วิจารณ์ Goal!

วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 2 พ.ย. 48 22:08

    ดารานำทำได้ดีสมบทบาทเล่นเองไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน แล้วยังเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับฟุตบอล บ้านเราคนบ้าบอลเยอะ(รวมถึงผมด้วย)

  • เมื่อ 2 พ.ย. 48 17:55

    เรื่องนี้แฟนลากไปดูค่ะ
    ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับการที่คนรักฟุตบอล
    จะได้ดูหนังฟุตบอล
    เล่นเอาซะเราหมั่นไส้

    นี่คงเป็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่ ( มาก ) เลย
    ของหนังเรื่องนี้ทีเดียว

    แล้วที่สำคัญ มันไม่ใช่หนังฟุตบอลธรรมดาๆ
    มันคือหนังฟุตบอลแบบไตรภาคด้วยนี่สิ

    ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังฟุตบอล
    แต่มันก็ไม่ได้เป็นหนังแข่งขันที่ทำเอาจนเราลุ้นจนตัวโก่งหรอกค่ะ
    เพราะเราพอจะคาดเดาได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
    แต่ก็เป็นหนังที่เรียกว่าดูได้เรื่อยๆนะคะ
    ถึงจะไม่ได้รู้จักเกมส์ฟุตบอลมากก็ตาม

    หนังเรื่องนี้ว่าด้วยการไต่เต้าขึ้นไป
    เป็นนักฟุตบอลขาอาชีพของเด็กหนุ่มคนนึง
    เสนอในประเด็นความพยายาม การตามล่าความฝัน
    การฝ่าฟันอุปสรรค และความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมมากกว่า
    ( ประเด็นหลังเล่นให้ได้แค่ไอๆ อยากดูจริงๆต้องฮุลิแกนส์ค่ะ )

    แต่ถ้าจะว่าดีมั้ย
    ต้องขอบอกว่ากลางค่อนข้างดีค่ะ
    เป็นหนังที่ยังไม่สุด
    มันสามารถทำให้มีพลังได้มากกว่านี้

    แต่เรื่องดีไม่ดีเนี่ย
    ระหว่างนั่งดูหนังมองหน้าคนข้างๆ
    แหม แค่ชอบ ก้อท่าทางจะพอแล้วละมั้ง

