SIAMZONE.COM

ดำ-เทา-ขาว

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมรักผู้กำกับ Ridley Scott มาก เช่นกันกับผู้กำกับมากฝีมืออีกหลายคน ดังนั้นความรู้สึกที่ผมได้รับจากหนังเรื่องนี้จึงเป็นด้านบวก ในระดับที่สูงมากกว่าปกติ

ภาพยนตร์เีรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ Frank Lucas ผู้ค้ายาผิวสีและ Richie Roberts นายตำรวจตกอับ รับบทโดยสองนักแสดงคุณภาพอย่าง Denzel Washington และ Russell Crowe ตลอดทั้งเรื่องตัวละครหลักทั้งสองแทบจะไม่ได้เผชิญหน้ากันโดยตรง จนมาในช่วงท้าย หนังวางรายละเอียดและเล่าเรื่องอย่างไม่เร่งรีบ สิ่งหนึ่งที่ผมต้องยอมรับคือในช่วงแรกหนังค่อนข้างดูยากเพราะใช้บทสนทนาในการดำเนินเรื่องและกว่าที่จะสตาร์ทติดก็ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งเป็นปกติของหนัง Ridley หนังค่อยๆทวีความตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่่วงสุดท้าย หนังไม่เน้นแอ็คชั่น มันส์ ระห่ำ แต่เน้นการหักเหลี่ยม เฉือนคม การไขปริศนา ซึ่งหากใครพลาดประเด็นที่หนังใส่มาให้ตลอดเรื่องก็อาจเบื่อได้ไม่ยาก เพราะหนังมีความยาวถึง 157 นาที แต่หากใครที่ตามหนังทัน รับรองได้ว่าหนังนั้นสนุกและถึงพริก ถึงขิงจริงๆ

หนังใช้ประเด็นของตำรวจดี-ตำรวจเลว และความโสโครกของคนได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะภาพที่ผู้คนเสพยาและสนุกสนานไปกับความบ้าคลั่ง ภาพเมืองที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย รวมทั้งหนังยังไม่ได้ยกย่องตัวละครใด ตัวละครหนึ่งให้ดีในระดับฮีโร่ หรือ เหยียบย่ำให้ดูเลวร้าย หนังใช้สภาวะสีเทาเข้ามาเล่นได้อย่างออกรส รวมถึงโปสเตอร์หนังที่เล่นสีขาว-ดำได้อย่างมีศิลปะ ในส่วนภาพของผู้กำกับนั้นไว้วางใจได้อยู่แล้ว ที่ชอบมากคือ Sound และ Score หนังใช้ได้อย่างถูกจังหวะและลงตัว ไม่น่าแปลกใจที่หนังจะประสบผลสำเร็จทั้งในแง่ของการเป็นขวัญใจของนักวิจารณ์และคนดู

หนังในเครดิตของ Ridley Scott มีทั้งดีเยี่ยม และ ยอดแย่ (แม้ว่าผมจะไม่เคยรู้สึกในอย่างหลัง) แต่ American Gangsterนั้นจัดอยู่ในหมวดยอดเยี่ยม

10/10

*ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง หากนี่เป็นเรื่องจริง มันมีบางสิ่งที่น่าเคลือบแคลง ในซีนที่ Frank Lucas ไปดูไร่ฝิ่น มีการกล่าวถึง พรรคก๊กมินตั๋ง และ เจียง ไคเชก ซึ่งอยู่ในประวัติศาสตร์ของจีน แต่ไฉน ถึงมาอยู่ในหนังซึ่งสถานที่คือประเทศไทย หรือผมพลาดอะไรไป ผมตกประวัติศาตร์ หรือเป็นการแต่งเติมเนื้อหาของหนัง

หักเหลี่ยมเฉือนคม แหล่มๆๆ

หนังดีครับ อาจ มี บางตอน ที่เบื่อๆ แต่ รวมๆ แล้ว ดี ครับ

หนังเรื่องนี้เป็นหนังเกรด A เริ่มจากผู้กำกับคือ Ridley Scott และผู้แสดงคือ Denzel Washington และ Russell Crowe แถมยังนำเนื้อหาอ้างอิงมาจากชีวิตจริง คอหนังประเภทที่ชอบคุณภาพไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้

