วิจารณ์ รักแห่งสยาม

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 15 ก.พ. 51 20:02

    คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น 6.5/10 ให้เต็มที่แล้วครับ ผมก็เปิดใจดูแบบเต็มที่แล้วนะ ไม่ได้อคติต่อหนังเกย์หรอก หนังเรื่องนี้ไม่น่าจะใช้ชื่อรักแห่งสยามเลย แถมการโปรโมตไม่ตรงประเด็นอีก แต่ชอบเพลงมากๆอ่ะเพราะ

  • เมื่อ 1 ม.ค. 51 12:44

    เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ได้
    มีเนื้อหาสนุกดี ชอบพี่มิวมากเลย
    หล่อมากเสียงเพราะด้วย

  • เมื่อ 27 ธ.ค. 50 13:50

    หลังจากที่ได้ดูสรุปได้เลยว่าเป็นหนังไทยที่ดีที่สุดในปีนี้

    อย่าไปโฟกัสกับแค่ความรักของโต้ง+มิว และเกิดอคติบางอย่างจนทำให้ไม่เห็นคุณค่าของตัวหนัง ซึ่งมีแง่มุมความรักอื่นๆอีกมากมาย เช่น ความรักความผูกพันในครอบครัว การเรียนรู้ที่จะรักใครสักคนในแบบที่เขาเป็น การค้นพบตนเอง ฯลฯ

    โต้ง
    จากการตัดความสัมพันธ์ของเขากับโดนัท ทำให้เขาค้นพบบางอย่าง ที่เขาเองก็รู้สึกทรมานและสับสนว่าควรทำอย่างไร แต่เขาเองก็เรียนรู้ที่จะซื่อสัตย์ต่อความรักของเขาเอง และที่สำคัญ เรียนรู้ถึงความรักที่มีภายในครอบครัว ที่ขาดหายไปนาน

    มิว
    เมื่อค้นพบว่าเขาเป็นเช่นไร เขาก็ซื่อสัตย์กับตัวเอง โดยไม่ให้ความหวังกับหญิง และเรียนรู้ที่จะเข้าใจความรักของเพื่อนๆที่มีต่อเขา

    หญิง
    อาจเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดเมื่อรู้ความจริง แต่เธอก็ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น และที่สำคัญที่สุด คือการที่หญิงเรียนรู้ที่จะรัก และทำทุกสิ่งเพื่อคนที่เรารักให้มีความสุข ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร (เห็นได้ชัดเจนตอนที่หญิงจูงมือโต้งไปหามิว)

    สุนีย์
    อาจทำผิดพลาดไปในส่วนหนึ่ง แต่ที่สุดแล้ว ด้วยความรัก ก็คือการยอมรับในตัวลูกของเธอเอง เป็นบทพิสูจน์ความรักแท้ในตัวของมันเอง

    กร
    ด้วยความสูญเสียจึงไม่อาจทำใจยอมรับ และเมาไปวันๆจนสุขภาพแย่ลง แต่ในที่สุดแล้ว เขาก็ได้เรียนรู้ถึงความรักของสุนีย์ ที่ทำเพื่อเขาอย่างถึงที่สุด และที่สำคัญ การเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปกับสิ่งที่มีอยู่ โดยไม่จมปลักอยู่กับอดีตที่ปวดร้าว

    ความสัมพันธ์ระหว่างสุนีย์ และ กร เป็นตัวอย่างคู่สามีภรรยาที่เรียกน้ำตาได้ที่สุดในเรื่อง ที่สุดท้ายแล้ว การปรับความเข้าใจกันคือทางออกที่ดีที่สุด โดยมีจูนเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งสอง และเรียนรู้ที่จะสัมผัสความรักในครอบครัว ที่เธออาจไม่เคยได้รับ

    สุดท้ายแล้ว รอยยิ้มก็เกิดขึ้นในตอนจบ
    โดยให้เราคิดเอาเองว่า ทั้งหมดจะเป็นอย่างไรต่อไป

    หนังไม่เน้นอารมณ์ฟูมฟายและกดดันแบบดราม่าทั่วๆไป แต่เปิดโอกาสในหลายๆสิ่งที่ "เกิดขึ้นจริงได้ในชีวิต" ที่เราเองก็รู้สึกได้ถึงสิ่งต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างความซาบซึ้งในตัวมันเองได้โดยไม่ต้องบีบบังคับ

    รักแห่งสยาม เป็นแบบอย่างของการพิสูจน์ความรักแท้ที่มีต่อกันและกัน....

