SIAMZONE.COM

ไปมาแล้ว 5 รอบ ดูกี่รอบ กี่รอบ ก็ไม่เลยนะเนี่ย Phantom of the opera เนี่ย

ไปดูมา 3 รอบแล้ว อยากไปดูอีก ชอบเพลงที่สุด อัจฉริยะ จริง ๆ ทำหนังผีให้เป็นหนังรักได้นี่สุดยอด Phantom ก็หล่อสุด ๆ ที่บอกว่าถอดหน้ากากออกมาแล้วไม่เห็นจะน่ากลัว นั่นเป็นเพราะเรารู้ว่าเป็นหนัง แถมดูหนังผีแบบเลวร้ายหาที่สุดมิได้มาก็เยอะ หน้าตาปูด ๆ โปน ๆ อย่างที่เห็นก็เลยไม่รู้สึกว่าน่ากลัวนะ แต่ที่แน่ ๆ คือ เกลียด Christine ไปอ่านในหนังสือที่เขาแนบมากับ CD (ชุดละครเวที) Raoul ยังร้องเป็นเนื้อความประมาณว่า Christine แต่งงานไปแล้วก็ยังพูดถึง Phantom เสมอ จำได้หมดว่าใส่เสื้อผ้ายังไง มีเครื่องประดับอะไร เฮ่อ ... ไม่รู้จะแต่งกับ Raoul ไปทำไม อยู่กับ Phantom ก็ดีแล้ว ได้ร้องเพลงทั้งวัน

ก่อนเข้าโรงเขาดันแจกดอกกุหลาบทุก 2 ที่นั่ง โรแมนติกจริงๆ - - เอาละพอหย่อนก้นลงเก้าอี้หลังจากผ่านไปแค่ 1/2 ชม. ก็ตระหนักได้ว่า “มันเป็นหนังเพลงจริงๆด้วยวุ้ย” ดังนั้น หลัง 143 นาทีผ่านไปออกจากโรงมาแทบจะร้องโอเปร่าได้เลย(เว่อร์ไปปะเนี่ย)

สำหรับเรื่องนี้นั้น ได้ดัดแปลงมาจากนวนิยายคลาสสิกเรื่อง Le Fantome de L’Opera ของ Gaston Leroux โดยในเวอร์ชั่น 2004(หรือ 2005) นี้กำกับโดย Joel Schumacher ซึ่งผลงานที่ผ่านๆมาล้วนน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น Phone Booth,Bad Company เป็นต้น ตัวเนื้อหาของหนังนั้นได้จับเอาความรักที่ไม่สมหวัง (ประมาณว่า ตบมือข้างเดียวน่ะ) ของ แฟนทั่ม (Gerard Butler) ที่มีต่อ คริสติน (Emmy Rossum) ซึ่งดันไปหลงรัก ราอูล (Patrick Wilson) จนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมที่น่าสลดของรักสามเส้านี้ขึ้น

ในเวอร์ชั่นก่อนของปีค.ศ. 1925 นั้น เดอะ แฟนทั่ม เป็นตัวละครที่ออกแนวไปทางน่ากลัวและเหมือนปีศาจมากกว่าเวอร์ชั่นปัจจุบัน อันเนื่องจากเหตุผลหลายๆประการไม่ว่าจะเป็นลักษณะของหน้ากาก ซึ่ง ในเวอร์ชั่นปัจจุบันนี้ ดูเหมือนเป็นเครื่องเสริมความหล่อให้ตัว แฟนทั่มมากกว่าเครื่องปกปิดใบหน้าซึ่งในจุดนี้ต้องขอขอบคุณเครื่องหน้าที่ดีของนาย Gerard Butler ด้วย แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่คงเดิมไว้เช่นกันกัน เช่นความจืดชืดและไร้สเน่ห์ของ ราอูล ซึ่ง ถ้าหากเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบันนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่คงจะเลือกแฟนทั่มมากกว่า แม้ว่าจะถอดหน้ากากออกแล้วก็ตาม เพราะ นายราอูลนั้นแทบจะไม่ทำอะไรที่เป็นที่น่าหลงใหลของสาวๆเลย

