วิจารณ์ เด็กโต๋
-
501
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ก.ย. 49 23:04
ดูดีค่ะ ดูเสร็จครูให้ทำการบ้านด้วย
-
ปริชญา(พลอย)
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 6 ก.ย. 49 12:04
เพิ่งจะได้ดู CD ค่ะ ประทับใจมาก ร้องไห้ด้วย ชอบเด็กที่ชื่ออำไพ ดูแล้วรักครูใหญ่มากเลย
-
แซม
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 23 มิ.ย. 49 10:45
ผมดูเด็กโต๋ครั้งแรกทีี่ กาดสวนแก้ว
สารภาพจากใจจริง ผมดูหนังเรื่องนี้เรื่องแรกแล้วเกือบจะร้องไห้ ประทับใจมากครับ -
กุ๊กไก่คนเดิมค่ะ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 23 ธ.ค. 48 16:13
หนังดีมากค่ะ
-
DOBBY
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 20 ธ.ค. 48 17:57
เด็กโต๋ เป็นหนังดีมากเลย เป็นชีวิตจริงที่น่าทึ่งมาก
แต่อยากฝากข้อคิดไว้ด้วยความเคารพ
ว่า สังคมชนบทนั้นย่อมสูงส่งทางจิตวิญญาณ
แต่สังคมเมืองนั้นเน้นหนักทางความเจริญรุ่งเรืองทางกายภาพ
หากคนเมืองจะเห็นใจคนชนบทได้
ก็ต้องให้ความสำคัญทางด้านจิตใจ
คนเมืองใหญ่จำนวนไม่น้อย ที่ไปเติมเต็มความสุขแห่งชีวิตจากชนบท
แต่ก็เป็นเรื่องไม่สู้ดีนักถ้า คนเมืองหลบลี้ความกดดันไปหาความสบายในแดนป่าเขามหาสมุทรกว้าง
ผู้เข้าไปเยือนบ้านป่า หากไปเพื่อค้นหา เรียนรู้ และเกื้อกูล
ผู้อยู่ป่าย่อมสุขสบาย และธำรงความบริสุทธิ์ของจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ไว้ได้
หากผู้เยือนป่าเขา บาดเจ็บทางจิตใจในป่าปูน ได้ไปรักษาแผลในป่าเขากระทั่งหายจากพิษแผล
แล้วเปี่ยมด้วยความรู้สึกดี และเห็นคุณค่าอันใหญ่ยิ่ง
ก็สมควรที่จะแทนคุณนั้นให้ถึงพร้อมเต็มกำลัง
และพูดอย่างเต็มปากได้ว่าทำไปเพื่ออะไร
เรื่องเด็กโต๋ จะยิ่งใหญ่กว่านี้ ถ้าผู้ถ่ายทอดแสดงเจตนารมณ์
ที่ชัดเจนถึงความเกื้อกูลที่ตนมีต่อทุกสิ่งทุกอย่างในแม่โต๋
เพราะความภูมิใจที่เกิดจากการกระทำที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อตนเองนั้น
ประมาณค่ามิได้เลย
หนังสารคดี ที่ดีๆแบบนี้ นอกจากเนื้อเรื่องของหนังแล้ว
คนทำหนังก็สมควรเป็นตัวแทนของทุกชีวิตในเมืองใหญ่
ที่นำพาทุกสายตามองลงไปในเนื้อหาของหนัง
และสิ่งที่ทำลงไป
ก็มิอาจปฏิเสธได้ว่า เป็นอุดมการณ์
ผู้ทำสิ่งที่เป็นอุดมการณ์แต่กลับปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกัน
ผู้นั้นก็ยังคงมีความเห็นแก่ตัวหนาแน่นเกินกว่าจะเข้าถึงความยิ่งใหญ่
คุณค่า และ ความหมายของชีวิต ที่อยู่ในมณฑลอันแท้จริงได้ -
ครูดอย
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 10 ธ.ค. 48 22:38
ความจริงเบื้องหลังการทำหนังยังมีความน่าสงสารเด็กๆนี้อีกเยอะยังมีเด็กที่อยู่ในหมู่บ้าน(เด็กบ้าน)ที่เขาอยู่ยังมีช่องว่างระหว่างครู เด็กกินนอน เด็กบ้าน ชาวบ้าน ที่พี่ป๊อบยังไม่ได้เสนอออกมา มันน่าสนใจอีกเยอะ
-
nam + maetoh
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 9 ธ.ค. 48 13:14
ดีมากค่ะ ที่มีหนังสารคดีแบบนี้ค่ะ แต่อยากให้ฉายบ่อยหน่อย
-
joblovenuk
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 9 ธ.ค. 48 02:17
Innocence ( เด็กโต๋ ) .. 3 ดาวครึ่ง ..