  • เมื่อ 2 พ.ย. 48 16:50

    ดูแล้ว สนุกและชอบมาก ๆ เลย

  • เมื่อ 31 ต.ค. 48 23:44

    คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น จากรอบพิเศษที่ผมได้ไปดูมานี่คือภาพยนต์ที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องฟุตบอลเลยก็ว่าได้ แรกๆตัวหนังอาจดูธรรมดาถ้าไม่ชื่อของนักฟุตบอลระดับโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่จริงๆแล้วเรื่องไม่ใช่หนังธรรมดาเลย เรื่องสอนให้รู้จักการใช้ชีวิตผ่านปรัชญาทั้งหลายที่โค้ชของทีมได้สอนมูเนซ หลายคนอาจถามว่าทำไมเรื่องจึงต้องเลือกนิวคาสเซิ่ล ทั้งๆที่มีทีมดังๆมากมาย อย่างแมนยู อาร์เซ่นอล ลิเวอร์พูล หรือแม้กระทั้งทีมมาแรงอย่างเชลซีก็ตาม คำตอบก็มีง่ายๆก็คือ 1.ทีมที่กล่าวมานั้นมาจากทีมที่มีทีมร่วมเมืองด้วยกันทั้งนั้น แต่มีเมืองนิวคาสเซิ่ล มีเพียงนิวคาสเซิ่ลทีมเดียว 2.ทีมนี้นับได้ว่ามีแต่แฟนบอลขนาดแท้เท่านั้น และเป็นทีมที่ฝึกเด็กได้โหดและระดับที่สุดในเกาะเลยก็ว่าได้ ดูจากเด็กหลายคนของทีมนี้จะดุดันกันทั้งนั้น ดังที่ในหนังแสดงในเห็นตอนที่มูเนซซ้อมว่าโดนหนักแค่ไหน 3.แฟนบอลทีมนี้ค่อนข้างแปลกตรงที่ว่าไม่ว่าทีมจะชนะหรือแพ้พวกเขาร่วมหลั่งน้ำตาฉลองและเสียใจกับทีมได้ทั้งนั้น ไม่ว่าทีมจะเล่นแย่เพียงไร พวกก็ไม่เคยเดินหนีออกจากสนามเหมือนที่บ้างแฟนบอลบางทีมเขาทำกัน พวกเขาจะอยู่จนถึงสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายของเกม ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่มีสปิริตดีอีกทีมหนึ่ง 4.ทีมนี้มี ADDIDAS เป็นสปอนเซอร์อยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อการติดต่อในหลายๆเรื่อง
    หลายคนอาจถามอีกว่าทำไมต้องเป็นอังกฤษ บางคนอาจตอบว่าเพราะนี่คือประเทศกำเนิดของฟุตบอล แต่เปล่าเลยครับ ตัวเฉลยให้เห็นว่าคนที่นี้แทบจะหายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล มันคือจิตวิญญาณ มันคือศาสนา ที่มีศาสดาเป็นทีมรักของตนหรือนักเตะที่พวกเขาเทิดทูนบูชา
    เข้ามาสู่ในตัวหนัง ก็เริ่มจากฉากที่มูเนซเล่นบอลในสนามเล็กๆ หรือที่บ้านเราเรียกโกลหนูนั้นเอง แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นซุเปอร์สตาร์ดังมากขนาดไหนก็ต้องเริ่มจากการเล่นบอลแบบนี้ทั้ง ต่อมาเป็นฉากที่มูเนซและครอบครัวต้องหนีเข้าอเมริกา ฉากนั้นดูแล้วไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไร จนมาถึงตอนที่ลูกบอลตกแล้วพ่อบอกให้ลืมลูกบอลไปซะเท่ากับว่าเขาทิ้งความฝันไปส่วนหนึ่งแล้ว ถัดมาเขาก็ได้รับการเรียกตัวไปที่นิวคาสเซิ่ล แม้เขาอาจต้องแยกทางเดินกับพ่อเขา เขาก็ยอม เพราะคนเราต่างมีทางเดินของตนเอง ถ้าไม่ใช่ทางที่เราชอบสักวันเราก็ต้องกลับมาทางของเราเอง ผมชอบนะฉากที่แมวมองที่เจอมูเนซเดินเรื่องให้มูเนซได้กลับมาทดสอบอีกครั้งหลังจากเละในครั้งแรก แสดงให้เห็นว่าเขามีความเชื่อมั่นในตัวเด็ก แต่ต่างกลับการคัดตัวในบางประเทศแถบๆนี้ที่คัดจากเส้นล้วนๆ แม้ว่าเขาจะล้มซักกี่ครั้ง ต้องลำบากยากเย็นซักเพียงไรเขาก็ไม่ยอมแพ้ ผมชอบนะคำที่นางเอกพูดให้กำลังใจพระเอกว่า "มีที่ที่เดียวที่เหมาะกับเธอในโลกนี้ คือสองฝั่งที่มีประตูอยู่ไง"หนังแสดงให้เห็นว่ากำลังเป็นสิ่งสำคัญและเมื่อเราคิดว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งๆหนึ่ง ก็ไม่สิ่งใดเหมาะกับตัวเราเท่ากับสิ่งนั้นอีกต่อไปแล้ว เมื่อมูเนซพยายามเขาก็รางวัลแค่ความพยายามคือได้มีโอกาสแจ้งเกดจนไปติดทีมชุดใหญ่ และได้ลงสนามเป็นตัวจริง แม้ว่าเขาจะเปิดได้น่าประทับใจ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องเรียนรู้และเป็นความผิดพลาดที่ทุกคนมีเหมือนกันหมด คือเขาทำเพื่อตัวเอง ผมประทับใจมากเลยนะ ตอนที่ผู้จัดการทีมบอกให้มูเนซวิ่งตามบอลที่เขาเตะนะ เขาก็ถามมูเนซว่า "นายคิดว่าไง" "ก็คุณเตะบอลได้ครึ่งสนามเลยนะ" ก่อนที่เขาจะสอนให้มูเนซจำไปอีกนานว่า "คุณไม่ได้วิ่งเร็วหรอก และไม่มีใครเร็วหรอก เพราะว่าบอลมันวิ่งเร็วกว่าเสมอ" และฉากนี้ "ชื่อตรงหน้าอกฝั่งซ้ายของนายนะ มันสำคัญกว่าชื่อข้างหลังนายนะ" จากสองจุดนี้แสดงให้เห็นว่าต่อให้เราเล่นเก่งเพียงใดเราก็ไม่อาจเอาชนะทีมคู่แข่งได้ แต่ถ้าเรามีน้ำใจต่อผู้อื่นทีมก็จะชนะ จากหลักนี้เราเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้เยอะเลย แม้ว่าในตอนใกล้ๆจะจบหนังอาจทำให้ดูโหดร้ายตรงที่พ่อของเขาตาย แต่เขายังมีความมุ่งมั่น เขากล้าที่จะเสี่ยงแม้ไม่รู้ว่าผลมันจะคุ้มหรือเปล่า โดยการที่เขากลับมาเล่นต่อโดยไม่กลับไปงานศพพ่อเลย แต่ผมว่าพ่อเขาเป็นคนดีนะ ถึงจะโกรธเพียงใดแต่ก็รักลูก ยังตามไปเชียร์ลูกที่บาร์เลยแม้ไม่บอกใครแต่ผมว่าพ่อเขาคงภูมิใจตราบจนวันสุดท้ายของเขาเลย และผมว่ามูเนซคงเล่นอย่างเต็มที่เพราะพ่อของเขาดูเขาเล่นอยู่
    ทั้งหมดนี้ต้องขอชม Kuno Becker เลยว่าเล่นได้สมบทบาทมากๆ ทั้งการถ่ายทอดอารมณ์ หรือแม้กระทั้งการระเบิดอารมณ์ การแสดงออกทางแววตา ผมให้ 10 คะแนนเลยนะ แสดงให้เขาเห็นว่าเขาเป็นคนมีความมุ่งมั่นทะเยอทะยาน แม้มีปัญญหามากมายในชีวิต แต่ก็จะสู้ฟันฝ่าออกมาจนได้
    โดยรวมๆแล้วผมว่าเรื่องผ่านเลยนะ คนดูน่าเยอะมากนะในวันฉายจริงผมดูไม่เบื่อเลยนะเรื่องนี้ ให้ 10 เต็มเลยเอ้า อยากให้ดูกันเยอะ แม้ว่าคุณอาจไม่ใช่เดอะทูนส์ก็ตามที ชีวิตของทุกคนมีสิทธิ์ประสบความสำเร็จได้ถ้าตั้งใจจริงและไม่ทิ้งโอกาสที่ได้มา นี่คือสิ่งที่หนังจะสอนเรา!

