เกร็ดน่ารู้จาก The Incredible Hulk
เกร็ดน่ารู้
- เพื่อให้ภาพยนตร์จากการ์ตูนในค่ายมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน มาร์เวล สตูดิโอส์ จึงให้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ มาปรากฏตัวในเรื่องนี้ โดยรับบทเป็น โทนี่ สตาร์ก ชื่อเดียวกับตัวละครนำจาก Iron Man (2008) ซึ่งเป็นภาพยนตร์จากการ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งของมาร์เวล
- ผู้กำกับ หลุยส์ เล็ตเตอร์ริเออร์ มองว่าเทคนิคพิเศษที่ใช้ใน Hulk (2003) ทำให้ ฮัลก์ ดูเหมือนชายตัวเขียวเรืองแสง ที่เหาะไปมาได้ ดูไร้น้ำหนักและดูแบนเรียบเกินไป เขาจึงอยากทำให้ ฮัลก์ ในภาคนี้ดูบึกบึนขึ้น น่ากลัวขึ้น ดูเป็นมนุษย์ มีพื้นผิวที่รู้สึกได้ มีผิวหนัง เส้นเลือด และดูยิ่งใหญ่
- เดิมทีภาคนี้จะต้องต่อเนื่องกับ Hulk (2003) แต่ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน เขียนบทขึ้นใหม่ให้ใกล้เคียงกับ The Incredible Hulk (1978) และใกล้เคียงกับที่ บรูซ โจนส์ เขียนไว้ในรูปแบบหนังสือการ์ตูน ดังนั้นภาพยนตร์ทั้งสองภาคจึงไม่ต่อเนื่องกันเลย แต่เป็นการเล่าซ้ำงานดั้งเดิมของ บรูซ ในรูปแบบการเล่าย้อนความแทน
- ก่อนหน้าจะมีการ์ตูนเรื่อง Hulk สแตน ลี เพิ่งเขียนหนังสือการ์ตูนเล่มแรกกับค่ายมาร์เวลจบ เรื่อง The Fantastic Four ที่ขณะนั้นยังไม่มีใครรู้จัก
- Hulk เป็นการ์ตูนของ สแตน ลี และ แจ็ก เคอร์บี้ ที่เปิดตัวครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ปี 1962 ในหนังสือการ์ตูนชุดของมาร์เวล คอมิกส์ ตัว Hulk เกิดจากการที่ สแตน คิดจะสร้างวีรบุรุษที่หน้าตาไม่ดีและแตกต่างจากคนอื่น โดย สแตน ได้แรงบันดาลใจมาจาก Frankenstein สัตว์ประหลาดที่ไม่ได้ต้องการจะทำร้ายใคร กับตัวละครครึ่งคนครึ่งสัตว์ประหลาดในนิยายของ โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเว่นสัน และในภาพยนตร์ของ รูเบน มามูเลียน เรื่อง Dr. Jekyll and Mr. Hyde (1931)
- นักเขียนการ์ตูน สแตน ลี ชอบให้ตัวละครของเขามีชื่อและนามสกุลขึ้นต้นด้วยอักษรตัวเดียวกัน เช่น บรูซ แบนเนอร์, ซู สตรอม, สก็อตต์ ซัมเมอร์ส, ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์
- หนังสือการ์ตูน Hulk ถูกยกเลิกไปในเดือนมีนาคม ปี 1963 หลังจากตีพิมพ์ออกมาได้ 6 ฉบับ จากนั้น ฮัลก์ เป็นดารารับเชิญในหนังสือการ์ตูน Fantastic Four เล่มที่ 12 และหลังจากนั้นไม่นาน เขากลายเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแรกของ ดิ อะเวนเจอร์ส โดยมีบทบาทอยู่ในสองฉบับแรกของหนังสือการ์ตูนดังเรื่องนี้ 2 ปีต่อมา ฮัลก์ ได้สู้กับไจแอ้นต์แมนในเรื่อง Tales to Astonish เล่มที่ 59 และเริ่มมีเรื่องราวของเขาเองในหนังสือการ์ตูนฉบับถัดมา