ฉากของหนังเป็นช่วงที่สหรัฐยังติดอยู่กับสงครามเวียดนาม มีการตั้งฐานทัพอยู่ในประเทศไทย และแหล่งยาเสพติดอยู่ทางสามเหลี่ยมทองคำของชาวเขาอย่างขุนสา

บรรยากาสของหนังดุสมจริงสมจัง ไม่ว่าจะเป็นฉากเมือง การแต่งตัวของผู้คนในยุคนั้น การแบ่งแยกเขตการทำมาหากินของผู้มีอิทธิพลเถื่อนของคนผิวดำ ที่ดูไปแล้วก็เหมือนกับพวกมาเฟียอิตาลีอย่าง godfather ลักษณะของ Denzel(Frank Lucas) ก็ไม่ต่างไปจาก Al Pacino(Michael)ในหนัง The Godfather ในการเข้ามาเป็นใหญ่และมีอิทธิพลในการค้ายาเสพติด ที่ค้นออกไปจากประเทศไทยเรานี่เอง ฉากที่ Frank มาติดต่อซื้อยาเสพติดในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงมากขึ้นในต่างประเทศในด้านการค้าเรื่อง เพศ และ ยาเสพติด และสังคมด้อยพัฒนา

เนื่องจากหนังเรื่องนี้เป็นหนังเรต R มีการยิงกัน ฆ่ากัน ฉีดยาเสพติด ใช้ภาษาหยาบๆ มีการแก้ผ้าของผู้หญิงผิวดำต่างๆ ซึ่งผู้กำกับผีมือเยี่ยมอย่าง Ridley Scott ต้องทำการศึกษาความสมจริงทุกรูปแบบ ในการเสนอความเป็นจริงที่ออกมาเป็นภาพยนต์

Russell Crowe(Richie Roberts) แสดงได้ไม่มีที่ติ เช่นเดียวกับ Denzel Washington(Frank Lucus) แต่ทั้งสองไม่ได้มีฉากเผชิญหน้ากันอย่างชัดๆ จนกระทั่งตอนท้ายๆของหนัง ซึ่งในฐานะของผู้ชมอยากที่จะเห็นทั้งสองคนแสดงร่วมกันตั้งแต่เริ่มต้น เหมือนคอยดูมวยเอกต้อยกันตั้งแต่ยกหนึ่ง แต่เอามาต้อยกันในยกเกือบสุดท้าย เลยขาดความมันไปนิดหนึ่ง

หากดูจากซีดี หนังตอนจบมีให้เลือกสองอย่างคือ จบแบบในโรงหนังคือ Frank ถูกปล่อยออกมาจากคุก หรือจบอีกแบบหนึ่งคือ Frank ถูกปล่อยออกจากคุกด้วยฝีมือของ Richie ที่ยอมเปลี่ยนมือเป็นทนายแก้ข้อหาให้ Frank แล้วไปรับ Frank เดินออกมาจากคุก สู่สังคมในปัจจุบัน

สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้ดูได้นานหน่อย น่าสนใจมีฉากในเมืองไทย และมีฉากที่อ้างอิงจากความเป็นจริงในสังคมอเมริกันในยุคสมัยนั้นคือ สงคราม เซกส์ ยาเสพติด และพ่อค้าอิทธิพลเถื่อน

ด้วยความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง อุปสรรคในการชมอาจจะอยู่ในช่วงครึ่งแรกของหนัง (ถ้าง่วงให้นอนซะ) เป็นการเล่าเรื่องสลับกันไปมาระหว่างตัวละคร แฟรงค์ และริชชี่ เมื่อคุณเริ่มมีอารมณ์ร่วมกับหนังไปแล้วล่ะก็อุปสรรคต่างๆจะหายไปหมด และทำให้คุณดูจบไปแบบไม่รู้ตัว ประมาณว่า ยิ่งดำเนินเรื่องไปข้างหน้าเท่าไหร่ ความมันส์ ความสนุกก็จะยิ่งมากเป็นทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงที่ให้ข้อคิดกับคนดูมากๆ ผมเชื่อเลยครับว่าเงินซื้อได้ทุกสิ่งจริงๆ ที่สำคัญมันซื้อใจคนได้ ส่วนคนที่มีเงินมากก็จะคิดว่าตัวเองมีอำนาจมาก พอถึงจุดๆหนึ่ง สันดานนักเลงมันจะผุดออกมา...