ในส่วนด้านอื่นๆของหนังนั้น เน้นความอลังการหรูหราของโรงละครที่ประดับด้วยศิลปะต่างๆที่งดงาม โดยอาศัย การจัดฉากและแสงเป็นหลัก ทั้งนี้รวมไปถึง การใช้เครื่องแต่งกาย ซึ่งบอกได้คำเดียวเลยว่า ยิ่งใหญ่อลังการแทบทุกฉาก และบางฉากยังช่วยสอดคล้องอารมณ์ของตัวละครได้อีก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของหนังเรื่องนี้ คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของ ด้านดนตรีประกอบ ซึ่งจะถาโถมใส่โสตประสาทของผู้ชมอย่างคุ้มราคาตั๋วหนังตลอด 2 ชม.กว่า แม้ว่า ดนตรีนั้นจะค่อนข้างซ้ำไปมาแต่มันก็ใช้ได้ถูกกับฉากที่ควรจะใช้ และหากฟังให้ดีๆ อาจจะสังเกตได้ว่า มันมีความเป็น Rock อยู่นิดๆ แอบแฝงไว้หน่อยๆ

ในส่วนของนักแสดงนั้น Gerard Butler กับบทแฟนทั่มนั้น พยายามอย่างสุดความสามารถในการร้องเพลงออกมานั้นถือว่าไม่เสียเปล่า แต่การนำเขามาแสดงนั้นก็ทำให้บทของแฟนทั่มนั้นดูน่ากลัวลดลงไป อีกทั้งหลังจากถอดหน้ากากแล้วนั้น แทนที่ผู้ชมจะได้เห็นความ “อัปลักษณ์” กลับได้เห็นเพียงความผิดปกติเพียงเล็กน้อยแทน ในส่วนของ Emmy Rossum นั้น แสดงได้ดีโดยมากอาศัยการสื่ออารมณ์ผ่านสายตาสู่ผู้ชม แต่ในหมู่นักแสดงทั้งหมดนั้น ผู้ที่แสดงค่อนข้างจืดชืด ไม่มีสีสันเท่าที่ควรคือ Patrick Wilson ซึ่งอาจมีสาเหตุหลักจากบทของราอูล ซึ่งหากพิจารณากันจิงๆนั้น คงเอาชนะคู่แข่งอย่างแฟนทั่ม (ตัวอย่างผู้ชายที่จืดชืด ไร้สเน่ห์ ในแบบคลาสสิก) ได้ยากมากหากไม่เพราะความทรงจำครั้นเยาว์วัยกับคริสติน นอกจากนี้ในส่วนของนักแสดงตัวประกอบอื่นๆ ก็แสดงได้ดีเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ Minnie Driver ในบทของนักร้องโอเปร่าเสียงโซปราโน่คล้ายๆตัวอิจฉาของเรื่อง ซึ่งสามารถเรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี

หากมาดูกันให้ดีๆจะเห็นว่า เรื่องThe Phantom of the Opera นี้ ถือได้ว่าเป็นตำนานรักบทหนึ่ง ที่สะท้อนได้ความแตกต่างกันระหว่าง ความลุ่มหลง กับ ความรัก ได้เป็นอย่างดี อันจะเห็นได้จาก จุดเริ่มต้นที่ทั้ง แฟนทั่มและ ราอูล นั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์ของคริสตินแล้วก็เกิดความลุ่มหลง จนก่อให้เกิดการแย่งชิงขึ้น แต่ในที่สุดแล้วความรักที่แท้จริงของแฟนทั่มก็แสดงผลโดยการปล่อยคริสตินไป นอกจากนี้เรายังอาจจะวิเคราะห์ได้อีกหากเปรียบ แฟนทั่มกับคนที่มีความสามารถ ราอูลเปรียบกับผู้ที่ไม่มีความสามารถอะไร และคริสตินเป็นดั่งของมีค่าที่ทั้งสองต่างช่วงชิง แต่คนที่ไม่มีความสามารถอะไรกลับได้ไป เป็นการสะท้อนถึงความไม่ยุติธรรมในสังคมก็ได้ นอกจากที่กล่าวมานี้ ดูหนังสนุกแล้วสิ่งที่ควรทำคือ นำข้อคิดมาปรับใช้ในชีวิต อย่าลืมนะงับ

หนุกดี ว่าสงสารphantomก็สงสารอยู่ แต่เค้าก็ออกจะร้ายไปหน่อยนะ ถ้านิสัยดีกว่านี้ก็ดีสิ (อยากซื้อvcdเก็บไว้เร็วๆจัง)