- ปี 1968 ตัวละคร ฮัลก์ เป็นที่นิยมมาก จึงกลายเป็นตัวเอกในหนังสือการ์ตูน Tales to Astonish แล้วผู้สร้างก็เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น The Incredible Hulk และตีพิมพ์ออกมาอย่างต่อเนื่องจนถึงฉบับที่ 474 ยุติการตีพิมพ์ในปี 1999 และต่อมาถูกปรับโฉมและเปิดตัวใหม่อีกครั้งในหนังสือการ์ตูนชุดใหม่ชื่อ The Hulk และเมื่อหนังสือตีพิมพ์ออกมาถึงฉบับที่ 12 ก็เปลี่ยนชื่อกลับไปเป็น The Incredible Hulk อีกครั้ง
- ทีมงานเห็นพ้องกันว่าผู้ที่เหมาะจะมากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือผู้กำกับชาวฝรั่งเศส หลุยส์ เลแตร์รีเย่ร์ เพราะทุกคนชอบผลงานในอดีตของ หลุยส์ ซึ่งล้วนเป็นภาพยนตร์ต่อสู้ เช่น Transporter (2002), Transporter 2 (2005) และ Unleashed (2005)
- ผู้กำกับ หลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ เติบโตมาในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ซึ่งมีแต่การ์ตูนของฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม เขาจึงไม่ได้อ่านการ์ตูนของมาร์เวล เขารู้จัก The Hulk จากละครโทรทัศน์ในยุค 70 ซึ่งเป็นที่นิยมมากในฝรั่งเศส หลุยส์ ชื่นชอบการแสดงของ บิลล์ บิกซ์บี้ ที่รับบทเป็น บรูซ แบนเนอร์
- เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ชื่นชอบผู้กำกับ หลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ หลังจากที่เขาได้พูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยกัน เพราะทั้งสองคนมีความสนใจคล้ายๆ กัน หนึ่งในนั้นคือการใช้กล้องโดยใช้มือถือถ่าย (ไม่ได้ใช้อุปกรณ์พยุงกล้อง) เนื่องจาก หลุยส์ ไม่ได้คิดจะสร้างภาพออกมาให้ดูสมบูรณ์แบบ แต่ต้องการความรู้สึกวุ่นวาย
- ตัวละครนายพลแธ็ดเดียส รอสส์ เป็นตัวละครฝ่ายร้ายที่สำคัญ และเป็นพ่อของ เบ็ตตี้ ซึ่งรับบทโดย ลิฟ ไทเลอร์ เนื่องจาก ลิฟ ตัวสูง ทีมงานจึงหานักแสดงที่รูปร่างใหญ่มารับบทนายพล ผู้กำกับ หลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ ต้องการคนที่มีลักษณะที่หาได้ยาก เป็นคนที่ผู้ชมไม่คาดคิด และเป็นคนที่ไม่เคยรับบทแบบนี้มาก่อน แล้วเขาก็เลือก วิลเลียม เฮิร์ต
- ตัวละคร ฮัลก์ สามารถเปลี่ยนร่างกลับไปเป็น บรูซ แบนเนอร์ ได้ เมื่ออดรีนาลีนที่ไหลผ่านเส้นเลือดของเขาลดปริมาณลง แต่ตัวละคร อะบอนิเมชั่น ไม่สามารถกลับมาเป็น เอมิล บลอนสกี้ คนเดิมได้ ร่างกายของเขามีปฏิกิริยากับรังสีจนกลายพันธุ์ไปเป็นสัตว์ประหลาดที่มีกระดูกสันหลังและแนวกระดูกอื่นๆ โผล่ทะลุออกมานอกร่าง ซึ่งเขาใช้เป็นอาวุธเสียบใส่ศัตรู ผิวหนังของเขากลายเป็นสีเขียวซีด และมีพลังมากกว่า ฮัลก์
- เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน เป็นคนแนะนำทีมงานให้ผู้ที่มารับบท เลนนาร์ด เป็น ไท เบอร์เรลล์ นักแสดงชายที่ เอ็ดเวิร์ด เคยร่วมงานด้วยในปี 2003 ในละครนอกบรอดเวย์ของแลนฟอร์ด วิลสัน เรื่อง Burn This