9.5/10 (เลยต้องโหวดให้ 10 ไปเลย)

เป็นหนังสะท้อนปัญหาที่สหรัฐเคยประสบ โดยรวมถือว่าใช้ได้ ออกแนวคล้ายๆ godfather ละมั้ง

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จนะ เพราะหนังสามารถทำให้เราอยากติดตามอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีบทพูดเยอะแต่ก็ไม่น่าเบื่อเลย เพราะนักแสดงเองสามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาถึงคนดูได้ จะว่าไปก็ลุ้นตลอดเรื่อง สรุป สนุกค่ะ ชอบมาก

ผมรอดูหนังเรื่องนี้ตั้งแต่มีข่าวว่าจะสร้างเมื่อ เกือบ 10 ปีมาแล้ว บ้างก็บอกว่าติดปัญหาเรื่องทุนสร้าง นักแสดงบ้าง จำได้ว่าเมื่อก่อนจะเอา ลีโอนาร์โด มาเล่น( รึเปล่า ไม่แน่ใจ) แต่ก็สมกับที่รอคอยครับ ตินิดนึง เดนเซล เรื่องนี้ยังติดภาพลักษณ์ เก่า ๆ สไตล์แก (รึอาจจะเป็นว่าแกสลัดไม่พ้นแล้วก็ได้) รัสเซล โคร์ว ดูเรื่องนี้แล้วชวนให้นึกถึง บิ้วตี้ฟูล ไมน์ เพราะท่าทางการเดินเหมือนกันเลย แต่โดยรวมแล้ว ผมชอบหนังเรื่องนี้ครับ ฉากที่ชอบที่สุดก็ ตอนที่ เดนเซล เค้าโมโหญาติ ๆ ที่ยิงปืนในงานปาร์ตี้ ฉากนี้เหมือนกับผมได้ไปนั่งอยู่ในบ้านเค้าเลย คือเขาทำให้ความรู้สึกว่าแรงจริง ยิ่งเป็นหนังอิงจากเรื่องจริงด้วย ให้ความรู้สึกว่า มีอำนาจบางอย่างที่กฏหมายอเมริกา เข้าไปไม่ถึง ( อ้างอิงจากในหนังนะครับ ) ไปดูกันเถอะครับ ไม่เสียดายตังค์ชัวร์ แต่ถ้าไม่ชอบหนังแนวนี้ ผมว่าเรื่องนี้ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะทำให้คนไม่ชอบ หันมาชอบหนังแนวนี้ก็เป็นได้

ผมอีกคนละ ที่จะบอกว่าหนังเรื่องดีนี้มาก ทั้งบท ทั้งคนแสดง เยี่ยมมากครับ ถึงแม้บทสนทนา จะแทบทั้งเรื่อง ตอนจบก็มีมันเหมือนกัน

ประทับใจฉากจบหน้าโบส จัง

หนังดีน่ะ... ชอบ! เรื่องราวของหนังสะท้อนความจริงของสังคมการค้ายาเสพติดอย่างเฮโรอีน การ corruption ของตำรวจที่ทำกันเป็นขบวนการ หนังอาจดูหนักไปนิดหนึ่ง แต่แน่นไปด้วยสาระ รวมถึงได้แง่คิดจากหนังมาเยอะทีเดียว ความยาวหนังร่วม 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด ตอนท้ายเรื่อง มีเรื่องให้สะใจกันด้วย ไปดูกันเถอะค่ะ นานๆ ทีจะมีหนังดี มีสาระมาดูกันสักเรื่อง ส่วนดารานำก็เล่นกันได้ดีมากระดับพระกาฬอยู่แล้วไม่ต้องห่วง...