วิจารณ์ Paris, je t'aime
-
AmandialuSmash!
(เลขที่ 169704)
เมื่อ 24 มี.ค. 51 09:51
ชอบมากๆเลยครับ รู้สึกว่าในโลกนี้ก็มีมุมมองความรักในหลายรูปแบบเหมือนกันนะ ในบางตอนเราก็อาจจะเข้าใจได้เลยเมื่อดูจบแล้วแต่บางตอนเมื่อดูจบแล้วรู้สึกอินมากๆเลยครับ
-
J@y_Wyler
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 29 ต.ค. 50 19:02
หนังเรื่องนี้จัดคำจำกัดความของคำว่ารักได้หลากหลายและมากมาย ทั้งในหลายๆด้าน และไม่ได้เป็นเฉพาะเรื่องของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่หนังยังเล่าตั้งแต่ความสัมพันธ์ของคนหลายๆกลุ่ม ตั้งแต่ คนพิการ วัยชรา ต่างเชื้อชาติ และต่างพันธุ์ (!!) ถึงจะแปลกๆยังไง
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้นิยามรักได้อย่างเต็มอิ่ม ในหลายๆตอนก็ประทับใจมาก จนกระทั่งน้ำตาจะคลอเบ้าเอา ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ทั้งประทับใจ แม้จะเป็นแค่เรื่องสั้น 18 ตอน ตอนละไม่กี่นาที แต่เมื่อเราชมภาพยนตร์จบแล้ว ความรู้สึกที่ได้ เผลอๆยังดีกว่าที่เราดูหนังรักเรื่องเดียวซะอีก
โปรเจกต์นี้น่าสนใจ ตรง ผกก. ที่มาทำแนวนี้ส่วนใหญ่มักไม่ถนัดกับหนังแนวรักซะหมด แต่ก็ทำหน้าที่ได้ดี แม้บางตอนจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่แฝงมาก็ตาม ดังนั้นผมขอยกตัวอย่างตอนที่ประทับใจละกันครับ
3. Le Marais โดย Gus van Sant
ตอนนี้เล่าถึงการที่หนุ่มมาดเซอร์ที่เป็นล่ามให้กับหญิงคนนึง กลับสนอกสนใจชายอีกคนที่อยู่ในร้านวาดเขียนศิลปะ แม้หนังจะมีแต่บทสนทนา แต่ผมกลับประทับใจในการที่ เอาความรู้สึกอยากรู้จักกระทันหันมาใช้งาน ซึ่งความรู้สึกนี้ผมเชื่อว่าใครๆหลายคนก็อาจจะพบเจอมาบ้างแล้ว ความรู้สึกที่ชายคนนี้มีให้กับชายอีกคน แม้เราจะฟันธงไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็แสดงให้เห็นว่ามิตรภาพ และความรักไม่มีจำกัดว่าจะต้องมีข้อบังคับหรือเป็นแค่หญิงเท่านั้น
7. Bastille โดย Isabel Coixet
น่าประทับใจและผมค่อนข้างชอบมาก พอสมควรด้วยการเล่าเรื่องที่ตอนแรกเหมือนจะเป้นแค่ความสัมพันธ์ของคน 2 คน ที่กำลังจะแตกแยกกัน ด้วยการอธิบายของฝั่งชายว่าเบื่อฝั่งหญิงเต็มที ทำอะไรซ้ำๆ ใส่เสื้อตัวเดิมๆ ผิวปากเพลงเดิมๆ แต่แล้วเมื่อฝ่ายชายตัดสินใจจะบอกเลิกกับฝ่ายหญิงในร้านอาหาร จุดผลิกผันก็มาถึงจึงต้องทำให้ฝ่ายชาย เปลี่ยนใจไปตลอดการ ตอนนี้มีดีตรงที่นั่งเล่นกับความซ้ำซากที่ตอนแรกดูเหมือนจะน่าเบื่อ กลับทำให้กลายเป็นซึ้งจับใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ น่าเหลือเชื่อไม่กี่นาทีทำได้ซึ้งขนาดนี้
8.Place des victoires โดย Nobuhiro Suwa
ผกก.ญี่ปุ่นทำตอนนี้ออกมาได้กินใจมากๆ หนังเล่าถึงการที่ครอบครัวหนึ่งต้องสูญเสียลูกชายไป และฝ่ายเป็นแม่ยังทำใจไม่ได้เพราะยังมีความคิดอยู่ที่ว่าเหมือนกับลูกชายเขายังไม่ตายไปจริงๆ แม้หนังจะไม่อธิบายว่าตายเพราะอะไร แต่ก็สามารถคาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุที่พรากไป และเมื่อถึงตอนที่ได้พบกันอีกครั้งนึง ความรักที่มีให้ซึ้งกันและกัน เป็นเหมือนพลัง ที่ทำให้คนเป็นแม่อยู่ต่อไปได้อย่างไม่ต้องทนทุกข์อีก เป็นอีกตอนที่ผมน้ำตาคลอเบ้าต่อจากตอนที่แล้ว ซึ้งมากๆ
