เกร็ดน่ารู้จาก Batman Begins
เกร็ดน่ารู้
- ก่อนที่ คริสเตียน เบล จะถูกคัดเลือกให้รับบทแบทแมน มีนักแสดงหลายคนถูกพิจารณาให้มารับบทนี้ ไม่ว่าจะเป็น กาย เพียร์ซ, แอชตัน คุทเชอร์, เดวิส โบเรียแนซ, จอห์น คอร์เบ็ตต์, เดวิด ดูคอฟนี และ ฮิวจ์ แดนซี่
- ไม่กี่วันก่อนที่จะมีการประกาศชื่อผู้รับบทแบทแมน ได้มีการร้องขอให้นักแสดง 8 คนมาทดสอบบท ได้แก่ คริสเตียน เบล, โจชัว แจ็กสัน, ฮิวจ์ แดนซี่, เอียน ไบเลย์, บิลลี่ ครูดับบ์, คิลเลียน เมอร์ฟีย์, เฮนรี่ คาวิล และ เจค กิลเลนฮาล ปรากฏว่า คริสเตียน เบล เป็นผู้ได้รับบทนี้ไป อย่างไรก็ตาม คริสโตเฟอร์ โนแลน ชอบการทดสอบบทของ คิลเลียน เมอร์ฟีย์ มาก จึงมอบบทของ Dr. Jonathan Crane/The Scarecrow ให้
- คริสโตเฟอร์ เอ๊คเคลตัน ถูกลือว่าได้รับบท Dr. Jonathan Crane/The Scarecrow ก่อนที่ คิลเลียน เมอร์ฟีย์ จะได้บทนี้ไปในที่สุด
- คริส คูเปอร์ ปฏิเสธที่จะรับบทของ เจมส์ กอร์ดอน
- เคิร์ก รัสเซล และ เดนนิส เควด ถูกพิจารณาให้รับบท เจมส์ กอร์ดอน
- แอนโธนี่ ฮ็อปกิ้นส์ ถูกเสนอให้รับบทบาทของ อัลเฟรด แต่เขาปฏิเสธ
- ลอร์เรนส์ ฟิชเบิร์น เคยถูกพิจารณาให้รับบท ลูเซียส ฟ็อกซ์
- วิกโก้ มอร์เทนเซ่น ปฏิเสธบทของ ราซ อัลกูล ซึ่งเป็นศัตรูคนสำคัญของแบทแมนในภาคนี้ แดเนียล เดย์ - ลิวอิส ก็เคยถูกทาบทามให้มารับบทนี้ด้วยเหมือนกัน
- ราซ อัลกูล เป็นภาษาอารบิกของคำว่า ศีรษะของปิศาจ (The Demon's Head) เพื่อแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่สูงของพวกพ้องปิศาจ หรือเรียกอีกอย่างว่าสมาคมนักฆ่านั่นเอง
- คู่แข่งบท ราเชล ของ เคที่ โฮล์มส์ คือ นาตาลี พอร์ตแมน และ ซาร่า มิเชล เกลล่าร์
- มีผู้กำกับจำนวนมากที่ถูกพิจารณาให้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ อาทิ โจล ชูมักเกอร์ ที่แม้จะมีส่วนทำให้ภาพยนตร์ภาคที่ 4 Batman and Robin ล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็ยังถูกทาบทามให้มากำกับ Batman: Year One หลังจากที่ โจล บอกปัด ได้มีติดต่อ เดวิด ฟินเชอร์ มากำกับ แต่เขาปฏิเสธเช่นกัน
- ได้มีการทาบทาม คลินต์ อีสต์วู้ด ให้มากำกับ Batman: The Dark Knight และ วูฟกัง ปีเตอร์สัน ให้มากำกับ Superman vs. Batman แต่ทั้งคู่ก็ปฏิเสธ โดย ปีเตอร์สัน เลือกที่จะไปกำกับเรื่อง Troy ท้ายสุดหน้าที่กำกับภาพยนตร์จึงตกเป็นของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ในปี 2003
