วิจารณ์ Finding Neverland
-
parcdebagatelle
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 31 ธ.ค. 50 20:07
เป็นหนังที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งในชีวิตเลย...ตอนที่ละครเล่นรอบแรกแล้วปีเตอร์ แพนปล่อยให้เวนดี้จับสายว่าวแล้วโบยบินไปตอนนั้นก็ร้องไห้ออกมาเลยเหมือนเรากำลังบินตามไปด้วย...ตอนที่มิสเตอร์แบร์รี่ยกโรงละครไปแสดงที่บ้านเดวี่ส์พอตอนที่ปีเตอร์แพนบอกให้ทุกคนปรบมือถ้าเชื่อเรื่องนางฟ้าแล้วม่านก็ยกขึ้นเผยให้เห็นดินแดนที่เรียกว่า..เนเวอร์แลนด์..เราก็ร้องไห้ออกมาเลยยิ่งตอนที่เห็นนกยูงกำลังร่ายรำรู้สึกว่าเรากำลังเดินเข้าไปในดินแดนนั้นด้วย...ฉากจบตอนที่ปีเตอร์กับ มิสเตอร์แบร์รี่นั่งคุยกันในสวนก็ประทับใจมากเลยทุกคำพูดทุกประโยคในเรื่องซึ้งและกินใจมากๆ..เรื่องนี้ได้ดนตรีประกอบยอดเยี่ยมด้วยนะเราไปซื้อมาฟังแล้วไพเราะมากๆเลยอยากให้หามาลองฟังดูนะ...Jan A.P. Kaczmarek ประพันธ์ทำนองได้ยอดเยี่ยมมาก...เสียดายเรื่องนี้น่าจะได้เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมปี2005...เราดูจนจำได้แทบจะทุกประโยคในเรื่องเลยล่ะ...ตอนนี้เราเข้าออกเนเวอร์แลนด์ของเราทุกวันเลย...แล้ววันนึงเราจะไม่กลับออกมา...ไปหามาดูกันนะ...เราอยากให้ทุกคนมีจิตวิญญาณแห่งเยาว์วัยแบบปีเตอร์แพนแล้วก็มิสเตอร์แบร์รี่
-
nurse
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 22 เม.ย. 49 08:39
เป็นหนังที่สนุก ซึ้ง ประทับใจมากๆๆๆ
-
โหล
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 22 เม.ย. 49 08:38
หนังดูแล้วน่าประทับใจ แต่ต้องดูเข้าใจ
-
teezaa
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 มี.ค. 49 01:12
เพิ่งดู VCD จบเมื่อกี้
ฝันดีเลย
ปล.จะดูโรงงานช็อกโกแล็ตต่อ ... อิอิ -
เดปป์แฟนคลับ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 28 ก.ย. 48 14:17
ชอบมากๆๆ ตอนแรกนึกว่าจะน่าเบื่อซะอีก ที่ไหนได้ สนุกมากๆ นี่ดูไปหลายรอบแล้วอ่ะ อิอิ ซึ้งมากๆแล้วก็จอห์นนี่ เดปป์ เล่นเก่งอ่ะ หนังแต่ละเรื่องที่เล่น คาเรคเตอร์ไม่เหมือนกันเลยอ่ะ เดปป์สุดยอดอ่ะ ชอบๆ
-
Peter R.T.