10. Parc Monceau ของ Alfonso Cuaron
หนังที่ถ่ายยาวที่สุดเป็น Long Take ไม่ตัดต่อแม้แต่น้อย แถมยังมาพร้อมกับบทสนทนาของพ่อลูกที่ดูเหมือนจะผิดใจกัน แต่ในที่สุดด้วยความเข้าใจ และการถ่ายทำแบบยาวๆนี้ ทำให้ได้อารมณ์แบบต่อเนื่อง ไม่รู้สึกขาดหายไป ได้เข้าใจความรู้สึกที่ลูกสาวและพ่อมีต่อกันได้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับการถ่ายทำ
11. Quartier des Enfants Rouges โดย Olivier Assayas
หนังของดาราสาวกับพ่อค้าขายยา ที่ทั้งเธอและเขาจะติดต่อกันเมื่อเธอต้องการของ แต่วันนึงที่ความใกล้ชิดทุกวันๆ ก็เปลี่ยนเป็นความรักไปอย่างประหลาด เมื่อเหมือนทั้งคู่เริ่มรู้สึกดี ต่อกัน โดยที่สีหน้าของเธอและเขาบ่งบอกชัดเจนเลยว่ารู้สึกอย่างไร แม้จะเจอกันในสถานการณ์ที่ไม่ดีก็ตาม
12. Place des fetes โดย Oliver Schmitz
หนังที่ซึ้งประทับใจอีกตอนระหว่างชายทำความสะอาด กับ หญิงสาวหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ที่เจอกันครั้งแรกเขาอยากจะรู้จักเธอด้วยการชวนไปดื่มกาแฟ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้บอกออกไป เมื่อเจอกันอีกครั้งนึง ก็แทบเกือบจะสายเกินไปซะแล้ว นี้เป็นอีกตอนเหมือนกันที่กินใจมากๆ เศร้า
14. Quartier de la Madeleine โดย Vincenzo Natali
หนังที่เน้นสไตล์ในด้านภาพเป็นหลัก ดูสยองเมื่อรวมกับเนื้อเรื่องด้วยแล้ว แม้บางคนอาจจะรีบฟันธงว่ามันรักตรงไหน มันอยู่ตรงที่รักข้ามพันธ์ครับ สิ่งที่เด่นมากๆคือไม่มีบทสนทนาเลยแม้แต่น้อย แต่หนังสื่อความหมายได้ดีและครบถ้วน เขาใจตรงกันครับ ตรงนี้ทำออกมาดีครับ
16. Faubourg Saint-Denis โดย Tom Tykwer
นี้เป็นตอนที่ประทับใจไม่แพ้กัน ที่เปิดมาตอนแรกก็มีโทรศัพท์ไปถึงหนุ่มตาบอด โดยสาวนักแสดงโทรไปหาเขาและพูดถึงเรื่องเก่าๆ ทำให้เขาคิดถึงเรื่องในอดีต และตัวหนังนั้นก็เล่าถึงความสัมพันธ์ของเขาตั้งแต่เริ่มรู้จัก เริ่มขัดแย้ง และแยกจาก โดยไม่ถึงนาทีกว่าเสียด้วยซ้ำ ด้วยเทคนิคการตัดภาพที่รวดเร็วมีแต่สิ่งสำคัญๆ ยิ่งส่งผลให้เราเข้าใจความร้าวฉานของทั้งสองได้อย่างรวดเร็วและหนักแน่นในทันที
จาก 18 ตอนที่มี 8 ตอนที่กล่าวมานี้เป็นส่วนที่ค่อนข้างชอบครับ
เพราะมันให้นิยามรักได้อย่างดี เหมือนเป็นทั้งเรื่องสอนชีวิต ให้ความสนุกและประทับใจได้พร้อมกัน ไม่อยากเชื่อว่าหนังสั้นตอนละไม่กี่นาทีรวมๆกัน จะทรงพลังจนทำให้ผมประทับใจได้ถึงขนาดนี้ครับผม
เนื้อเรื่อง แม้ทั้ง 18 ตอนจะไม่ต่อเนื่องและตรงกันนัก แต่ด้วยเรื่องความรักจึงทำให้ ตัวหนังมันเชื่อมต่อกันเอง และทำให้คนดูไม่รู้สึกติดขัดครับ
เอฟเฟกต์ ในส่วนนี้ถ้าให้พูดถึงคงเป็นโลเกชั่นและสิ่งต่างๆ
ก็ค่อนข้างดี ช่วยสื่อหนังให้เข้าใจเร็วขึ้นโดยไม่ต้องอธิบายมาก
การแสดง ทุกคน ทุกตอนรับหน้าที่ได้ดี เล่นสมจริง
เหมือนกับว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ เราเข้าใจได้จริงๆ
ความบันเทิง ดูเอาซึ้งก็ได้ เอาสนุกก็ดี สาระก็ไม่ขาดครับ
คุณภาพ เป็นหนังรัก ที่แหวกแนวและมีประสิทธิภาพในการเล่าเรื่องครับ
มาดูคะแนนกันเลยครับ
เนื้อเรื่อง 8.5/10
เอฟเฟกต์ 6.5/10
การแสดง 8/10
ความบันเทิง 8.5/10
คุณภาพ 8.5/10
คะแนนรวม 40/50 ให้เกรด A- ครับ