- ก่อนหน้าที่ คริสโตเฟอร์ โนแลน จะมารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์ ได้มีการทาบทาม ดาร์เรน อโรนอฟสกี้ ให้มากำกับภาพยนตร์ Batman: Year One ซึ่งได้มีการมอบหมายให้ แฟรงค์ มิลเลอร์ เป็นผู้เขียนบท โดยมีบทร่างภาพยนตร์และสตอรี่บอร์ดครั้งแรกในปี 2003 ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของ เอโอแอล ไทม์ วอร์เนอร์ แต่แล้วเรื่องนี้ก็ถูกระงับไป โดยไม่มีใครทราบเหตุผล แต่จากข้อมูลที่รั่วไหลออกมาตอนนั้น น่าจะเป็นเพราะบทที่ถูกเปลี่ยนจากต้นฉบับไปมาก เช่น ให้ อัลเฟรด เป็นหุ่นอัฟริกันอเมริกันนามว่า บิ๊กอัล รถค้างคาวเป็นแบบ Lincoln Towncar และ บรูซ เวย์น กลายเป็นคนจรจัด ซึ่งรายละเอียดมีอยู่ในหนังสือชื่อ Tales from Development Hell ของ เดวิด ฮิวจ์ส
- แลร์รี่ วาโชว์สกี้ และ แอนดี้ วาโชว์สกี้ ได้รับการทาบทามให้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ทั้งคู่ปฏิเสธ เพื่อไปทำภาพยนตร์ภาคต่อของเรื่อง Matrix แทน
- จากคำพูดของ คริสเตียน เบล บอกว่าเสื้อของทีมงานแผนกเสื้อผ้าบางคนจะมีคำพูดเขียนติดตลกว่า "มันทั้งร้อน ทั้งดำ และชุ่มเหงื่อแล้วมันก็ทำให้ปวดหัวด้วย"
- ชื่อที่จะใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีการเปลี่ยนมาหลายครั้ง ครั้งแรกรู้จักกันดีในชื่อที่ว่า Batman 5 แล้วก็กลายมาเป็น Batman: The Frightening และในตอนนั้นก็ได้รับการยืนยันจากบางเว็บไซต์ว่าใช้ชื่อ Batman: Intimidation Game ก่อนที่จะมายุติที่ชื่อ Batman Begins
- ภาพยนตร์ภาคนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง Batman ซึ่งไม่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ Batman 4 ภาคแรก ไม่ว่าจะเป็น Batman ปี 1989, Batman Returns ปี 1992, Batman Forever ปี 1995 และ Batman & Robin ปี 1997
- หัวหน้าอาชญากร เดอะ โรมัน หรือ คาร์ไมน์ ฟัลโคน เป็นตัวละครจากหนังสือการ์ตูน ซึ่งเป็นเหล่าร้ายยุคเก่ากลุ่มสุดท้าย เขาถูกฆ่าตาย และกลุ่มของเขาก็ถูกขจัดสิ้น เมื่อแฟ้มภาพอาชญากรของแบทแมนเริ่มมีบทบาทมากขึ้น
- นี่เป็นครั้งแรกของภาพยนตร์เแบทแมน ที่ถ่ายทำด้วยอัตราส่วนความกว้างต่อความสูงเป็น 2.35:1
- การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2004 ที่ Senate House ซึ่งเป็นทรัพย์สินของมหาวิทยาลัยลอนดอน ด้านหน้าของตึกถูกเนรมิตให้เป็นถนนแห่งเมืองก็อธแธม เต็มไปด้วยรถแท็กซี่แบบนิวยอร์ก และรถตำรวจแห่งเมืองก็อธแธม
- บ้านพักเคลื่อนที่ระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์ของ คริสเตียน เบล ไม่ได้เขียนชื่อของเขาบนประตู แต่เขียนว่า บรูซ เวย์น
- ระหว่างการถ่ายทำจะมีคน 2 คนที่คอยเดินตาม คริสเตียน เบล อยู่ตลอด เพื่อจัดการรอยเปื้อนให้กับชุดค้างคาว
- รูปแบบของเมืองก็อธแธม อ้างอิงมาจากชุมชนแออัดของเกาลูนในฮ่องกง ที่ถูกทุบทิ้งเมื่อปี 1994 ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นโรงเก็บเครื่องบิน
- ทิม บูธ อดีตนักร้องนำวงร็อกจากอังกฤษที่มีชื่อว่า เจมส์ ปรากฏตัวเป็นผู้ร้าย โดยมีบทบาทเล็กๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้