    เป็นการเรียนรู้ถึงความรัก ที่เรามีต่อคนอื่น และที่คนอื่นมีต่อเรา

    ดังคำคมของวิคเตอร์ ฮูโก้ ที่ว่า (ยืมมาจากนิตยสารเอนเตอร์เทน)

    "ความสุขที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต อยู่ที่การเชื่อมั่นว่าเราได้รับความรักเพราะตัวเราหรือที่ถูกยิ่งไปกว่านั้นคือ เราได้รับความรักทั้งที่เราเป็นเราอย่างนี้"

    พี่มะเดี่ยว ... บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด

  • เมื่อ 24 ธ.ค. 50 21:21

    ไปดูมาเเล้วเป็นหนังที่น่าดูมากอีกเรื่องหนึ่งเมื่อไรจะออกเป็น DVD ต้องเก็บสะสมเเน่

  • เมื่อ 20 ธ.ค. 50 14:31

    ..ไปดูมามากกว่า 3 รอบแล้ว มีหลายฉากที่ทำให้มองย้อนกลับมาดูตัวเองในวันก่อนๆ ว่ามีตรงไหนที่เป็นเราบ้าง และก็คงเหมือนอีกหลายๆคนที่คิดเหมือนกัน ใครจะรู้ว่ามันคือบางส่วนของชีวิตคนดูหนังบ้าง คุณมะเดี่ยว คุณทำให้คนหนังดูหนังได้กลับมามองย้อนดูรอบๆตัว ว่ามีความรักแบบไหนเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของตัวเองบ้าง
    ..หนังแสดงที่เล่น เก่งทุกคนเลย โดยเฉพาะน้องพิช กะ โอ้ หน้าใหม่ทั้งคู่ แต่ดูเหมือนบทที่เค้าได้รับมันจะตรงกับบุคคลิกของเค้ามาก (ซึ้งก็ยกความเก่งของผู้กำกับที่มองเห็นนะ) ทำให้เล่นออกมาได้เป็นธรรมชาติมาก อยากให้น้องทั้งสองรู้ว่า น้องเป็นตัวแทนของใครหลายๆ คนไม่ว่าจะคนดูที่เรียกตัวเองว่า ญ. หรือ ช. เพราะเชื่อเหลือเกินว่าความรักแบบนี้มันเกิดขึ้นกับผู้คนไม่น้อยในสังคมเพียงแต่จะยอมรับความจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง
    ..ขอปรบมือให้ผู้กำกับ คนเขียนบท คนเขียนเพลง คนร้องเพลง (ซึ้งก็คือคนคนเดียวกันหมดเลย) ให้เต็ม 100 เลยนะ
    ปล.เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดู และคนที่ดูแต่ตาแต่หัวใจไม่เปิดรับมุมมองดีๆ ที่หนังอยากจะให้กับคุณ แต่ยังไม่สายถ้าจะหา vcd มานั่งดูแล้วไม่ปิดกั้นตัวเอง ด้วยการดูอย่างมองความจริงว่านี่คือ ชิวิตจริงๆ ของคนรอบๆ ข้างคุณ บางทีคุณอาจจะมองเห็นว่าคนรอบข้างคุณคิดยังไงกับคุณก็ได้

  • เมื่อ 17 ธ.ค. 50 10:06

    คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น บอกได้เลยว่านี่คือหนังไทยที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา ใครไม่ดูเพราะปิดใจว่าเป็นหนังเกย์ละก็ ขอให้รู้เลยว่าคุณพลาดผลงานศิลปะที่ดีที่สุดของหนังไทยไปแล้ว สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในการสร้างหนังเรื่องนี้คือ REALISTIC หนังเรื่องนี้ไม่มีกลิ่นนวนิยายน้ำเน่าปนแม้แต่น้อยเลยครับ... ไม่ใช่หนังใสๆ happy ending แบบ season changes และไม่ใช่ หนัง sad movie หรือ dark side หรือ มองโลกแง่ร้ายด้วย แต่หนังเรื่องนี้ มีจุดยืนที่"ความจริง" ที่ใกล้ตัวมนุษย์ทุกคนที่สุด...