.........คุณเคยมีความฝันใหมครับ ? แล้วความฝันของคุณคืออะไรกัน ? เด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านแม่โต๋ทุกคนมีความฝันอันสูงสุดครับ คุณคงนึกว่ามันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ใช่ใหมครับ? เปล่าเลย พวกเค้าแค่ขอสักครั้งในชีวิตที่ได้ไปเห็น ..ทะเล.. นอกจากผมจะได้เห็นเด็กๆวิ่งไล่ล่าฝันที่เป็นจริงของตัวเองแล้ว หนังเรื่องนี้ยังทำให้ผมได้เห็นความแกร่งของผู้หญิงเก่งอีก 2 ท่าน คือคุณป๊อป อารียา และ คุณนิสา คงศรี ที่มุ่งมั่นบากบั่นทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เพื่อสานฝันของตัวเองล้วนๆ ( คุณป๊อปควักเงินตัวเองหลายแสน เพื่อทำหนังทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีโอกาสฉายโรง นั่นหมายความว่าไม่มีโอกาสแม้แต่จะหาทางคืนทุนเลยสักบาท )
.........เมื่อได้ยินคำว่า ภาพยนตร์สารคดี หรือหนังสารคดี หลายคนอาจจะทำหน้าเบ๊ แม้แต่ตัวผมเองก็ยอมรับว่าผมไม่ค่อยชอบดูหนังสารคดีเท่าไหร่นัก เพราะส่วนมากมันมักจะน่าเบื่อ และเราก็เชื่อฝังหัวกันมานานแล้ว หนังสารคดีเรื่องนี้ คุณป๊อป กับคุณนิสา เข้าไปคลุกคลีอยู่กับเด็กนักเรียนบ้านแม่โต๋ ถึงปีกว่าๆ เพื่อถ่ายทอดภาพชีวิตของเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่ด้อยโอกาสแห่งนี้ออกมาเต็มเหยียด ก่อนจะตัดต่อออกมาเหลือแค่ 100นาที
.........แว่บแรกที่ผมเห็นสภาพโรงเรียนบ้านแม่โต๋ ซึ่งมีอาคารถาวรสูง 2-3 ชั้น รวมถึงอาคารอเนกประสงค์อยู่รายรอบ ผมก็บอกได้เลยว่าโรงเรียนนี้ไม่ใช่โรงเรียนแบบในเพลง โรงเรียนของหนู ของพงษ์สิทธิ คัมภีร์แน่ เพราะมันห่างไกลคำว่าทุรกันดาร ซึ่งตัวผมเอง เคยเห็นโรงเรียนที่ห่างไกลและกันดารกว่าที่นี่มาเยอะมาก สมัยเรียนเกษตรฯ ก็เคยไปออกค่ายตามโรงเรียนชนบทอยู่บ่อยๆ เคยเจอโหดๆกว่านี้มาเยอะ แต่ผมกลับไม่เคยรู้สึกว่าจะเคยเจอโรงเรียนใหนที่อบอุ่นเหมือนอย่างโรงเรียนนี้มาก่อน บ้านแม่โต๋ คือโรงเรียนที่มีชีวิต จริงๆครับ
.........สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของหนัง ไม่ใช่ความกันดาร แต่เป็นเรื่องราวของทุกชีวิตในโรงเรียนแห่งนั้น มันเต็มไปด้วยสีสัน อารมณ์ที่หลากหลาย เหตุการณ์ที่เหลือเชื่อว่าจะเกิดแต่ทำให้หนังดูดราม่ามาก หนังวางเด็กๆ5-6คนเป็นตัวหลัก เพื่อดึงคนดูให้รู้สึกเข้าถึงกับหนังได้อย่างง่ายดาย เด็กๆชาวเขาหลายเผ่า ซึ่งต้องมาอยู่รวมกันแต่ทุกคนก็รักใคร่กันดี และอยู่ในวินัยอย่างเคร่งครัด เพราะที่นี่คือโรงเรียนกินนอน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่โคตรถูก ปีละ 600บาท ??