- ดไวท์ กูเดน นักขว้างลูกเบสบอลชื่อดังของทีม NY Mets และ Yankees รับบทในเรื่องนี้เป็นตำรวจเมืองก็อธแธม
- งบประมาณทางการตลาดของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำสถิติค่าใช้จ่ายสูงที่สุด สำหรับการทำการตลาดกับภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียว
- บทภาพยนตร์ถูกเขียนโดย เดวิด เอส. โกเยอร์ ขณะที่เขากำลังเขียนบทและเตรียมกำกับภาพยนตร์เรื่อง Blade: Trinity ปี 2004
- บทภาพยนตร์โดย เดวิด เอส. โกเยอร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูน The Long Halloween และ Dark Victory โดย โจเฟซ โลป ไม่ใช่ Year One ของ แฟรงค์ มิลเลอร์
- บทภาพยนตร์ฉบับร่างโดย เดวิด เอส. โกเยอร์ ถูกนำมาเผยแพร่บนอินเตอร์ล่วงหน้าก่อนภาพยนตร์เข้าฉายเป็นเวลานาน
- เดวิด เอส. โกเยอร์ เล่าให้ฟังว่าเขาชอบการทดสอบบท แบทแมน ของ เจค กิลเลนฮาล แต่เมื่อเขาได้เห็นการทดสอบบทของ คริสเตียน เบล ทำให้ เบล ได้รับบทนี้ไป
- ขณะที่ วอร์เนอร์ บราเดอร์ กำลังพิจารณาเรื่อง Batman: The Frightening บทของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออนไลน์ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบทที่ใช้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีชื่อผู้เขียน คือ เทอร์รี่ เฮย์ส และ ราฟาเอล เกลเซียส แต่ทั้งสองคนก็ปฏิเสธ มาทราบภายหลังว่าคนเขียนบทนั้น คือ แบรนดอน เกนส์
- ก่อนเริ่มต้นถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ คริสโตเฟอร์ โนแลน ได้เชิญทีมงานทั้งหมดมาชมภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner ปี 1982 หลังจากภาพยนตร์จบ เขาก็บอกกับทีมงานทั้งหมดว่า "นี่คือแนวทางที่เราจะสร้าง แบทแมน"
- Batman Begins เป็นเรื่องแรกที่มีการถ่ายทอดฉากการเสียชีวิตของคุณพ่อคุณแม่ของ บรูซ เวย์น จากฝีมือของ โจ ชิว ตรงตามในหนังสือการ์ตูน ในภาพยนตร์ แบทแมน ปี 1989 ฉากที่ โจ๊กเกอร์ ฆ่า โธมัส และ มาร์ธา เวย์น เป็นบทที่ถูกเขียนขึ้นเป็นพิเศษสำหรับภาพยนตร์ เพื่อแสดงให้เห็นความตึงเครียดระหว่าง แบทแมน และ โจ๊กเกอร์
- รถค้างคาวถูกออกแบบให้เป็นพาหนะของทหารโดยหน่วยวิทยาศาสตร์ประยุกต์แห่ง เวย์น เอ็นเตอร์ไพรซ์ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยในการเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อชั่วคราว เพื่อลำเลียงกองทัพและเสบียงข้ามน้ำและระยะทางอันกว้างใหญ่ไพศาล เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง เวย์น เอ็นเตอร์ไพรซ์ จึงไม่สร้างพาหนะนี้ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่จากการค้นพบต้นแบบของ บรูซ เวย์น เขาได้ขยายการออกแบบอย่างลับๆ และได้กลายมาเป็นอาวุธอันทรงพลังในการแสวงหาความยุติธรรมของแบทแมน
- รถค้างคาวมีส่วนกว้างที่สุด 9 ฟุต 4 นิ้ว ยาว 15 นิ้ว และสูงประมาณ 5 ฟุต