    - ในชีวิตจริงมันเป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้หวานหยดย้อย poppy love ไม่ได้เศร้าshipหายวายป่วงประมาณว่าขาดเธอขาดใจ ฉันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว แต่มันเป็นแบบในหนังนี่แหละ ...
    - พลอย เฌอมาลย์ ได้รับบทอันน่าตกใจ คือเธอไม่ใช่เทพธิดาแห่งความหวังอย่างที่คนดูคิด แต่กลับเป็นคนที่ตอกย้ำแผล ของ กบ และ สินจัย ให้แหลกสลาย....
    - สินจัย รับบทแม่ธรรมดาคนนึง ที่พยายามทำตัวเป็นหญิงเหล็กเพื่อประคับประคองครอบครัวเปราะบาง แต่ความพยายามจนเกร็งของเธอ ก็ทำร้ายคนหลายๆคนจนได้ แต่จะให้ทำไงให้ดีกว่านี้ล่ะ เ ธอทำดีที่สุดแล้วครับ อย่างน้อยก็ทำให้คนดูหลายๆคน รีบโทรหาแม่ทันที หลังจากหนังจบครับ
    - กบ ทรงสิทธิ์ คุณกลายเป็นนักแสดงระดับเทพไปแล้วครับ สุดยอดจริงๆ
    - น้องสุดหล่อ ทั้ง 2 คน อันนี้ผมต้องขอคารวะคุณมะเดี่ยวผู้กำกับด้วย ไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่า คุณทำให้เด็กวัยรุ่น 2 คนนี้กลายเป็นนักแสดงฝีมือเยี่ยม ไม่แพ้คุณสินจัยเลย เห็นได้ชัดในฉากประชันบท(เก็บกด)กับคุณสินจัย ฝีมือกินกันไม่ลงเลย สุดยอดจริงๆ THE STARS are BORN แล้วครับ
    - น้องคนสวยที่เล่นเป็น "หญิง" ตอนแรกคิดว่าบทน้องคนนี้ไม่มีอะไร เล่นเป็นสาวแอ๊บแบ๊ว ไม่เห็นยากเลย แต่กลับกลายเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการมากที่สุด จาก สาวน้อยที่รักแบบ "ลุ่มหลง" กลายเป็น ผู้ใหญ่เต็มตัวที่รู้จักคำว่า"เสียสละ" และยืนอยู่บนโลกแห่งความจริงได้อย่างเต็มภาคภูมิ
    - สุดท้าย ขอชมผู้กำกับจริงๆ คุณมะเดี่ยวสุดยอดมาก คิดมาได้ไง แค่"เขียนบท"ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาเอง ก็โห เอาไอเดียมาจากไหนน่ะ แล้วยังกำกับเอง แต่งเพลงเอง ร้องเอง แสดงเป็นตัวประกอบเอง (พี่ชายหญิง) ตัดต่อเอง แถมงานออกมา perfect ทุกอย่าง บ้ารึเปล่า ทำได้ไง เก่งจิงๆ
    - ผมชอบที่สุดคือตอนจบในหนัง ที่แม้ทุกอย่างจะพังทลาย.......
    แต่ชีวิตไม่ได้ดับสุญพังทลายตามนะครับ ชีวิตมันก็ไปต่อได้ ทั้งที่พิกลพิการนี่แหละ ทั้งที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างคนรักนี่แหละ ทั้งที่คนที่เรารักกำลังจะตายไปต่อหน้านี่แหละ แต่ชีวิตมันไปต่อได้ ด้วยการแยกแยะ การเลือก และ ความรักน้อยๆในดวงใจ ( โห คิดมาได้ไงน่ะ คุณมะเดี่ยว บ้ารึเปล่า แต่ คุณอัจฉริยะจริงๆ สำหรับผู้กำกับหนุ่มที่อายุ ไม่ถึง 30 )