.........เด็กๆในหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดภาพชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีอาการเขินกล้องเลย ตลอด 100 นาทีของการชม จึงเป็นประสบการณ์ที่วิเศษสุด ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ จะต้องรัก เด็กโต๋ แน่นอนครับ ผู้กำกับทั้งสองท่าน สร้างทั้งผลงานที่เป็นแรงบันดาลใจอันวิเศษ รวมถึงส่งผลกระทบใจอย่างรุนแรง มีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นหลังดูจบ ทำอย่างไรจะให้โรงเรียนในเมืองไทยเป็นแบบโรงเรียนบ้านแม่โต๋ เราจะมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียงได้ใหม๊ งบประมาณของกระทรวงศึกษาที่ผ่านๆมา มันใช้ไปกับไอ้ที่สมควรจะจ่ายหรือเปล่า ? ทำไมครูส่วนใหญ่ของบ้านเรา ถึงไม่มีจรรยาบรรณครู รวมถึงจิตวิญญาณที่รักการสอนเหมือนอย่างคุณครูที่โรงเรียนนี้ ฯลฯ ผมอยากให้คนไทยสักล้านคน มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้
.........ผมอยากให้เด็กไทยได้ดูหนังเรื่องนี้กันเยอะๆ จะได้รู้จักค่าของเงิน เด็กๆที่นี่เค้าเก็บหอมรอบริบกว่าจะได้เงิน 20 บาท เพื่อมาใช้จ่าย แต่เด็กกรุงเทพซื้อมือถือเครื่องเป็นหมื่น ขายตัวหาเงินเที่ยว ใช้จ่ายเงินเป็นเบี้ย เลือกของกิน ทำตัวหรูหราฟุ้งเฟ้อ มีโอกาสเรียนแต่ไม่ตั้งใจเรียน อยากให้ไปดูชีวิตของเด็กที่เค้า อยากจะเรียน แต่หลายๆคนไม่มีโอกาสเรียนต่อสูงๆ ผมเชื่อมั่นอย่างสูงว่า ทุกคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ จะได้ข้อคิดอะไรกลับไปอีกเยอะเลยครับ นอกเหนือจากความบันเทิงที่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมทั้งหัวเราะร่า น้ำตาริน มาแล้วครับ
ป.ล. หนังเรื่องนี้มีฉายแค่ที่ลิโด้ วันอาทิตย์วันนี้ 20พ.ย. และ วันธรรมดา 21-24พ.ย. รอบหกโมงเย็น จากนั้นสุดสัปดาห์หน้าอาจจะไปฉายที่เอมโพเรียม ยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดครับ แต่อยากบอกว่า ถ้าท่านมีเวลาว่างพอ อยากให้ไปดูครับ เรื่องนี้ห้ามพลาด...... -
เอคนเซียนหนัง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 27 พ.ย. 48 22:20
หนังเรื่องนี้ดูแล้วทําให้มีความรู้สึกชีวิตเหมือนหึดสู้ขึ้นมาและรู้ว่าคนลําบากกว่าเรายังสู้จนชนะอุปสรรคได้แล้ว ทําไมเราจะฝ่าฟันมาไม่ได้ เอาไป 10 เลย ลืมบอกเป็นหนังที่ซึ้งมากๆแนะนําไปดูกันเป็นหนังที่คนไทยทํามาได้ดีมากสุดยอดถึงแม้จะไม่ใช้หนังผีที่เราชอบก็ตาม
-
นนท์
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 27 พ.ย. 48 11:00
เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาเลยอ่ะ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Let Me Inเข้าฉายปี 2010 แสดง Kodi Smit-McPhee, Chloe Moretz, Richard Jenkins
- Vampire Hunter Dเข้าฉายปี 2004 แสดง Hideyuki Tanaka, Ichiro Nagai, Koichi Yamadera
- Unstoppableเข้าฉายปี 2010 แสดง Denzel Washington, Chris Pine, Rosario Dawson
เกร็ดภาพยนตร์
- Penguins of Madagascar - ภาพยนตร์เรื่องนี้มีแผนออกฉายเดือนมีนาคม 2015 แต่หลังจากกระบวนการสร้างเสร็จไวกว่าที่กำหนดไว้ จึงเริ่มออกฉายจริงเดือนพฤศจิกายน 2014 อ่านต่อ»
- Birdman - ไมเคิล คีตัน ผู้รับบท ริกแกน และนักแสดงคนอื่นๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับการกำกับที่เข้มงวดของผู้กำกับ อเลฮันโดร กอนซาเลซ อินาร์ริตู ที่ให้นักแสดงแสดงแต่ละฉากความยาว 15 หน้าก่อนจะตัดฉากต่อไป อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Touken Ranbu: The Movie เมื่อกลุ่มคนปริศนาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์และเริ่มข้ามเวลาเพื่อจู่โจมเหตุการณ์ในอดีตให้เปลี่ยนไปโดยสิ่งที่พว...อ่านต่อ»