- รถค้างคาวใช้น้ำมันธรรมดาไร้สารตะกั่วและมีน้ำหนัก 2.5 ตัน
- รถค้างคาวใช้เครื่องยนต์ 5.7 ลิตร 350 ลูกบาศก์นิ้ว 340 แรงม้า และมีแรงบิด 400 ปอนด์
- รถค้างคาวสามารถเร่งความเร็วได้ตั้งแต่ 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ใน 6 วินาที
- รถค้างคาวสามารถกระโดดได้สูงถึง 4-6 ฟุตและได้ไกลถึง 60 ฟุต ถูกสร้างให้วิ่งได้ทันทีหลังจากล้อแตะพื้น
- หัวเครื่องยนต์เจ็ทถูกติดตั้งในส่วนท้ายของตัวรถเพื่อช่วยในการกระโดด ตะขอช่วยจอด (อย่างเดียวกับที่ใช้สำหรับเครื่องบิน) จะถูกใช้เพื่อดึงรถให้หยุดในสถานการณ์ที่กระโดดและลงจอด
- รถค้างคาวไม่มีเพลาหน้า การไม่มีเพลาหน้าทำให้รถค้างคาวสามารถเลี้ยวได้ในวงเลี้ยวที่แคบมากๆ
- ตัวรถมี 6 ล้อ โดย 2 ล้อหน้า เป็นยางสำหรับรถแข่งที่วิ่งด้วยความเร็วสูง และ 4 ล้อหลังใช้ยางรถบรรทุกที่ใหญ่มโหฬารขนาด 44 นิ้วแบบรถฮัมวี่
- ปีกหลังช่วยทำให้หยุดได้อย่างรวดเร็ว ด้านหน้ามีแผ่นโลหะเป็นรอยหยักสำหรับเป็นเกราะป้องกัน
- ปืนใหญ่ที่ติดตั้งไว้ทางด้านหน้าตัวรถ สามารถยิงเป็นระเบิดลูกไฟทะลุกำแพงเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์ลำบาก
- ทะเบียนรถในเมืองก็อธแธมถูกออกแบบในรูปเดียวกันกับทะเบียนรถในรัฐอิลลินอยส์ของอเมริกา
- แบตตาแรงถูกออกแบบตามอาวุธบูมเมอแรงที่โด่งดังของออสเตรเลีย
- เข็มขัดสารพัดประโยชน์แบทแมนของแบทแมน ถูกออกแบบให้ทำลายตัวเองหากถูกขโมยไปโดยพวกศัตรู
- ผ้าคลุมไหล่แบทแมนของชุดแบทแมนสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้
- อัลเฟรด เพนนีเวิร์ธ คือคนสนิทและผู้ช่วยตลอดชีวิตของ บรูซ เวย์น
- แบทแมนใช้เทคโนโลยีความสามารถมองเห็นในที่มืด ทำให้มองเห็นการเคลื่อนไหวทุกอย่างของคู่ต่อสู้ในความมืด
- แบทแมนกลัวค้างคาวมากที่สุด
- แบทแมนปรากฎตัวเป็นครั้งแรกในปี 1939
- แบทแมนเปิดตัวเป็นครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนดีเท็คทีฟส์ คอมมิคส์
- จากงานสร้างสรรค์ของ ดี ซี คอมมิคส์ โดย บ๊อบ เคน ทำให้มนุษย์ค้างคาวได้ถือกำเนิดในหนังสือ Detective Comics # 27 (ฉบับเดือน พฤษภาคม 1939) เป็นตัวแทนของปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมทางวิทยุเป็นตอนๆ ที่ขยายวงออกไป แอ๊คชั่นสด ซีรีส์ทางโทรทัศน์ ภาพยนตร์ เกมส์และหนังสือการ์ตูนจำนวนมากมาย
- พอล เลวิทซ์ เป็นประธานและผู้พิมพ์ของหนังสือการ์ตูน ดีซี คอมมิคส์ ซึ่งเป็นผู้ตีพิมพ์การ์ตูนภาษาอังกฤษที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นเสมือนบ้านของภาพลักษณ์ตัวแสดงยอดมนุษย์ทั้งหลายอย่าง มนุษย์ค้างคาว ซุปเปอร์แมน สาวน้อยมหัศจรรย์ และมนุษย์ทราย
- ผู้กำกับฝ่ายศิลป์ นาธาน ครอว์เลย์ กล่าวว่าต้องทำรถค้างคาวต้นแบบห้าถึงหกคันภายในตลอดระยะเวลาแปดอาทิตย์