  • เมื่อ 31 ต.ค. 48 23:35

    ชอบมากเลยค่ะ พระเอกก็น่ารัก ดูแล้วมันรู้สึกขนลุก เพราะบอลคือสิ่งที่เรารัก หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ตอนดูเกือบร้องไห้เลย ซึ้งมากค่ะ อยากให้มีหนังเกี่ยวกับวงการลูกหนังแบบนี้ออกมาเยอะ อีกอย่าง ว่าจะไปดูเรื่องHooligans ด้วย ไม่รู้จะเกี่ยวกับการแทงบอลยังไงเนอะ..

  • เมื่อ 30 ต.ค. 48 00:23

    ผมดูแล้วครับ 29 ตุลาคม 48 ที่เมเจอร์รัชโยธิน รอบพิเศษ 2 ทุ่ม 55 ภาพยนต์เรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมดูมาเกี่ยวกับฟุตบอล เพราะเป็นภาพยนต์ที่เล่าเรื่องถึงชีวิตนักเตะที่เข้ามาเล่นสโมสรอาชีพ ซึ่งเป็นสโมสรนิวคาสเซิ่ล และเป็นทีมโปรดของผมด้วย การดำเนินเรื่องดีมาก ตัดต่อภาพก็ทำได้เยี่ยมยอดมากทีเดียว กับเกมส์ฟุตบอลในเรื่องก็ต้องลุ้นกับตัวเอกของเรื่องได้อย่างเร้าใจ ตลอดเวลาที่ฉาย สนุกมากๆ และขอเป็นแรงใจให้นิวคาสเซิ่ลต่อไปเท่าชีวิต ครับ หวังว่าจะทำให้แฟนเดอะทูนอาร์มี่แฮปปี้ แน่นอนครับ ขอฝากไว้จากใจจริง.........

  • เมื่อ 29 ต.ค. 48 21:25

    สนุกดีครับถึงหนังจะไม่ได้ดีเต็มร้อย แต่อย่างน้อยหนังได้ใจคนดูไปเกินร้อยแล้วล่ะครับ

  • เมื่อ 29 ต.ค. 48 10:02

    ไปดูมาแล้วที่ sf สนุกมาก มีหลากหลายอารมณ์ ตัดต่อภาพก็ดี ดำเนินเรื่องน่าติดตามทั้งเรื่อง เวลาถ่ายในสนามแข่งเหมือนได้อยู่ในสนามเลย ขอบอกว่าไม่จำเป็นต้องเป็นคอบอลก็ดูมันส์ จบแบบประทับใจออกจากโรงไปเลย หนังยาวเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ดูเหมือนสั้นเพราะไม่มีเบื่อเลยขอบอก

มีทั้งหมด 28 วิจารณ์ หน้าที่ 3 [ก่อนหน้า] 1 2 3 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • เขาชนไก่เขาชนไก่เข้าฉายปี 2006 แสดง วศิษฎ์ ผ่องโสภา, ทวีรัตน์ จุลศิริ, อภิพล ตรีเทวะวงษา
  • เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตายเดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตายเข้าฉายปี 2006 แสดง มหาสมุทร บุณยรักษ์, ชลลดา เมฆราตรี, แอนดี้ เขมภิมุก
  • Happy FeetHappy Feetเข้าฉายปี 2006 แสดง Robin Williams, Hugh Jackman, Elijah Wood

เกร็ดภาพยนตร์

  • Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
  • Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Thackeray Thackeray จากนักข่าวผู้ปลุกระดมสู่การเป็นผู้นำทางการเมืองที่มีอิทธิพลซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์ของมราฐี การเดินทางของ บา...อ่านต่อ»