SIAMZONE.COM

ในปี 1585 หลังปกครองอังกฤษมานานเกือบสามทศวรรษ ราชินีอลิซาเบธที่ 1 (เคต แบลนเช็ตต์) ยังต้องเผชิญหน้ากับความกำเริบทะเยอทะยานหวังชิงราชบัลลังก์ และการคุกคามอันเนื่องมาจากการทรยศในราชวงศ์ แนวคิดของกลุ่มแคธอลิกหัวโบราณกระจายไปทั่วยุโรปในศตวรรษที่ 16 โดยมีพระเจ้าฟิลิปที่ 2 (จอร์ดี้ มอลล่า) จากสเปน เป็นหัวหอก โดยได้รับการหนุนหลังจากศาสนจักรในโรมและศาลที่จัดตั้งโดยศาสนจักรโรมันแคธอลิก

พระเจ้าฟิลิปพร้อมด้วยกองทัพอันทรงพลานุภาพและขบวนเรือรบที่ครอบครองน่านน้ำ จึงกลายเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อราชินีอลิซาเบธและประเทศอังกฤษ องค์กษัตริย์ผู้เคร่งครัดมุ่งมั่นที่จะขับไล่พวกนอกรีตโปรแตสแตนท์ออกจากบัลลังก์และกู้อังกฤษให้กลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ ซึ่งหมายถึงความเป็นศาสนจักรโรมันแคธอลิก

ขณะเตรียมทำศึกเพื่อปกป้องบัลลังก์ อลิซาเบธยังต้องดิ้นรนเพื่อรักษาสมดุลระหว่างหน้าที่ตามจารีตเชื้อพระวงศ์โบร่ำโบราณ และความอ่อนไหวอันเนื่องมาจากความรักที่คาดไม่ถึงที่พระนางมีต่อราเลกห์ (ไคลฟ์ โอเว่น) ถึงแม้สถานะเขาจะเป็นเพียงสามัญชน ซึ่งยังคงเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับทั้งกายและใจขององค์ราชินี ทั้งไม่สามารถและไม่เต็มใจที่จะทำตามความปรารถนาของตน พระนางเจ้าอลิซาเบธจึงสนับสนุนให้ เบสส์ (แอ็บบี้ คอร์นิช) นางสนมคนโปรด ผูกไมตรีกับราเลกห์ และเก็บเขาเอาไว้ใกล้ๆ ตัว

ช่างเป็นแผนการที่เจ็บปวดอะไรเช่นนี้ เมื่อเอลิซาเบธต้องประสบพบเห็นการเกี้ยวพาราสีของทั้งคู่ โดยที่พระนางไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเฝ้าดูความใกล้ชิดที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างสองคนนั้น พระนางไม่เพียงแต่มองเห็นจิตวิญญาณที่เฉลียวฉลาดพอกันในตัวราเลกห์ผู้รักการผจญภัย แต่ยังทรงเห็นถึงแผ่นดินอันไกลโพ้น โลกที่ยังไม่ผ่านการสำรวจ อิสรเสรีภาพเหลือคณานับ หลังจากตัดสินใจให้เบสส์มาแทนที่ตัวเอง พระนางถูกบีบให้ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างความเป็นผู้หญิงและความเป็นราชินี

ที่ปรึกษาคู่ใจของเอลิซาเบธ เซอร์ฟรานซิส วอลซิงแฮม (เจฟฟรีย์ รัช) ยังคงวางเกมอันแสนฉลาดเพื่อดูแลความเป็นไปในราชสำนัก รวมถึงแผนการของราชินีเอลิซาเบธเพื่อสร้างฐานอำนาจที่เป็นปึกแผ่นมั่นคง ต่อมาวอลซิงแฮมได้ข่าวจากสายวงในและได้เปิดโปงแผนการลอบปลงพระชนม์ที่หวังจะโค่นล้มบัลลังก์ แต่เมื่อเขาเผยให้เห็นโฉมหน้าของผู้ทรยศ ซึ่งอาจรวมถึงตัว แมรี่ สจ๊วร์ต (ซาแมนธา มอร์ตัน) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระนางเจ้าอลิซาเบธ เขาได้ทำให้อังกฤษต้องเผชิญหน้ากับหายนะโดยไม่รู้ตัว

It is 1585 and, having reigned over England for nearly three decades, Queen Elizabeth I (Blanchett) continues to face bloodlust for her throne and the lingering threat of familial betrayal. A channel away, a destructive wind of fundamentalist Catholicism blows across 16th century Europe, with Spain's Philip II (Jordi Molla), its figurehead.

Backed by the Church in Rome and armed with the Inquisition, Philip—with his powerful army and sea-dominating armada—presents an imminent threat to Queen and Country...the dark and pious king is determined to wrest the Protestant heretic from the throne and restore England to the glory that is the Roman Catholic Church.

Preparing to go to war to defend her empire, Elizabeth also struggles to balance ancient royal duties with an unexpected vulnerability in her love for Raleigh—despite his status as a commoner—who remains forbidden for a Queen sworn body and soul to her country. Unable and unwilling to pursue her passion, Elizabeth encourages her favoured lady-in-waiting, Bess (Abbie Cornish), to befriend Raleigh and keep him near.

But such a strategy places Elizabeth at the centre of their courtship, where she has no choice but to observe their growing intimacy. In the dashing and adventurous Raleigh, she sees not only an intellectual and spirited equal, but also a clarion of lands beyond, the unexplored globe, infinite...freedom. By electing Bess to take her place, she is ultimately forced to make the anguishing choice between being a woman and being a Queen.

And as she charts her course abroad, Elizabeth's trusted advisor, Sir Francis Walsingham (Geoffrey Rush), continues his masterful puppetry of her court at home—and her campaign to solidify absolute power.

Through an intricate spy network, Walsingham uncovers an assassination plot that could topple the throne. But as he unmasks traitors that may include Elizabeth's own cousin Mary Stuart (Samantha Morton), he unknowingly sets England on a course of destruction.