- มีการสร้างรถค้างคาวถึง 8 คันเพื่อใช้ในการถ่ายทำ นอกจาก 5 คันที่ใช้งานได้อย่างเต็มที่โดยใช้แก๊สเป็นกำลังขับเคลื่อน และยังจะมีคันที่วิ่งด้วยไฟฟ้าที่ทำให้มีหลังคาที่เปิดได้ เพื่อให้มนุษย์ค้างคาวและผู้โดยสารเข้าและออกจากรถได้อย่างสะดวก
- ฉากไล่ล่าผ่านถนนหลายสายของเมืองก็อธแฮมซิตี้ มีฉากที่รถจะต้องชนเข้ากับรถคันอื่นๆ แล้วแทรกออกไปจากจราจรที่เป็นจราจลด้วยความเร็วสูง และต้องเลี้ยวผ่านโค้งหักศอกที่แคบ ทีมงานใช้คนขับรถสตั๊นท์ถึง 30 คนเพื่อสร้างสรรค์ฉากไล่ล่ารถครั้งนี้ ซึ่งถ่ายทำกันในเมืองชิคาโก้
- ขณะถ่ายทำอยู่บนถนนในชิคาโก้ มีคนเมาขับรถมาชนรถค้างคาว ซึ่งเขากล่าวว่าขับรถชนรถค้างคาว เพราะตกใจกลัว นึกว่าเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวมาบุกรุก
- ขณะถ่ายทำอยู่บนถนนในชิคาโก้ ทีมงานเป็นกังวลเกี่ยวกับการดูแลรถค้างคาวเป็นอย่างมาก และได้บอกกับสตั้นท์ที่ขับรถว่าสามารถใช้เวลาได้อย่างเต็มที่หากต้องการขยับรถ ผลที่ตามมาคือทำให้การจราจรติดขัดจนถูกรายงานเป็นข่าว
- การขับรถค้างคาวรอบๆ ชิคาโก้ ต้องใช้ตำรวจเป็นจำนวนมาก พร้อมกับการจราจรติดขัดทุกที่ที่รถค้างคาวไป
- หน้าพวงมาลัยของรถค้างคาวทำให้สมรรถนะในการมองเห็นของคนขับไม่ดีนัก ทีมงานจึงใช้ระบบวิดีโอติดตั้งอยู่กับกล้องที่อยู่บนหลังคาของรถเข้าไปช่วย โดยหันหน้าเข้าข้างหลังและในระดับเดียวกับสายตาของคนขับ ถ้าคนขับเกิดมองไม่เห็นของจริงข้างหน้า เขาจะสามารถบังคับรถได้โดยกล้องมอนิเตอร์ได้
- ตัวถังของรถค้างคาวจะหมุนและเอนเอียงจากด้านหนึ่งไปด้านหนึ่ง ทำให้รถสูงขึ้นได้ถึง 6 ฟุตและกว้างมากขึ้นจากทั้งสองด้าน เพราะความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหว
- ทีมงานสร้างได้ทำงานกับรถติดกล้องแบบใหม่ เอ เอ็ม จี เมอร์ซิเดส เอ็ม แอล ซึ่งเป็นรถเสาะหาพิกัด ติดตั้งเครื่องมือที่เรียกกันว่า มืออัลติเมท อาร์ม และ หัว เลฟ เฮด ซึ่งเป็น หัวที่หมุนได้รอบอยู่บนแขนที่ควบคุมด้วยหุ่นยนต์ ควบคุมได้จากแท่งควบคุมจากภายในของรถ หัวเลฟ เฮด จะทำให้ภาพออกมานิ่ง ซึ่งทีมงานจะใช้ในการถ่ายทำเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของฉากการไล่ล่า
- ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเรื่องนี้ คือ ลินดี้ เฮมมิ่ง ซึ่งเคยออกแบบเครื่องแต่งกายมาแล้วในเรื่อง Harry Potter and the Chamber of Secrets และ Lara Croft Tomb Raider
- ชุดค้างคาวที่ออกแบบโดย เฮมมิ่ง และทีมงานนั้นประกอบไปด้วย ชุดตัวในที่ทำจากนีโอ พรีนซึ่งดูคล้ายคลึงกับชุดดำน้ำ ซึ่งมีส่วนประกอบด้านในที่รักษาอุณหภูมิภายในร่างกาย และรักษากล้ามเนื้อไม่ให้เยือกแข็ง นอกจากนี้ ชุดค้างคาวยังมีส่วนแยกลาเท๊กซ์ถึงเจ็ดส่วน ได้แก่ ส่วนเข่า ส่วนท้อง ส่วนขา ส่วนแขน ส่วนลำตัว ส่วนกระดูกสันหลังและส่วนหัว