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 24 มี.ค. 48 01:07
ต้องขอบอกว่านี้เป็นหนังที่ผมอยากดูมากที่สุดเรื่องนึงในปีนี้ หนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังซักนิด โดยส่วนตัวเป็นแฟนการแสดงของ จอห์นนี่ เดปป์ อยู่แล้ว หนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบที่ดีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการแสดง นักแสดงหลายคนแสดงได้ดีไม่ว่า จะเป็น เคท , จอห์นนี่ ,
เฟรดดี้(ปีเตอร์),แม้กระทั่งคนอื่นๆ องค์ประกอบด้านภาพ ซึ่งถ่ายได้สวยดนตรีประกอบที่แสนจะเพราะ หนังเรื่องแสดงให้เห็นถึงความเป็นเด็กในตัวทุกคน เราจะเห็นได้จากคำพูดของปีเตอร์ว่า " ผมไม่ใช่ปีเตอร์ แพน หรอก เขาตั้งหาก(เจ เอ็ม แบร์รี่)"แสดงให้เห็นว่าการที่ เจมส์ แต่งเรื่อง ปีเตอร์ แพน ได้นั้นใช่อาจเป็นเพราะปีเตอร์ส่วนนึง แต่แท้จริงแล้วคือความเป็นเด็กในตัวเจมส์ตั้งหากที่เป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาแต่งนิยาย ปีเตอร์ แพน ได้สำเร็จในด้านความสัมพันธ์ระหว่างเจมส์กับซิลเวียก็ไม่ใช่ทำนองชู้สาวแต่เป็นความสัมพันธ์แบบมิตรซึงผมว่าการที่เจมส์สนิทกับซิลเวียนั้นไม่ใช่เพราะอยากเป็นเพื่อนแต่เขาอยากสัมผัสความเป็นแม่ในตัวซิลเวียที่มีต่อลูกๆทั้ง 4 คนของเธอ มีคำนึงที่กินใจมาก ตอนที่เจมส์พูดถึงการปิดบังของซิลเวียเกี่ยวกับโรคของตนกับลูกๆของเธอ ซิลเวียพูดว่า " คุณเป็นคนที่นำการเสแสร้งมาสู่ครอบครัวเรา เราเสแสร้งว่าคุณเป็นคนในครอบครัวมาพักหนึ่ง ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความจริง แต่ฉันก็อยากเสแร้งกับคุณ ตลอดไป" โดยรวมหนังทำออกมาดีมาก ผมขอให้คะแนน 9.5 + 0.5(เพราะผมอยากเป็นคนแต่งวรรณกรรมเยาวชนครับเลยโดนใจ)เป็น 10 เต็ม ครับขอเวอร์นิดนึง
ป.ล.ชอบเด็ก 4 คนในเรื่องมากน่ารักดีประทับใจทุกฉาก ชอบที่สุดตอนที่
ซิลเวียนอนซมโดยมีปีเตอร์อยู่ข้างๆ น้ำตาเล็ดเลย(แอบหันไปดูค่อยโล่งใจมีฝรั่งนั่งร้องไห้เป็นเพื่อนด้วย)
เกร็ดนิดส์นึง
1.ในชีวิตจริงปีเตอร์และไมเคิลฆ่าตัวตายทั้งคู่ส่วนจอร์จตายในสงครามโลก
2.ที่จริงซิลเวียมีลูกถึง 5 คน
3.คนที่ชื่อ อาเธอร์ เพื่อน เจ เอ็ม แบร์รี่ ในหนังคือ เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์คนแต่งหนังสือเกี่ยวกับการสืบสวนชื่อดัง(ที่ตัวละครการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังยืมมาใช้)
4.จอห์นนี่ เดปป์เป็นคนบอกให้ ทิม เบอร์ตัน เรียก เฟรดดี้ (ปีเตอร์)มาทดสอบบท ชาร์ลี ในเรื่อง Charlie And Chocolate Factory แถมได้แสดงด้วย หนังเข้าประมาณเดือน สิงหาคม R.T ^ ^ -
ครูก้อง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 4 มี.ค. 48 21:43
อืม....อยากดูหนังแบบนี้มานานแล้ว...และรู้สึกดีกะหนังเรื่องนี้มากๆ...จะซื้อหนังเรื่องนี้เก็บไว้....และได้แต่บอกกะทุกคนว่า...อยากอิ่มใจในชีวิต...ต้องไปดูเรื่องนี้นะ...และไม่เข้าใจว่าเค้าทำให้เด็กชายปีเตอร์เล่นแบบฉากสุดท้ายได้ไง...มันสุดยอดของการที่เด็กตัวเล็กๆจะแสดงได้จริงๆ...ไปช่วยกันดูเถอะครับ...นานๆหนังยังงี้จะมาถึงบ้านเราซะที....