- ตัวละคร เลนนาร์ด ที่รับบทโดย ไท เบอร์เรลล์ ได้ชื่อ เลนนาร์ด มาจากชื่อนายแพทย์ชื่อดังที่พยายามรักษา บรูซ แบนเนอร์ ขณะที่ช่วยชีวิต เบ็ตตี้ หลังจากที่เธอต้องเผชิญหน้ากับ แซนด์แมน ศัตรูของ สไปเดอร์แมน เลนนาร์ดในการ์ตูนเรื่องนั้น ศึกษาเรื่องเทคโนโลยีรังสีแกมม่า ซึ่งทำให้เขากลายเป็น ด็อก แซมสัน ที่มีส่วนสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว น้ำหนัก 380 ปอนด์ แต่ เลนนาร์ด ในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
- ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ส่วนใหญ่ ใช้นักแสดงใส่ชุดฮีโร่ แล้วใช้เทคนิคซีจีไอทำให้พวกเขาบินได้ ไต่ไปตามไย ยืดหดกรงเล็บที่แข็งราวกับเพชร หรือเดินทะลุกำแพงได้ แต่ ฮัลก์ นั้นต้องสร้างขึ้นมาด้วยเทคนิคซีจีล้วนๆ
- ในตอนแรก สแตน ลี ผู้สร้าง ฮัลก์ ในรูปแบบการ์ตูนออกแบบให้ ฮัลก์ เป็นสีเทา เพราะเขายังไม่เคยเห็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวไหนหรือผู้ร้ายตัวไหนที่มีผิวสีเทามาก่อน แต่เมื่อหนังสือการ์ตูนเล่มแรกออกวางแผง แท่นพิมพ์มีปัญหาในการพิมพ์สีเทาอย่างมาก เขาจึงเปลี่ยนเป็นสีเขียว เพราะเป็นสีผิวที่เห็นได้ไม่บ่อยเช่นกัน
- ทีมผู้สร้างภาพซีจีไอ พยายามทำให้ ฮัลก์ มีขนาดเท่าเดิมตลอดทั้งเรื่อง พวกเขาเลือกส่วนสูง 9 ฟุต ที่ทำให้ ฮัลก์ สามารถที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ธรรมดาได้ โดยที่คนดูยังเชื่อว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ
- ตามที่ผู้สร้างของ มาร์เวล คอมิคส์ จินตนาการเอาไว้ทีแรก อะบอนิเมชั่น คืออดีตสายลับเคจีบีของโซเวียต ยูโกสลาเวียที่เกิดการกลายพันธุ์ไปเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีส่วนสูง 6 ฟุต 8 นิ้ว หนัก 980 ปอนด์
- แรงจูงใจที่ตัวละคร บรูซ แบนเนอร์ ใช้สู้กับ อะบอนิเมชั่น คือความรู้สึกผิด เพราะ อะบอนิเมชั่น เกิดจากการฉีดเลือดที่เปื้อนรังสีของ บรูซ แบนเนอร์ ลงไปในตัว
- อะบอมิเนชั่น ในหนังสือการ์ตูนมีหน้าตาคล้ายๆ งู แต่ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการให้ตัวละครตัวนี้มีลักษณะคล้ายกับ ฮัลก์ ที่กลายพันธุ์ไปอีกขั้น พวกเขาจึงให้กระดูกของเขางอกออกมานอกร่างกาย ส่วนหัว หน้าอก และหลังดูแข็ง กระดูกสันหลังงอกโผล่ออกมาจากผิวหนัง และมีมือตะปุ่มตะป่ำขนาดใหญ่ เขาสูง 11 ฟุต สูงกว่า ฮัลก์ อยู่ 2 นิ้ว หนึ่งก้าวของ อะบอมิเนชั่น จะยาวประมาณ 5-10 ฟุต เขาสามารถวิ่งด้วยความเร็วสบายๆ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง ทว่าก็ยังคงมีหูแหลมเช่นรูปลักษณ์ดั้งเดิมจากในหนังสือการ์ตูน
- เคิร์ต วิลเลียมส์ ที่ปรึกษาด้านวิชวลเอฟเฟ็กต์เล่าว่า ฮัลก์ มีลักษณะการเคลื่อนไหวในแนววนเป็นวงกลม และตั้งรับมาก ถ้าใครผลัก ฮัลก์ เขาอาจจะก้าวถอยหลังกลับไปสักประเดี๋ยว ถึงจะวิ่งกลับเข้าใส่ ถ้าเขาล้ม เขาจะกลิ้งตัวไป กระโดดลุกขึ้น และเดินกลับไปต่อสู้อีกรอบ แต่ถ้าใครผลัก อะบอมิเนชั่น เขาจะไม่เคลื่อนไหวมากนัก แต่จะตรงเข้าซัดหน้าอีกฝ่ายเลย หาก อะบอมิเนชั่น ล้ม จะเป็นแบบล้มหงายหลังลง แล้วกระโดดผลึงขึ้นมา และโต้ตอบกลับทันที
- เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน และ ทิม ร็อธ ต้องถูกทาตัวด้วยสีอินฟราเร็ด จากนั้นทีมงานจะใช้กล้องอินฟราเรด 37 ตัวถ่ายภาพนักแสดงสองคนนี้เอาไว้เพื่อจับการแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา ทั้งหมดนี้คือเทคนิคไซเบอร์สแกนที่เรียกว่า โมว่า
- นักแสดงที่มีบทเข้าฉากกับตัวละครซีจีไอมากที่สุด คือ ลิฟ ไทเลอร์ ในบท เบ็ตตี้ รอสส์ และ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ในบท บรูซ แบนเนอร์ บางครั้ง เอ็ดเวิร์ด ต้องขึ้นไปยืนบนกล่องเพื่อแสดงกับ ลิฟ ทุกคนต้องร่วมมือกันทำให้ ลิฟ จินตนาการภาพ ฮัลก์ ที่อยู่ในฉากเดียวกับเธอให้ได้มากที่สุด เธอเคยถูกแบกโดยแขนกลของจริง แล้วก็เปลี่ยนเป็นใช้ผู้ชายตัวใหญ่มาอุ้ม จากนั้นทีมงานก็เปลี่ยนให้ใช้ผู้ชายสองคน เพราะว่าลำตัวของ ฮัลก์ มีขนาดใหญ่มาก
- ผู้กำกับ หลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ เรียกอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในกองถ่ายว่า ฮัลก์คิเนเตอร์ มันคือแผ่นกระดาษสีเขียวใหญ่ยักษ์ กับภาพจำลองสีเขียวที่ทำจากพลาสติก มีตาติดเอาไว้ด้านบน ใช้แทนตัว ฮัลก์ เวลาที่นักแสดงต้องเข้าฉากร่วมกับ ฮัลก์
- การถ่ายทำภาพยนตร์ The Incredible Hulk เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม ปี 2007 ใช้เวลาถ่ายทำนาน 88 วัน โดยเริ่มต้นจากโตรอนโต้ และไปสิ้นสุดช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนใน ริโอ เดอ จาเนโร เนื่องจากผู้สร้างต้องการให้ บรูซ แบนเนอร์ ซึ่งรับบทโดย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน เป็นพระเอกที่กำลังหลบหนีจากสังคมไปทั่วโลก
- คณะผู้สร้างถ่ายทำหลายฉากในบราซิล โดยเฉพาะใน ทาวาเรส บาสโตส เมืองแออัดบริเวณเชิงเขา ที่มีตรอกแคบๆ และเส้นทางสูงชันที่เป็นฉากหลังในตอนต้นเรื่อง ช่วงที่ตัวละคร บรูซ แบนเนอร์ พยายามหนีให้พ้นจากหน่วยทหารพิเศษของนายพลรอสส์ นอกจากนี้ยังถ่ายทำในจุดอื่นๆ ของเมือง เช่น ย่านลาปาและซานตาเทเรซ่าอันเก่าแก่ ป่าทิจูก้า ซึ่งเป็นป่าฝนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นต้น
- สถานที่อื่นๆ นอกจากบราซิลและโตรอนโต้ที่คณะผู้สร้างไปถ่ายทำ ได้แก่ ฐานทัพอากาศแคนาเดี้ยนในเทรนตัน ในออนตาริโอ และที่ธารน้ำแข็งในเบลลา คูล่า ในบริติช โคลัมเบีย
- ผู้กำกับ หลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ มักจะนั่งกำกับอยู่บนเทคโนเครนที่มีความสูง 15, 30 และ 50 ฟุต พร้อมด้วยแขนเทเลสโคป ซึ่งเครนนี้เป็นอุปกรณ์ช่วยเวลาที่ใช้กล้องแบบแบกขึ้นบ่า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ หลุยส์ ชื่นชอบ เขาชอบภาพที่ได้จากกล้องที่เคลื่อนไหว และเครนนี้ยังช่วยให้ได้ภาพแทนสายตา ฮัลก์ เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น ฮัลก์ เพราะเครนทำให้ได้ภาพที่เหมือนว่าผู้ชมวิ่งได้เร็วเท่า ฮัลก์ ตัวสูงเท่า ฮัลก์ และเห็นภาพเหมือนที่สายตาของ ฮัลก์ เห็น
- เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ผู้รับบทเป็น บรูซ แบนเนอร์ รณรงค์เรื่องสภาพแวดล้อมมานานแล้ว และตัวเอกอย่าง ฮัลก์ ก็มีผิวสีเขียว คณะผู้สร้างจึงเห็นพ้องกันว่าจะใช้โอกาสนี้รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยปฏิบัติตามแผนการลดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมขณะถ่ายทำภาพยนตร์ เช่น งดใช้กระดาษหรือใช้กระดาษใช้แล้วให้มากที่สุด ใช้สบู่และน้ำยาทำความสะอาดที่ย่อยสลายโดยไม่เป็นพิษต่อธรรมชาติ และติดตั้งถังใส่ขยะย่อยสลายได้ตามจุดต่างๆ
- ทุกแผนกในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมใจกันรักษาสิ่งแวดล้อม แผนกขนส่งใช้ยานพาหนะระบบไฮบริด ใช้น้ำมันดีเซลซัลเฟอร์ต่ำ และห้ามติดเครื่องรถจอดทิ้งไว้ แผนกก่อสร้างใช้ไม้สนเหลืองในท้องถิ่น โดยเฉพาะไม้สนที่ใช้แล้ว แผนกศิลปกรรมใช้สีที่มีค่าวีโอซีต่ำ และนำถังสีไปมอบให้กับศูนย์กลางรวบรวมขยะ แผนกเสบียงใช้พืชผักที่ปลูกเอง ใช้ถุงผ้า ใช้ภาชนะใส่อาหารแบบย่อยสลายได้ แจกถ้วยสเตนเลสให้กับทุกคนในกองถ่าย จ้างคนให้มาขนขยะออกจากทุกพื้นที่ที่ถ่ายทำ พร้อมทั้งนำขยะกลับไปใช้ใหม่ และแผนกเสียงใช้แบ็ตเตอรี่แบบชาร์จไฟใหม่ได้
- เดิมทีผู้กำกับ หลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ สนใจที่จะกำกับเรื่อง Iron Man (2008) แต่ จอน แฟบโร เป็นคนได้กำกับเรื่องนั้นไป ผู้อำนวยการสร้าง อาวิ อาราด จึงเสนอให้ หลุยส์ กำกับเรื่องนี้
- ทิม ร็อธ รับแสดงเป็น เอมิล บลอนสกี้ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะเขาชอบ The Incredible Hulk (1978) และลูกชายของเขาชอบหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้
advertisement
วันนี้ในอดีต
Black Swanเข้าฉายปี 2011 แสดง Natalie Portman, Mila Kunis, Winona Ryder
Fasterเข้าฉายปี 2011 แสดง Dwayne Johnson, Oliver Jackson-Cohen, Carla Gugino
True Gritเข้าฉายปี 2011 แสดง Jeff Bridges, Hailee Steinfeld, Matt Damon
เกร็ดภาพยนตร์
- San Andreas - ซานแอนเดรส เป็นชื่อของรอยเลื่อนที่พาดผ่านพื้นที่ส่วนใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวได้ทำนายไว้หลายปีแล้วว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่แคลิฟอร์เนียเพราะรอยเลื่อนนี้ อ่านต่อ»
- Spy - มีการใช้ศิลปะการต่อสู้ของฟิลิปปินส์ในฉากต่อสู้ เมลิสซา แม็กคาร์ธี ผู้รับบท ซูซาน ฝึกศิลปะการต่อสู้กาลีกับ ไดอานา ลี อีโนซันโต อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
สีดา ตำนานรักโลงคู่
เรื่องจริงของโศกนาฎกรรมความรักของ ประโนตย์ (กฤษฎิ์สพล สุทธิหิรัญดำรงค์) ผู้ชายที่มีจิตใจเป็นหญิง หน้าตาสะสวยที่เติบโตมา...อ่านต่อ»