- ชุดค้างคาวถือกำเนิดขึ้นเมื่อ บรูซ เวย์น ปรับปรุงชุดต้นแบบที่เขาได้ค้นพบในแผนกวิทยาศาสตร์ประยุกต์ของบริษัท เวนน์ เอ็นเตอร์ไพร์ซ ชุดช่วยชีวิตกันไฟที่ทำด้วยผ้านอแม๊กซ์ เป็นเกราะป้องกันร่างกายที่ออกแบบขึ้นมาให้ทหารใส่สำหรับทำการรบ
- ชุดค้าวคาวในเรื่องนี้ไม่มีหัวนม ไม่เหมือนกับที่ จอรจ คลูนีย์ เคยใส่ในเรื่อง Batman & Robin ปี 1997
- ห้องทำงานเครื่องแต่งกายจากภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins มีรหัสย่อว่า เคปทาว์น เพื่อจุดประสงค์ทางด้านความปลอดภัย ตั้งอยู่ที่ เชปเปอร์ตั้น สตูดิโอในกรุงลอนดอน ห้องทำงานนี้มีการควบคุมความปลอดภัยทั่วบริเวณตลอดเวลา 24 ชั่วโมง มีตู้ที่เคลื่อนที่ได้ มีสำนักงานการจัดการ มีโรงอาหาร รวมทั้งห้องทำงานด้านเทคนิค ห้องแกะสลัก ห้องย้อม ห้องซักรีด ห้องสเปร์ย ห้องตัดและห้องเย็บ ห้องศิลปะสำเร็จ ห้องแม่พิมพ์และห้องแลปโฟม และในนั้นผู้คนมากกว่า 40 ชีวิต
- คริสเตียน เบล ต้องได้รับการสลักและทำแบบพิมพ์สำหรับชุดค้างคาวที่เคปทาวน์ หลายเดือนก่อนการเปิดกล้องก่อนที่เขาจะเริ่มเข้าโปรแกรมเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อให้ได้ส่วนสัดของร่างกายที่จำเป็นตามสภาวะของการแสดง
- คริสเตียน เบล ทำน้ำหนักขึ้นมาประมาณ 60 ปอนด์ หลังจากที่เขาลดน้ำหนักเพื่อแสดงภาพยนตร์เรื่อง The Machinist ภายในเวลา 6 สัปดาห์ ก่อนการทดสอบหน้ากล้อง และเขายังมีกล้ามเนื้อที่หนักเพิ่มขึ้นอีก 20 ปอนด์เพื่อรับบทของมนุษย์ค้างคาว
- ขณะเริ่มต้นการถ่ายทำในเดือนมีนาคม 2004 คริสเตียน เบล น้ำหนัก 180 ปอนด์ สูง 6 ฟุต 2 นิ้ว เท่ากันพอดีกับที่หนังสือการ์ตูนบรรยายไว้ถึงแบทแมน
- เบล แสดงสตันท์เองเกือบทั้งหมด เขาเรียนรู้กฎของศิลปะป้องกันตัวแบบใหม่ที่เรียกว่า Keyce Fighting Method (KFM)
- รูปจำลองที่เป็นพลาสติกของ เบล ซึ่งได้ทำขึ้นจากแม่พิมพ์และแกะด้วยดินเหนียว ต่อจากนั้น จะใช้วัสดุพิเศษที่เรียกกันว่าพลาสติไลน์เพิ่มเข้าไป เพื่อให้ผิวหน้ามีความลื่นมากขึ้น ถ้าชุดถูกทำขึ้นมาจากดินเหนียวโดยตรง อาจจะเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นและอาจจะเห็นได้ในจอภาพยนตร์ หลังจากแม่พิมพ์ที่ทำด้วยพลาสติไลน์เสร็จแล้ว พวกมันจะถูกนำไปที่แลปโฟม ซึ่งพวกมันจะถูกฉีดเข้าไปด้วยส่วนผสมของลาเท็กซ์และโฟม
- การทำให้โฟมมีสีดำที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เป็นปัญหาหนึ่ง เพราะขั้นตอนนั้นจะลดความทนทานของวัสดุ ยิ่งเพิ่มเม็ดสีมากขึ้นเท่าไร ความแข็งแกร่งของโฟมก็จะลดลง หลังจากที่ได้ข้อสรุปที่ลงตัว แม่พิมพ์จะถูกฉีดด้วยส่วนผสมของโฟม และอบในเตาอบขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนหลายชิ้นก็จะได้รับการแกะออกจากแบบและตัดเล็มอย่างอดทนด้วยกรรไกรอันเล็กๆ เหมือนกับว่าได้รับการตัดจากแสงเลเซอร์มากกว่าตัดด้วยมือ
