วิจารณ์ Letters from Iwo Jima

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 23 เม.ย. 55 08:38

    ผมจะนำหน้าพวกคุณตลอดเวลา

    Letters from Iwo Jima หนังสงครามเรื่องเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ซ้ำยังเคยถูกวางตัวเป็น Best Picture ของเวทีออสการ์มาแล้ว

    Letters from Iwo Jima เล่าเรื่องได้เป็นธรรมชาติมากกว่า Flags of Our Fathers ในการดึงคนดูเข้าไปในเรื่องราว อาจเป็นเพราะที่มา-ที่ไป ของตัวละครเอก ที่ทำให้เรารับรู้ถึงภูมิหลัง ซึ่งหนังใช้เวลานานเหมือนกันในการเล่ารายละเอียด ณ จุดๆนี้ แต่ส่งผลดีในภายหลังเมื่อเราต้องรับรู้การสูญเสียที่ต้องเกิดขึ้นจากสงคราม

    ไม่รู้จะบอกอะไรเนื่องจาก Let_Me_In_Please ได้บอกเล่าไว้หมดแล้ว

    สำหรับผมแล้วแม้จะดูหนังสงครามมาไม่มากแต่หากจะต้องวางอันดับแล้วที่ 1 Saving Private Ryan ยังครองใจผมได้ อันดับสองคงเป็นทางด้านภาพยนตร์ออสการ์The Hurt Locker และอันดับสามก็ Letters from Iwo Jima นี่ล่ะครับ

    9.5/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 17 มี.ค. 55 11:02

    “จดหมายจากอิโวจิมา ยุทธภูมิสู้แค่ตาย”

    ก่อนอื่นผมขอบอกว่า ผมเคยหยิบเรื่องนี้มาดูกับพี่ชายแล้วครั้งหนึ่ง ตอนอายุ 15 ซึ่งตอนนั้นการเข้าถึงหนังเรื่องนี้ยังทำไม่ได้ เพราะประสบการณ์การดูหนังรางวัลยังไม่มากเหมือนตอนนี้ ผมจึงรอโอกาสที่จะหยิบมันมาดูอีกเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ดูสักที จึงตัดสินใจเปิดดู และรู้ตัวด้วยว่า ผลลัพธ์จากการดูเรื่องนี้ จะมีหยดน้ำ ไหลออกจากตาทั้งสองข้าง

    Letters From Iwo Jima เป็นโปรเจ็คหนังสงครามของปู่ คลินท์ อิสต์วู้ด ที่สร้างในเวลาเดียวกับ Flags of ours Fathers ซึ่งจะแบ่งการถ่ายทำเป็นสองส่วน ส่วนที่ 1 คือ Flags of ours Fathers g เล่าเรื่องราวของฝั่งด้านอเมริกา และส่วนที่ 2 คือ Letters From Iwo Jima ที่เล่าเรื่องราวของฝั่งด้านญี่ปุ่น โปรเจ็คครั้งนี้ของปู่คลินท์ เป็นการบ้านที่หินและหนักหน่วงมากๆ ที่เขาจะถ่ายทอดเรื่องราวที่แสนปวดร้าวของทั้ง 2 ฝ่ายนี้ออกมาเป็นประวัติศาสตร์สุดยอดภาพยนตร์ที่คุณอาจฝังใจไม่รู้ลืม

    สำหรับ Letters From Iwo Jima แล้ว ถ้าเทียบกับ Flags of ours Fathers จะมีองค์ประกอบหลายส่วนที่ทำออกมาได้ดีกว่า Flags of ours Fathers ไม่ว่าจะเป็นบทภาพยนตร์ ที่เขียนโดย Iris Yamashita มือฉบังด้านการเขียนบทจากเกาะญี่ปุ่น ดนตรีประกอบ การถ่ายภาพ ลำดับภาพ และอีกหลายๆองค์ประกอบ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้ “สมบูรณ์แบบ”

    สำหรับใคร ที่ชอบหนังแอ็คชั่นสงคราม มันส์เดือด ผมคิดว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณ เจ็บปวดจากการสูญเสียชีวิตของผู้คนมากกว่า แต่ถ้าซึมซับอารมณ์ตรงนี้ไม่ได้จริงๆ หนังเรื่องนี้ก็สามารถทำให้คุณตื่นตา กับฉากสงครามที่ยิ่งใหญ่ สมจริง กับสถานที่ถ่ายทำบวกกับเทคนิคที่พิเศษที่เนรนิตฉากสงครามได้อย่างน่าขนลุก

    สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่น เป็นการบุกรุกของกองทัพอเมริกากัน ที่หวังเข้ายึดอาณาเขตประเทศ โดยเริ่มจากเกาะอิโวจิมา แต่กองทัพญี่ปุ่นที่มีจำนวนน้อยนิดกว่า แต่มีสติปัญญา และเหตุผลเหนืออารมณ์ทั้งปวง และปณิธานที่มุ่งมั่นและภูมิศาสตร์ของเกาะอิโวจิมาที่ได้เปรียบ ทำให้ยุทธวิธีที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของ นายพลทาดามิชิ คูริบายาชิ (ที่รับบทโดย เคน วาตานาเบ้ ซึ่งเป็นนักแสดงเอเชียอีกคนที่ผมนับถือมากที่สุด ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครนี้ ได้อย่างหนักแน่น และสวยงาม) กับทหารใต้บังคับบัญชาของเขา แปรเปลี่ยนจากความพ่ายแพ้อย่างสิ้นหวัง กลายเป็นวีรกรรมกล้า ที่สามารถต้านทานกำลังรุกของศัตรูได้นานถึง 40 วัน ผมก็ของสดุดีในความเสียสละ ความห้าวหาญ การต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ รวมถึงลมหายใจที่สูญเสียใจของพวกเขาทุกคน ไว้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วนครับ

    การแสดงพลทหารของญี่ปุ่น ที่ทำได้เยี่ยมยอดกว่าอเมริกานะผมว่า ด้วยอารมณ์ที่เจ็บปวดของสงครามที่ได้รู้จักสงบ สิ่งที่สูญเสียอย่างกลับคืนมาไม่ได้ คือ ชีวิตของพลทหารทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งแน่นอน คลินท์ อิสต์วู้ด ก็ถ่ายทอดผ่านการแสดงของทั้งสองประเทศมหาอำนาจได้อย่างสวยหรู การหันหน้ามาปรับความเข้าใจกันของมนุษย์โลก เป็นเรื่องที่ทำได้ไม่อยากเลย ขอแค่ทุกคนวางอาวุธลงนะครับ เป็นบทเรียนของพวกเราในทุกวันนี้ได้เป็นอย่าง ผมพูดตรงนี้คงไม่ช่วยอะไรขึ้น สงครามโลกที่แสนอนาถาที่เกิดจากความไม่รู้จักพอของมนุษย์โลก มันก็ได้เกิดขึ้นนานแล้ว เป็นหนังอีกเรื่องที่ทำให้อารมณ์ผมค้างจริง เพราะได้รับอารมณ์อันหนักอึ้งมาไว้ในอกจนแทบจุก ผมขอเก็บหนังเรื่องนี้เป็นหนังสงครามเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ที่ผมจะจำไปจนตาย

    หากใครได้อ่านรีวิวนี้ แล้วมีโอกาสได้เจอปู่ คลินท์ อิสต์วู้ด ผมฝากบอกเขาจากใจแฟนหนังที่อยู่มอปลายอ่อนประสบการณ์นี้ว่า อยากขอบคุณที่สร้างหนังที่ดีมอบให้เสมอมา อยากให้ปู่อยู่ทำหนังดีๆแบบนี้ให้พวกเรานานๆนะครัผมรักปู่ (ไปกันใหญ่แล้วเรา 555+)

    หากว่าปี 2006 ไม่ใช่ปีของมาร์ติน สกอร์เซซี จริงๆละก็... หนังเรื่องไหนอีกเล่า ที่จะคว้าออสการ์ Best Picture ได้นอกจากเรื่องนี้ ยินดีย้อนหลัง 6 ปีนะครับสำหรับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทษยอดเยี่ยมที่ได้มา

    คะแนน มันก็ต้อง 10 เต็ม 10 ดิ ^^

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 2 เม.ย. 52 19:39

    หนังเรื่องนี้ถือว่าดีเลยทีเดียว
    ผมว่าเรื่องที่ควรได้ออสการ์ปีนั้นควรเป็นเรื่องนี้มากกว่า
    ถ้าไม่ติดคำว่าถึงเวลาแล้วของสกอรเซซีล่ะก็ departed ไม่มีทางได้
    A+

  • เมื่อ 15 ก.ค. 50 22:00

    หนังทำออกมาดี
    มุมมองญี่ปุ่นที่ดูโหดร้ายใน Flag Of Our Father ลบหายไปหมดเลย เนื้อหาก็ดีกว่า การแสดงก็ดีกว่าเยอะ

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 4 วิจารณ์
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • รักแห่งสยามรักแห่งสยามเข้าฉายปี 2007 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
  • Harry Potter and the Chamber of SecretsHarry Potter and the Chamber of Secretsเข้าฉายปี 2002 แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
  • ตีสาม 3Dตีสาม 3Dเข้าฉายปี 2012 แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
  • Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

ฮักมะย๋อมมะแย๋ม ฮักมะย๋อมมะแย๋ม เรื่องราวความรักที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของ บักโจ้ (วัชรพงษ์ ปัทมะ) ชายหนุ่มสุดซื่อที่ถูกสถานการณ์บีบคั้นให้ต้องร่วมมือกับ ...อ่านต่อ»