-
ตัวละครลับ-again
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 2 มี.ค. 48 00:11
เรื่องนี้เล่นเรื่องความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่อยู่เยอะ เราจะเห็นเส้นกั้นบางๆระหว่างวัยทั้งสอง ทำไมล่ะ? ผู้ใหญ่ทุกคนเคยสัมผัสกับความเป็นเด็กมาแล้ว แต่บางคนเท่านั้นที่ยังคงมีมันอยู่เมื่ออายุมากขึ้น
เจมส์อาจจะเป็นแค่ 1 ในผู้ใหญ่ที่ยังคงความเป็นเด็กของตัวเองไว้ได้ ((หาผู้ใหญ่แบบนี้แทบไม่มีแล้ว)) ความเป็นเด็กที่อยู่ในจินตนาการของเขา ไม่ใช่การเล่นงี่เง่าด่าพ่อล้อแม่ แต่เป็นความฝันและความคิดสร้างสรรค์ไม่รู้จบ เหมือนที่เราเห็นได้จากพฤติกรรมของเจมส์ตลอดเรื่อง
ตัวละครที่เจ็บปวดมากที่สุดในเรื่องนี้คงจะเป็นแมรี่ ภรรยาของเจมส์ เธอต้องการแค่เข้าใจสามีของเธอ รับรู้อีกโลกที่สามีเธอสร้างขึ้นเพื่อปกป้องวัยเยาว์ของตัวเอง แต่เธอก็ไม่เคยเข้าใจ ... เจมส์ไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังโลกนั้นจากแม่รี่ เหตุผลที่ทั้งคู่ไม่สามารถสื่อสารกันได้ เพียงเพราะความแตกต่างทางความคิด อันที่จริงผมอยากใช้คำว่า "ช่องว่างระหว่างวัย" ด้วยซ้ำ เพราะในขณะที่เจมส์กำลังคิดว่าจะเล่นเกมส์อะไรกับครอบครัวเดวี่ส์ แม่รี่กลับคิดว่าจะใช้ครอบครัวเดวี่ส์เข้าสังคมอย่างไร
เนเวอร์แลนด์ ดินแดนแห่งวัยเยาว์ ดินแดนที่เด็กไม่มีวันโต นี่แหละคือจิตวิญญาณของเจมส์ หากเขาทำได้ สังคม ความหลอกลวง ปลิ้นปล้อน จอมปลอม .... หากเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องใส่หน้ากากเหล่านั้น เขาเลือกที่จะไม่โต แต่ในเมื่อความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เขาจึงสร้างดินแดนแห่งนี้ขึ้นมา เจมส์มีความคิดเหล่านี้อยู่ในหัวมานานแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะบอกเล่า บรรยาย หรือเข้าใจมันได้ลึกซึ้ง จนได้พบกับสี่พี่น้องตระกูลเดวี่ส์ เด็กสี่คนที่แตกต่างกันไป แต่ยังคงไว้ในสิ่งที่เหมือนกันอยู่คือ "ความเป็นเด็ก" แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะพยายามสลัดมันทิ้งไปก็ตาม
ซิลเวีย((เคท วินสเล็ต)) เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจ เธอต้องทำตัวเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ปิดบังความรู้สึกตัวเองไว้ด้วยภาพของหญิงแกร่งที่สามารถเลี้ยงลูกสี่คนได้ด้วยตัวคนเดียว เธอต้องต่อกรกับปากของสังคมที่กระหน่ำเธอ คำครหาว่าเธอมีความสัมพันธ์กับเซอร์เจมส์ ทั้งๆที่ทั้งคู่ก็มีครอบครัวแล้ว หนังไม่ได้กล่าวถึงคำครหาเหล่านี้มากนัก คิดว่าหากเน้นส่วนนี้ เนื้อหาหนังจะรุนแรงกว่านี้ได้อีก แต่ผู้กำกับเองก็ไม่ได้คิดจะเน้นตรงนี้อยู่แล้ว((เอ๊ะ หรือเราชอบหนังรุนแรง = ='))
"เจมส์หลงรักครอบครัวนี้" ((อ้างอิงจาก นิตยสารภาพยนตร์เล่มหนึ่ง ผมอ่านมานานแล้วขอโทษที่จำไม่ได้)) คำพูดนี้ดูจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด เขาไม่ได้หลงรักซิลเวีย หรือเด็กชายทั้งสี่คน แต่เขาหลงรักทั้งครอบครัวนี้ต่างหาก! การที่เขามาทำดีกับครอบครัวนี้ไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน แต่ครอบครัวเดวี่ส์นี่แหละ คือบ้านของเขา สถานที่ที่เขาอยู่ได้ด้วยความสบายใจและมีความสุข ไม่ใช่บ้านในชีวิตจริง ที่มีแต่ความไม่เข้าใจและความเครียด บางที ครอบครัวเดวี่ส์นี่แหละ เนเวอร์แลนด์ของเขา ((หากใครเคยเล่น Final Fantasy 9 ลองคิดถึงเนื้อเรื่องของ Vivi ครับ))
