เกร็ดน่ารู้จาก Breach
เกร็ดน่ารู้
- ได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในองค์กรรักษาความมั่นคงของชาติที่ทำหน้าที่เหมือนหน้าด่านเฝ้าประตูทางเข้าและผู้ดูแลความลับสุดยอดของประเทศ ซึ่งก็คือ สำนักงานสืบสวนกลาง หรือที่รู้จักกันในนาม เอฟบีไอ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้าโศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2001 เพียงไม่กี่เดือน จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่เอฟบีไอชายหญิงกว่า 500 คนอย่างต่อเนื่องโดยทีมสืบสวนพิเศษ วันที่ 18 กุมภาพันธ์ของปีนั้น เจ้าหน้าที่พิเศษ โรเบิร์ต แฮนส์เซ่น ก็ถูกจับกุมข้อหาจารกรรม
- เมื่อลาออกจากเอฟบีไอ เอริก โอนีล ตัวจริงได้เล่าประสบการณ์การทำงานและความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ โรเบิร์ต แฮนส์เซ่น ให้ เดวิด ผู้เป็นน้องชายฟัง ซึ่ง เดวิด บอกว่าเรื่องนี้น่าติดตามและสามารถนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ เอริก จึงติดต่อไปยังเอฟบีไอและได้รับอนุญาตให้นำเรื่องราวดังกล่าวไปสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ จากนั้นผู้อำนวยการสร้าง บ็อบบี้ นิวไมเยอร์ และ สก็อตต์ สตรอสส์ แห่งบริษัท Outlaw Productions ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องราว ร่วมกับ เอริก หาทีมเขียนมาขัดเกลาเรื่องราวให้เป็นบทภาพยนตร์ ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ได้ตัว อดัม เมเซอร์ และ วิลเลี่ยม ร็อตโก มา
- ภาพยนตร์เรื่อง Shattered Glass ปี 2003 ถ่ายทอดเรื่องราวที่มาจากชีวิตจริงของนักข่าวชื่อ สตีเว่น กลาส ทำให้ บิลลี่ เรย์ ถูกเลือกให้ผู้กำกับและหนึ่งในผู้เขียนบทเรื่องนี้
- ผู้กำกับ บิลลี่ เรย์ ให้ เอริก โอนีล มีส่วนร่วมในงานสร้างทุกขั้นตอน ตั้งแต่แก้ไขบทภาพยนตร์จนถึงการนำมันขึ้นจอ และในการคัดเลือกนักแสดง บิลลี่ ได้ให้ เอริก มาเป็นผู้ร่วมคัดเลือก จนกระทั่งออกความเห็นให้ ไรอัน ฟิลลิปเป้ และ คริส คูเปอร์ มารับบทนำนั่นเอง
- ทีมงานฉากของเรื่องได้รับอนุญาตให้เก็บรายละเอียดและสำเนาป้ายสัญลักษณ์ทุกป้าย ป้ายชื่อทุกแผ่น และอื่นๆ ไล่มากระทั่งโปสเตอร์ภาพยนตร์เอฟบีไอเก่าๆ ที่ติดไว้ในโรงอาหาร ซึ่งก็ทำให้ฉากที่ออกมาเหมือนจริงมาก
- เพื่อช่วยให้ทีมงานสร้างฉากจับกุมได้อย่างถูกต้อง เอฟบีไอได้ส่งเทปการจับกุมของจริงมาให้ทีมงานดู และยังส่งเจ้าหน้า 2 คนที่อยู่ในทีมบุกจับ โรเบิร์ต แฮนส์เซ่น มาให้ข้อมูลแก่นักแสดงและทีมงานด้วย เพื่อให้รายละเอียดทุกท่วงท่าออกมาถูกต้องแม่นยำ แม้แต่ท่าใส่กุญแจมือ โรเบิร์ต ก็ยังไม่ผิดเพี้ยน
