรื่องเพียงแค่ 2 ช่องเพราะพื้นที่ในหน้าหนังสือที่จำกัด แต่คณะผู้สร้างภาพยนตร์ได้ขยายเนื้อหาออกไปจนกลายเป็นฉากไล่ล่าที่ยิ่งใหญ่
- เจมส์ แมกอะวอย ผู้รับบท เวส หรือ เวสลี่ย์ กิ๊บสัน ยอมรับว่าเขาไม่ค่อยได้เห็นคนแบบตัวเองในบทต่อสู้แบบนี้ เพราะส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ เขาจึงดีใจที่คณะผู้สร้างเลือกคนที่มีรูปลักษณ์แบบเขามาทำงาน
- ผู้กำกับ ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ กล่าวว่าตามตำนานในกรีซ อิหร่าน จีน ฝรั่งเศส และรัสเซีย การทอผ้ามีบริบทที่ลี้ลับ การทอผ้าในภาพยนตร์เรื่องนี้คือสมดุลระหว่างความดีและความชั่ว
- แองเจลิน่า โจลี่ เล่าว่าตัวละคร ฟ็อกซ์ ที่เธอรับบท มีรหัสอยู่ที่แขนของเธอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอ่านลายผ้าจากเครื่องทอดวงชะตา และเธอมีรอยสักเขียนว่า จงรู้จักสิทธิของตัวเอง และอีกอันเขียนว่า ความเหน็ดเหนื่อยและคราบน้ำตา แม้ผู้ชมอาจไม่ทันได้สังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านั้น แต่ แองเจลิน่ามองว่ารายละเอียดเหล่านี้บ่งบอกว่า ฟ็อกซ์ เป็นตัวละครที่ใช้ชีวิตแบบยึดถือหลักการอย่างมีเกียรติ
- ก่อนหน้าที่ เทอเรนซ์ สแตมป์ จะมารับบทเป็น เพ็กวอร์ เขาเคยแสดงในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนมาก่อน ได้แก่ บทนายพลซ็อด ในเรื่อง Superman (1978) และ Superman II (1980) และบท วิลลี่ การ์วิน ในเรื่อง Modesty Blaise (1966)
- เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในชิคาโก้ แต่คณะผู้สร้างกลับถ่ายทำกันในกรุงปร้ากเป็นหลัก เพราะมีภาพยนตร์หลายเรื่องเข้ามาถ่ายทำกันในชิคาโก้ในเวลาเดียวกัน ทำให้พื้นที่ไม่พอ พวกเขาจึงต้องก่อสร้างฉากภายในอาคารขึ้นเพื่อถ่ายทำที่อื่น ผู้อำนวยการสร้าง มาร์ก แพล็ตต์ เล่าว่า ในปร้ากมีพื้นที่กว้างขวางเหลือเฟือ อีกทั้งอยู่ใกล้กับมอสโคว์ ซึ่งเป็นสถานที่สร้างงานเอฟเฟ็กต์
- ผู้กำกับ ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ เคยทำงานอยู่ในปร้ากมานาน 2 ปีก่อนที่จะกลับมาถ่ายทำเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับสถานที่ดี สามารถเลือกสถานที่ถ่ายทำต่างๆ ได้คล่อง
- ผู้ออกแบบงานสร้าง จอห์น ไมห์รี่ และผู้จัดการสถานที่ ไมเคิล ชาร์ป ร่วมกันสร้างตึก 3 ชั้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องทอดวงชะตาขึ้นที่โรงงานน้ำตาลเก่าที่สร้างขึ้นในปี 1914 และปิดตัวลงในปี 1956 หลังจากนั้นพื้นที่ในโรงงานยังเหลืออีกกว้างขวาง พวกเขาจึงสร้างฉากอื่นๆ ได้อีกถึง 5 แห่ง พื้นที่ทุกชั้นของโรงงานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคงมาก คณะผู้สร้างภาพยนตร์จึงสามารถใส่เครื่องไม้เครื่องมือที่หนักถึง 2 ตันครึ่งเข้าไปในฉากต่างๆ ได้
- รถไฟลอยฟ้าที่ชิคาโก้เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับ ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ ถ่ายทำฉากต่อสู้บนหลังคารถไฟ คณะผู้สร้างจึงสร้างหลังคารถไฟรูปตัวแอลขนาดเท่าของจริงขึ้นที่โรงถ่ายภาพยนตร์