ปีเตอร์ - มองผู้ใหญ่ด้วยสายตาของเด็กน้อย
ปีเตอร์เป็นตัวละครที่"ดูเหมือนเข้มแข็ง" แต่ความจริงแล้วเขาสร้างภาพเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเองต่างหาก เขาพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ไม่เล่นอะไรเป็นเด็กๆ สุขุม เรียบร้อย มีความคิดความอ่าน เพื่อสลัดความอ่อนแอของตัวเอง ไม่ให้เสียใจเรื่องพ่อ เพราะเขาคิดว่าหากเป็นผู้ใหญ่แล้วจะไม่เสียใจ ((เขาดูแม่เป็นตัวอย่างล่ะมั้ง)) ปีเตอร์นั้นใกล้เคียงกับเจมส์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแต่เจมส์เป็นผู้ใหญ่จึงเข้าใจความเป็นไปของโลกนี้มากกว่าปีเตอร์ เขารู้ว่าความเป็นเด็ก จินตนาการ ความฝันมีค่าแค่ไหน และทำทุกวิถีทางเพื่อให้ปีเตอร์ไม่ทิ้งสิ่งเหล่านั้นไปก่อนวัยอันควร
((โอย เกิดมาเพิ่งเคยพิมพ์ยืดยาวขนาดนี้ จบดีกว่า))
แถมเกร็ดครับ
บั้นปลายชีวิตของปีเตอร์ ในโลกแห่งความเป็นจริง ... ฆ่าตัวตายครับ -
sinner man
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 1 มี.ค. 48 23:08
สิ่งที่หนังต้องการจะบอก คือ หากอยากจะเข้าใจความคิดของเด็กๆ เราต้องเข้าให้ถึงโลกเเห่งจินตนาการของเด็กๆ ให้ได้เเละการเข้าให้ถึงเพื่อจะได้เข้าในนี้ เราต้องพยายามเข้าใจโลกในจินตนาการของเด็กๆ เเละกุณเเจที่จะเปิดประตูสู่โลกเเห่งจินตนาการของเด็กๆคือต้องใจฟังในสอ่งที่เด็กๆพูดนั้นเอง อ้างอิงจาก หนังสือ เอนเตอร์เทน
-
ตัวละครลับ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 28 ก.พ. 48 13:32
หากชื่นชอบ เด็ป กันแล้ว อย่าพลาด โรงงานชอคโกแลตมหัศจรรย์นะครับ
จะเข้าช่วงกลางปี ผลงานกำกับโดย ทิม เบอร์ตัน ((Big Fish))
จอห์นนี่ เด็ป เล่นเป็นวิลลี่ วองก้า
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- รักแห่งสยามเข้าฉายปี 2007 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
- Harry Potter and the Chamber of Secretsเข้าฉายปี 2002 แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
- ตีสาม 3Dเข้าฉายปี 2012 แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม
เกร็ดภาพยนตร์
- Big Eyes - โดยส่วนใหญ่ผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน จะทำงานร่วมกับนักแสดงที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้มีแต่นักแสดงที่ ทิม ไม่เคยร่วมงานด้วยมาก่อน โดยภาพยนตร์ที่ทำเช่นนี้ก่อนหน้านี้ คือ Beetlejuice (1988) อ่านต่อ»
- American Sniper - เดวิด โอ. รัสเซลล์ เคยได้รับการพิจารณาให้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนที่เขาจะขอถอนตัว สตีเวน สปีลเบิร์ก ก็เคยสนใจกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็ถอนตัวออกไปเช่นกัน คลินต์ อีสต์วูด จึงมารับหน้าที่กำกับในที่สุด อ่านต่อ»