- บิลลี่ เรย์ ตัดสินใจเข้ามากำกับและเขียนบทเรื่องนี้ เพราะเขาชอบเรื่องราวเกี่ยวกับการหลอกลวงหรือตัวละครที่มีชีวิต 2 ด้าน คือ ชีวิตด้านนอกและชีวิตด้านในที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
- บิลลี่ เรย์ ต้องการให้ คริส คูเปอร์ มารับบทนำตั้งแต่แรก เพราะ คริส เปรียบเหมือนตัวแทนของ โรเบิร์ต แฮนส์เซ่น เขาสามารถถ่ายทอดด้านมืดของตัวละครออกมาได้ โดยยังคงความเป็นมนุษย์อยู่
- คริส คูเปอร์ เผยว่าที่ตัดสินใจรับบทนี้ ก็เพราะความชาญฉลาดของบทภาพยนตร์ ความซับซ้อนของตัวละคร และบทภาพพยนตร์ที่เขียนขึ้นอย่างปราณีต
- นอกจาก ไรอัน ฟิลิปเป้ ตกลงรับบท เอริก โอนีล เพราะโครงการภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างมาจากเรื่องจริงแล้ว เขายังคิดอีกด้วยว่านี่คือโอกาสดีที่จะได้แสดงเคียงบ่าเคียงไหล่ กับนักแสดงคุณภาพอย่าง คริส คูเปอร์
- ผู้อำนวยการสร้าง สก๊อตต์ สตรอสส์ ดีใจที่ ไรอัน ฟิลลิปเป้ ตกลงแสดงเรื่องนี้ เพราะเขาเป็นนักแสดงที่ เอริก โอนีล พระเอกตัวจริงในคดีนี้ ปลื้มสุดๆ
- คริส คูเปอร์, ไรอัน ฟิลลิปเป้ และผู้กำกับ บิลลี่ เรย์ ใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ในการนั่งแจกแจงรายละเอียดของฉากต่างๆ และพูดคุยกันเรื่องตัวละคร จากนั้นอีก 4 วันก็พา เอริก โอนีล เข้ามาปรึกษาลงลึกถึงรายละเอียดและบทสนทนา
- เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันคาธอลิก ที่ก่อตั้งโดยนักบุญโจสมาเรีย เอสคริว่า ชื่อ โอปุสเดอี นิกายที่ภรรยาของ โรเบิร์ต แฮนส์เซ่น ชักชวนให้เขาเข้าร่วม จนสุดท้ายได้กลายมาเป็นโฆษก ประจำโบสถ์ไปในที่สุดนั้น และด้วยความกังวลว่าทางกองถ่ายจะเสนอภาพของโบสถ์ออกมาอย่างไร ทางโบสถ์จึงส่งตัวแทนจากอีสต์โคสต์จำนวน 2 คนมายังลอสแองเจลิส เพื่อพูดคุยกับทีมงาน ทำให้ผู้กำกับ บิลลี่ เรย์ ไม่ต้องดั้นด้นไปค้นคว้าเรื่อง โอปุสเดอี เอง
- มีสถานที่สำคัญหลายแห่งใน วอชิงตัน ดีซี ที่ทำฉากเลียนแบบขึ้นมาไม่ได้ เช่น อาคารเอฟบีไอ กระทรวงยุติธรรม แม่น้ำโพโตแมก และอนุสาวรีย์ประธานาธิบดีลินคอล์น แม้สภาพอากาศช่วงเดือนกุมภาพันธ์จะไม่แน่นอน แต่ผู้กำกับก็ยืนยันจะถ่ายทำในช่วงเดือนเดียวกับเหตุการณ์จริง
- ทีมงานได้รับเกียรติให้เข้าไปถ่ายทำในอาคารสำนักงานของเอฟบีไอ ซึ่งปกติจะห้ามไม่ให้คนนอกเข้า้ แม้แต่บริเวณสำคัญภายในตึก รวมทั้ง เอฟบีไอพลาซ่า (โถงกลางภายในตึกเอฟบีไอฮูเวอร์) และล็อบบี้ฮูเวอร์ที่ไม่เคยอนุญาตให้กองถ่ายไหนเข้าไปถ่ายทำมาก่อน