  • เมื่อ 16 ธ.ค. 50 16:07

    คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ดูแล้ว บอกตรงๆว่าไม่ชอบเลยครับ
    ผมไม่ใช่เกย์ เลยไม่ซึ้ง ไม่รู้สึกถึงอะไรที่ผู้กำกับจะสื่อ
    น่าจะตั้งชื่อหนังให้ตรงๆไปเลย จะได้ไม่เข้าไปดู
    ใช้ชื่อว่ารักแห่งสยาม
    นึกว่าเป็นความรักดีๆแบบไทยๆ
    เพราะคำว่าสยามผมรู้สึกถึงความเป็นไทย ไม่ใช่รักแบบนี้

  • เมื่อ 10 ธ.ค. 50 21:55

    เราไปดูมาแล้วเหมือนกัน แต่ดูแค่รอบเดียว ไปดูกับเพื่อนตั้ง 14 คน แหะๆ

    แต่หนังดีจริงๆ แต่มันยาวนะ มันมีหลายรส หลายมุมจนหนังมันยาวอ่ะ เฮ้ออ...มีแต่คนบอกหนังดีไปดูหลายรอบแล้วทำไมยอดขายไม่พุ่งล่ะ รอบหนังเหลือน้อยลงแต่ทีแล้วนี่

    แล้วที่บอกว่าโปงลางสะดิ้งไม่สนุกอ่ะ แล้วทำไมมันทะลุเป้า 60 ล้านซะงั้นล่ะ ยังงงค่ะ

    แต่รักแห่งสยามดีจริงๆ ชอบค่ะ ทั้งคนแสดงและตัวหนัง เหอๆ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 8 ธ.ค. 50 23:35

    คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ไปดูมาแล้ว 3 รอบ กับ ที่บ้าน, เพื่อน และคนรู้ใจ ดูแล้วทำให้นึกถึงตอนเรียนสมัยมัธยม และอบอุ่นใจกับเนื้อหาความรักในเรื่อง ถ้าเปิดใจให้กว้าง ไม่อคติว่าเป็นหนังเกย์ จะพบว่าหนังเรื่องนี้ทำให้เรามองเห็นความรักและความผูกพันได้หลายแง่มุมจริงๆ "Just ask yourself who you think of when you are listening to love song"

  • เมื่อ 8 ธ.ค. 50 16:18

    สุดยอดเลย ให้ 10 เต็ม

มีทั้งหมด 135 วิจารณ์ หน้าที่ 3 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • แจ๋วแจ๋วเข้าฉายปี 2004 แสดง พรชิตา ณ สงขลา, จารุภัส ปัทมศิริ, จารุณี บุญเสก
  • TRON: LegacyTRON: Legacyเข้าฉายปี 2010 แสดง Garrett Hedlund, Olivia Wilde, Jeff Bridges
  • รักที่รอคอยรักที่รอคอยเข้าฉายปี 2009 แสดง รัชวิน วงศ์วิริยะ, พิษณุ นิ่มสกุล, ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Theory of Everything - สตีเฟน ฮอว์คิง พูดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องจริง จึงอนุญาตให้ใช้เสียงของเขาในตอนจบ และให้ยืมเหรียญแห่งอิสรภาพ กับวิทยานิพนธ์ที่ลงชื่อ สตีเฟน ฮอว์คิง ไปใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากด้วย อ่านต่อ»
  • Jupiter Ascending - แชนนิง เททัม ต้องสวมอุปกรณ์บริเวณปากที่ทำให้ลักษณะของขากรรไกรของเขาเปลี่ยนไป เพื่อรับบท เคน อุปกรณ์ชิ้นนั้นทำให้ แชนนิง หุบปากไม่ได้ แถมยังทำให้เขาพูดลำบากอีกด้วย อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Mission Mangal Mission Mangal สร้างจากเรื่องจริงขององค์การวิจัยอวกาศแห่งอินเดีย (ไอสโร) ประสบความสำเร็จในการปล่อยยานอวกาศไปยังดาวอังคาร (มานกัลยาน) แ...อ่านต่อ»