ถ้าเป็นยุคปัจจุบันนะ ใครเลือกราอูลนี่ ถือว่าชอบของแปลก ไม่ตามจีบตามตื้อเลย ไม่รู้นางเอกรักไปได้ไง แฟนท่อมดีก่าตั้งเยอะ หน้าตาก็ดีก่า ตื้อซะ...คนตายไปหลายศพแน่ะ - -
แต่ยังไงเหอะเรื่องนี้ก็แสดงแล้วว่า รักที่แท้จริงไม่ได้อยู่กับการที่เป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แต่มานอยู่ที่การที่เราต้องนำใจของคนที่รักมาใส่ในตัวเราต่างหากละ แฟนท่อมเลยยอมปล่อย ทั้งที่ลุ้นแทบตายว่าให้ได้กัน ยังงี้แหละคนไม่เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อน ยิ่งแฟนท่อมตอนเด็กนะเราสงสารมากเลยน่ะ (เหมือนเราตอนเด็กยังไงไม่รู้) แทบร้องไห้โฮออกมาเลยอะตอนดูฉากตอนเด็ก(แด่ความทรงจำอันเลวร้ายในลิ้นชัก) แล้วคิดดูตอนโตมาเจออะไรยังงี้ ทั้งที่ตัวเองเป็นอัจฉริยะตั้งหลายด้าน(หนังบอก) กลับรั้งสิ่งที่ตนรักไม่อยู่ มานจาน่าเจ็บใจขนาดไหน ฮือ...

A

บทดี...เพลงดี...

ชอบ

: )

ชอบหนังเพลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยประทับใจมาก........ตอนแรกก็ค่อนข้างเซ็งนางเอกนะ ลังเล.....แต่ดูดีๆแล้วจะเข้าใจว่าเธอยังเด็ก....คงไม่สามารถอยู่ในความมืดมิดกับPhantomได้......เฮ้อ...เศร้าแต่ก็ทำใจไว้แล้วอ่ะ.........สรุปว่าหนังดีมากกกกก แต่จะดีกว่านี้ถ้า Christine ไปกับ Raoul แล้วทรมานโหยหาดนตรีของ Phantom จนตาย.....^_^

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ชอบเรื่องนี้มากๆ เพราะเคยฟังแต่เพลงภาคเก่า แต่ไม่เคยดูเรื่องมาก่อน
เพลงเพราะมากๆ ทำให้ชอบหนังไปด้วย
เราลุ้นแทบแย่ ให้ ราอูลจมน้ำไปซะ ชอบไปเป็น กขค ดีนัก ( โหดไปไหมเรา)
ไม่รู้ว่า ถ้าไม่มีราอูล แฟนท่อมจะสมหวังไหม

เพื่อนๆเรา ชอบบอกว่า ดูแล้ว อืดๆ จะหลับ สงสัยไม่ อินกับเพลง ถ้าฟังออก จะทึ่งมากกว่า คนแต่งเพลงนี่ แต่งได้ยังไง ไม่ต้องพูดกันเลยก็รู้เรื่องเป็นเรื่องได้

ฉากสวย เพลงเพราะ นักแสดงแสดงเก่งมาก อลังการบรรจงสร้างทุกอย่างออกมา ใครอยากยกระดับตัวเองควรไปดู

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ต่ออีกนิด ลืมๆๆ แหะๆ

คือว่าเราหมั่นไส้นางเอกนิดๆ อ่ะ ตอนแรกก็ทำเหมือนจะชอบแฟนทั่ม แล้วยอมที่จะไปอยู่ด้วย แต่มาตอนหลังไปหาราอูลซะได้

คงลังเล โลเล เพราะแฟนทั่มก็ชักจูง นำพาไปหาเสียงเพลง ราอูล ก็เป็นรักแรก ครั้งเมื่อยังเด็ก คริสทีน ก็เลย ตัดสินใจไม่ถูกสักทีมั้ง

ถ้าเป็นเราจะตัดสินใจให้ชัดเจนไปเลย ไม่ปล่อยให้เนิ่นนานอย่างนี้ เพราะในที่สุดก็ต้องมีคนนึง ที่ต้องจากไป สู้บอกแต่แรกเลยดีกว่า