- การทำให้เสื้อคลุมค้างคาวปลิวนี้ ทำได้โดยการวิ่งกระแสไฟฟ้าและชาร์จไฟภายใต้ผ้า
- โม่งคลุมหัว สลักเสลาด้วยกราไฟท์ป้องกันแรงกระแทกจากภายนอก และยังมีแผ่นเคฟล่าร์ที่ป้องกันหัวของมนุษย์ค้างคาวจากไฟที่เกิดจากอาวุธ สเตอริโอไมโครโฟนกำลังรับสูงซ่อนไว้หลังหู ที่ทำให้มนุษย์ค้างคาวสามารถได้ยินการสนทนาในระยะไกลผ่านกำแพง และขยายเสียงของเขาให้ดูน่าเกรงขามผ่านทางไมโครโฟนที่ซ่อนอยู่ และเสาอากาศที่อยู่ในหูจะทำให้เขาบังคับกำลังตำรวจและตอบสนองช่องวิทยุเวลาฉุกเฉิน
- ในระหว่างการถ่ายทำ เบล ต้องสวมใส่ชุดค้างคาวอยู่นานหลายชั่วโมง และต้องสวมชุดเย็น ซึ่งมีหลอดพลาสติกเล็กๆ วิ่งผ่านอยู่ข้างในร่างกาย ซึ่งเหมือนกับนักบินที่บินสูงๆ และนักบินอวกาศใช้เพื่อเป็นระบบทำให้เกิดความเย็น
- เข็มขัดค้างคาวจะมีปืนพกมือ พร้อมด้วยมือจับแม่เหล็กและเครื่องปีนที่ทำให้ความเร็วลดลง กล้องใยแก้วนำแสงเพริสโคปที่ทำให้มนุษย์ค้างคาวสามารถมองได้รอบตัว เบต้าแรง อาวุธที่มีขอบเป็นมีดโกนที่สามารถจะเขวี้ยงไปและทำให้ส่วนคมของมันฝังอยู่ในเป้าหมายที่ต้องการและมีการใช้งานเหมือนกับ บูมเมอแรง
- เครื่องมืออีกอย่างหนึ่งของมนุษย์ค้างคาว คือปลอกแขนทองเหลือง ซึ่งได้รับการทาสีให้เป็นสีดำเหมือนกับทุกส่วนของชุดค้างคาว อัศวินแห่งรัตติกาลได้ใช้ในการปีนและป้องกันตัวจากอาวุธมีคมต่างๆ เพื่อเขาจะได้ป้องกันดาบที่ฟาดฟันลงมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ มนุษย์ค้างคาวยังใช้เครื่องมือโซนิคซึ่งติดอยู่ที่ส้นรองเท้าบูทของเขาในการที่จะเรียกฝูงค้างคาวให้เข้ามา เพื่อช่วยปกป้องหรือสร้างความข่มขวัญและเบี่ยงเบนความสนใจ
advertisement
วันนี้ในอดีต
- รักแห่งสยามเข้าฉายปี 2007 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
- Harry Potter and the Chamber of Secretsเข้าฉายปี 2002 แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
- ตีสาม 3Dเข้าฉายปี 2012 แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม
เกร็ดภาพยนตร์
- Demonic - ประกาศสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยชื่อ House of Horror เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2011 โดย เจมส์ วาน รับหน้าที่อำนวยการสร้าง อ่านต่อ»
- Child 44 - เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่ ทอม ฮาร์ดี ผู้รับบท เลโอ และ แกรี โอลด์แมน นักแสดงบท มิกเฮล ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน เรื่องก่อนหน้านี้คือ Tinker Tailor Soldier Spy (2011) Lawless (2012) และ The Dark Knight Rises (2013) อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Abominable เรื่องราวของ ยี สาววัยรุ่น (โดลอี เบนเนต) บังเอิญพบเยติบนหลังคาอพาร์ตเมนต์ของเธอในเซี่ยงไฮ้ เธอและเพื่อนๆ จอมกวนทั้ง จิ...อ่านต่อ»