- วาร์ย่า แอฟดียูชโก้ ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้เคยร่วมงานกับผู้กำกับ ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ มาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง Night Watch (2004) และ Day Watch (2006)
- เกลนน์ แชปแมน เป็นครูฝึกที่ช่วย เจมส์ แมกอะวอย เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการรับบทเป็น เวส โดย เกลนน์ ต้องเพิ่มน้ำหนักตัวให้ เจมส์ จาก 62 กิโลกรัม (137 ปอนด์) เป็น 74 กิโลกรัม (164 ปอนด์) ในช่วงเวลา 2 เดือนก่อนเปิดกล้อง และต้องให้เจมส์ออกกำลังกายหลายอย่าง ทั้งยกน้ำหนักและออกกำลังที่ใช้ความเร็ว เพื่อเพิ่มมัดกล้ามตามบท เวส จะต้องดูล่ำขึ้นพอประมาณ แต่ไม่มากมายจนดูเหลือเชื่อ ที่สำคัญกว่า คือ เจมส์ ต้องเรียนวิชาการต่อสู้ด้วย เพื่อให้สามารถกระโดดด้วยพลังต้นขาได้ในฉากต่อสู้
- ดาโต้ แบ็กห์ทัดซี่ ผู้รับบท เดอะ บุตเชอร์ ต้องฝึกซ้อมอย่างจริงจังนาน 2 อาทิตย์ เพื่อเตรียมตัวเข้าฉากต่อสู้ด้วยมีดกับ เจมส์ แมกอะวอย ที่รับบท เวส
- ฉากผาดโผนหลายฉากเป็นภาพซูเปอร์สโลว์โมชั่น ที่ถ่ายทำด้วยความเร็ว 150 เฟรมต่อวินาที ดังนั้นถ้าหมัดที่ปล่อยออกไปเข้าผิดเป้าหรือการล้มตัวลงดูเก้งก้างเกินไป ภาพที่ถ่ายออกมาจะเห็นความผิดพลาดเหล่านั้นชัดเจน จึงต้องมีการซ้อมแล้วซ้อมอีก จนกว่าทุกรายละเอียดจะออกมาสมบูรณ์แบบ
- โธมัส เคร็ตส์ชแมนน์ ผู้รับบทเป็น ครอสส์ รู้สึกกังวลที่เขามีเวลาฝึกใช้ปืนเพียง 1 สัปดาห์
- ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีอาวุธมากมายถึง 200 แบบ
- นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ตัวประกอบจำนวนมากก็ต้องฝึกฝนการใช้ปืนด้วยเช่นกัน เพื่อให้ทุกๆ ฝ่ายมีระดับความปลอดภัยสูงสุดขณะถ่ายทำ
- สถานที่ถ่ายทำที่เด่นๆ ในกรุงปร้าก ได้แก่ สนามกีฬาสตราฮอฟ ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีที่นั่งมากถึง 220,000 ที่นั่ง และยังมีปราสาทคริว็อกแล็ต ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงปร้ากไปทางตะวันตกเป็นระยะทาง 40 กิโลเมตร ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และถูกตกแต่งใหม่หลายครั้ง นอกจากนี้ยังมีรางรถไฟที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว และโรงงานไวน์เก่า เป็นต้น
- มือสังหารในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ยอดมนุษย์ แต่เมื่อหัวใจของพวกเขาเต้นแรงถึงระดับ 400 ครั้งต่อนาที พวกเขาจะเข้าโหมดมือสังหาร และจะมองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนกว่าคนทั่วไป เห็นโลกเคลื่อนที่ช้าๆ ทำให้มีเวลาตัดสินใจและลงมือทำมากขึ้น
- ผู้กำกับ ทิเมอร์ เบ็กแมมบีทอฟ มีบริษัทวิชวลเอฟเฟ็กต์ของตัวเองชื่อ บาซีเลฟส์ ในมอสโคว์ ซึ่งทำหน้าที่สร้างเอฟเฟ็กต์ให้กับเรื่องนี้ ทั้งทำงานภายในบริษัท รวมถึงดูแลงานเอฟเฟ็กต์นอกสถานที่ทั้งหมดด้วย
advertisement
วันนี้ในอดีต
- แจ๋วเข้าฉายปี 2004 แสดง พรชิตา ณ สงขลา, จารุภัส ปัทมศิริ, จารุณี บุญเสก
- TRON: Legacyเข้าฉายปี 2010 แสดง Garrett Hedlund, Olivia Wilde, Jeff Bridges
- รักที่รอคอยเข้าฉายปี 2009 แสดง รัชวิน วงศ์วิริยะ, พิษณุ นิ่มสกุล, ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