หนังรักที่ไม่ได้ให้แต่ความซาบซึ้งในหัวใจ แต่ยังให้ทั้งความประทับใจ และข้อคิดดีๆ ที่ทำให้ชีวิตของคนไม่สิ้นหวังเพราะความรักครับผม กินใจไปเต็มๆเลย เรื่องนี้ -
เป็นประกาย
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 1 ส.ค. 50 15:27
Paris, je t'aime หรือ มหานคร แห่งรัก ภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาโดยแนวคิดที่ตรงกับชื่อเรื่อง คือ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวความรักหลากหลายรูปแบบที่เกิดขึ้น ณ ต่างสถานที่ คือในแต่ละเขต ของมหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส ดินแดนขึ้นชื่อติดอันดับที่คนทั่วโลกใฝ่ฝันจะได้ไปเยือนสักครั้ง
รูปแบบการถ่ายทอดเรื่องราวจะเป็นเรื่องสั้นทั้งหมด 18 ตอน จากผู้กำกับชื่อดัง 18 คน ที่แต่ละคนก็มีอิสระในการนำเสนอที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้ชมจึงได้รับรสชาติของความรักในแบบที่ต่างกันชนิดไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละตอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแบบซึ้งๆ หรือบางเรื่องก็เศร้า เหงา น่ารัก ตลก แม้กระทั่ง แปลกประหลาด และ ระทึกขวัญ ก็มีเช่นกัน
ตอนที่เด่นๆ ในเรื่องนี้ อาทิ เลอ มาเร่ส์ กำกับโดย กัส แวน แซงท์ ที่น่ารักด้วยตอนจบที่คนดูจะต้องอมยิ้ม กับชายหนุ่มช่างพูดคนหนึ่งที่เกิดไปปิ๊งรักกับชายหนุ่มอีกคน ที่ไม่รู้ว่าทำไมคนๆ นี้ถึงไม่พูดอะไรตอบเขากลับมาเลยสักคำเดียว ส่วนอีกตอนที่น่ารักมากไม่แพ้กัน คือตอน หอไอเฟล กำกับโดย ซิลเวน โคเม็ท เมื่อหนุ่มละครใบ้ได้ค้นพบเนื้อคู่ที่ช่างเหมาะสมกันกับเขามากซะจนคงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว จะเหมาะสมอย่างไรก็คงต้องดูเอาเองในเรื่อง
ส่วนตอนซึ้งๆ แบบกระทบใจคนดูก็เช่น จัตุรัสเทศกาล (ปลาซ เด แฟต) กำกับโดย โอลิเวอร์ ชมิทซ์ กับชายหนุ่มที่ล้มลงในที่สาธารณะ เขาอยู่ในอาการปางตาย ชั่วขณะนั้นเขาเพียงเฝ้าพูดคุยกับนักศึกษาแพทย์สาวและร้องขอเพียงกาแฟแก้วหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องสั้นๆ ไม่กี่นาที แต่ว่าทุกเรื่องราวก็ยกประเด็นมาบอกเล่าในทุกแง่มุมของความรักได้อย่างน่าสนใจ ชนิดเพียงพอที่จะให้ผู้ชมได้เข้าไปค้นหาเพื่อซึมซับกับประสบการณ์ความรัก ที่อย่างน้อยต้องมีสักตอนหรืออาจจะหลายตอนเลยก็ได้ ที่ติดอยู่ในใจผู้ซึ่งได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แน่ๆ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- แจ๋วเข้าฉายปี 2004 แสดง พรชิตา ณ สงขลา, จารุภัส ปัทมศิริ, จารุณี บุญเสก
- TRON: Legacyเข้าฉายปี 2010 แสดง Garrett Hedlund, Olivia Wilde, Jeff Bridges
- รักที่รอคอยเข้าฉายปี 2009 แสดง รัชวิน วงศ์วิริยะ, พิษณุ นิ่มสกุล, ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ
เกร็ดภาพยนตร์
- The Rewrite - ผู้กำกับ มาร์ก ลอว์เรนซ์ และ ฮิวจ์ แกรนต์ ผู้รับบท คีธ เคยทำงานร่วมกันมาแล้ว 3 ครั้ง ได้แก่ Two Weeks Notice (2002) Music and Lyrics (2007) และ Did You Hear About the Morgans? (2009) นี่เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่ มาร์ก รับหน้าที่กำกับ และ ฮิวจ์ รับบทนำ อ่านต่อ»
- Comet - เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของผู้กำกับ แซม เอสเมล อ่านต่อ»