- อาคารสำนักงานใหญ่ของเอฟบีไอ มีสถาปัตยกรรมที่เป็นรูปแบบเฉพาะตัว ซึ่งยากจะเลียนแบบ คือ ด้านหนึ่งมี 7 ชั้น อีกด้านหนึ่งมี 11 ชั้น ออกแบบมาเพื่อให้คนหลงทาง ทำให้วันแรกที่ เอริก โอนีล เข้าไปทำงานถึงกับหลง ในตัวภาพยนตร์เองก็ไม่ลืมที่จะใส่รายละเอียดนี้เช่นกัน
- ตามโถงทางเดินของสำนักงานเอฟบีไอที่เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ มักจะเห็นโปสเตอร์ที่บอกชื่อ และรูปถ่ายหน้าตาของสายลับแต่ละคนที่โดนจับ พร้อมกับคำบรรยายเกี่ยวกับอาชญากรรมที่พวกเขาก่อ รวมถึงบอกระยะเวลาที่ต้องชดใช้ในเรือนจำ รูปเหล่านี้มีอยู่จริงในอาคารสำนักงานเอฟบีไอ รวมถึงรูปของ โรเบิร์ต แฮนส์เซ่น
- หลังฉากเปิดตัวผ่านไป จะมีรหัสโผล่ขึ้นมาให้เห็นอย่างรวดเร็วและลดขนาดลงมาเป็นชื่อเรื่อง รหัสที่เป็นตัวเลื่อนนี้คือระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบจัดเก็บฐานข้อมูลอย่าง ยูนิกส์ วินโดว์ และ โนเวลล์
- เอริก โอนีล เคยให้สัมภาษณ์ว่า โรเบิร์ต แฮนส์เซ่น ตัวจริงนั้นหลงใหลได้ปลื้มดาราสา่ว แคเธอรีน ซีต้า โจนส์ อย่างมาก ซ้ำยังเคยดูภาพยนตร์ที่เธอแสดงขณะอยู่ในเวลางาน ทั้งนี้จึงมีภาพ แคเธอรีน ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Lone Survivorเข้าฉายปี 2014 แสดง Mark Wahlberg, Taylor Kitsch, Emile Hirsch
- The School of Rockเข้าฉายปี 2004 แสดง Jack Black, Mike White, Joan Cusack
- มหัศจรรย์...พันธุ์รักเข้าฉายปี 2004 แสดง ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์, รัฐพร วัฒนสมบัติ, สุชาญา ไกรสุวรรณ
เกร็ดภาพยนตร์
- Still Alice - ตอนที่ได้อ่าน Still Alice ฉบับหนังสือครั้งแรก ริชาร์ด แกลตเซอร์ และ วอช เวสต์มอร์แลนด์ ผู้กำกับทั้งสองคนรู้สึกว่าเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับโรคสมองเสื่อมชนิดเกิดเร็วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ริชาร์ด ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเอแอลเอส ที่เป็นสาเหตุให้พูดแล้วลิ้นพันกัน ซึ่งเป็นทำให้ทั้งสองคนต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เหมือนตัวละคร อลิซ ที่แสดงโดย จูเลียนน์ มัวร์ อ่านต่อ»
- Song One - สก็อตต์ อาเวตต์ จากวง ดิ อาเวตต์ บราเธอร์ส เคยมาทดสอบบท เจมส์ โดย สก็อตต์ เล่าว่า เขาอ่านบทกับ แอนน์ แฮตธาเวย์ ผู้รับบท แฟรนนี ในฉากสะเทือนอารมณ์ และ แอนน์ เริ่มน้ำตาคลอ ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้ พระเจ้า เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร และมันก็ชัดเจนเลยว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ซึ่งภายหลังบท เจมส์ นี้ก็ตกเป็นของ จอห์นนี ฟลินน์ อ่านต่อ»