วิจารณ์ จอมขมังเวทย์
-
ขอรับแมน
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 13 มี.ค. 48 10:50
ถ้ามันน่าดูจริงทำไมคะแนนมันน้อยล่ะขอรับ
-
ฤ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 12 มี.ค. 48 22:35
ทำไมพระถึงไม่ให้อิทธิรักษาเด็ก ทั้งๆที่ทำได้
แล้วพูดถึงเรื่อง กรรม สิ่งที่อิทธิทำ นั่นดีไม่ใช่หรือ แต่ทำไมพระห้าม?? -
lek
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 12 มี.ค. 48 22:13
เรื่องของบทผมว่าก็ไม่ได้อ่อนนะครับ อาจมีบ้างที่ขาดรายละเอียดบางอย่าง แต่ถ้าคิดตามไปบ้างก็พอเข้าใจได้ครับ คนที่ติหนังเรื่องนี้แรงๆ ไม่ทราบว่ามีอคติกับหนังมากเกินไปรึเปล่า (การเป็นหนัง อาร์ เอส อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีแต่คนจ้องจะจับผิดอ่ะครับ) ผมชอบหลายๆอย่างในหนังเรื่องนี้นะครับ แต่ว่าตอนดูก็เครียดเอาเรื่องเหมือนกัน อ้อ คนดูเยอะดีครับ ชื่นใจแทนทีมงานของหนังเรื่องนี้ทุกคน หนังของคุณแม้จะไม่ได้ดีสุดๆ แต่ไม่เลวเลยสำหรับหนังไทยครับ เห็นได้ชัดว่าเป็นหนังที่ออกมาจากความตั้งใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องจริงๆ และทำให้ผมทึ่งกับหนังไทยได้เมื่อดูจบ
-
กพเ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 12 มี.ค. 48 17:23
แย่มาก เวอร์เกินจริง
-
Lina (1)
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 12 มี.ค. 48 14:32
คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น คุณตัวละครลับ ดีคะที่มาแชร์ความรู้สึกจากการดูหนังเรื่องนี้
1) จริงๆแล้ว ผู้กำกับต้องการนำเสนอในรูปแบบ แบบนี้อยู่แล้ว คือเป็นหนังที่ไม่สำเร็จรูป มีประเด็น แต่ไม่จบประเด็น ทิ้งไว้ให้คิดคะ ซึ่งเราอาจจะไม่ชินกับการดูหนังแบบทิ้งไว้ให้เราคิด และไม่ใช่คิดแค่อย่าง สองอย่าง คือต้องคิดตามเกือบทั้งหมดเลย (เรียกว่าคิดกันเหนื่อยทีเดียว) และต้องตามฉากให้ทัน (ห้ามแอบดูนาฬิกานะค่ะ) เพราะถ้าหลงฉากแล้วจะงง ^_^
จริงๆมันมีความลึกในนิสัยของตัวละคร ที่แสดงออกมาในแต่ละฉากคะ
มันมีที่มาที่ไป แต่ไม่เจาะลึก ถึงไม่เล่าปูมหลังทั้งหมด แต่เราพอจะดูเข้าใจนะ คือว่าหนังทิ้งให้เราดูและตัดสินใจเองจากสีหน้า อารมณ์ของนักแสดง ว่าฉากนั้นเขากำลังคิดอะไรอยู่ คุณคิดว่าอันไหนเรื่องจริง คิดว่าอันไหนเรื่องหลอก เห็นด้วยกับข้อ 3 เรื่องประเด็นให้คิด ความดีและความชั่ว
ยัง compare ไม่ชัดเจน ขาดน้ำหนักไปหน่อยคะ ถ้ามีอีกนิดจะดีมาก
มีคำถามมากมาย และมีประเด็นที่ถามๆกันมากเกี่ยวกับเรื่องเงิน/เรื่องผู้หญิง/เรื่องตัวละคร ก็ขอฝากความเห็นที่เรารู้สึกจากการไปดูเรื่องนี้ของเราเองให้ได้ดูด้วยแล้วกัน เผื่อจะช่วยให้หายสงสัยในบ้างจุดได้ และสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูนะคะ อาจพอจะช่วยให้เข้าใจได้นิดนึง
1) เรื่องผู้หญิง
อิทธิต้องการ "ถอดของ" คือการทำให้คาถาอาคมของท่านรองเสื่อม
ให้ผู้หญิงที่มีประจำเดือน ขึ้นคร่อม ซึ่งโบราณว่าของเหล่านี้ เป็นของต่ำและสกปรก ทำให้ของมีอาคมเหล่านั้นเสื่อมได้ ของเสื่อมนี่คือ รอยสักยังมีอยู่คะ ไม่หาย แต่จะไม่ขลังไม่มีพลังสำหรับคนๆนั้นอีกต่อไป ตอนที่หายก็เพราะถูกอิทธิดึงไปเพิ่มอาคมให้กับตัวเอง ส่วนสาเหตุของการที่ต้องฆ่าผู้หญิงก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เหมือนกันคะ
ที่เห็นเป็นตุ๊กตาเหลืองที่อิทธิยืนให้ผู้หญิง น่าจะเป็นตุ๊กตาขี้ฝึ้งทำเสน่ห์มากกว่าคะ ปั้นเอาหน้าชนกัน บริกรรมคาถาครบ 7 คืน จะทำให้หลงใหล ไม่ใช่กุมาร
2)ประเด็นเรื่องเงิน
เป็นประเด็นที่ถามกันมาก เป็นปริศนาที่คาใจเกือบทุกคน
คือว่าไปดูครั้งเดียวก็ยังจำรายละเอียดไม่หมด ไม่แน่ใจว่า ฉากที่ย้อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงสี ตอนที่2 ที่เหมือนคุณนกฉัตรชัยเป็นคนเล่านี่ มีพูดกันถึงเรื่องเงินอีกหรือเปล่า
A)ถ้าไม่ได้พูดถึงเรื่องเงินอีก ก็แสดงว่าพวกเราหลงประเด็น เหมือนที่สันติ หลงประเด็น เชื่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ท่านรอง(คุณทอม)เป็นคนเล่าคะ
B) ถ้าพูดถึงเรื่องเงินอีกในตอนที่สอง
หนังไม่ได้เฉลย ก็คงต้องคิดกันเองคะ แต่เงินเป็นเงินที่มาจากการไปปล้นมา มันไม่บริสุทธิ์ ไม่ได้มาจากการทำงานสุจริต ก็อยู่กับใครได้นานหรอกคะ เงินมันร้อน!! สุขกายแต่ไม่สบายใจ... ว่าแต่เราสนใจเรื่องเงินกับเขาจริงๆเหรอ แล้วเราจะกลับไปช่วยพวกเขาหาในโรงสีมั๊ย เผื่อเจอ...^_^
3)อิทธิ กับสันติ ท่านรอง และตัวละครอื่นๆ
แล้วคุณคิดว่าพวกเขาเป็นคนยังไง หนังก็ปล่อยให้คุณคิดเองอีกเหมือนกัน ในความเห็นส่วนตัวนะคะ
"อิทธิ" ไม่ใช่คนที่เลวแบบดั้งเดิม คือพื้นฐานจิตใจไม่ใช่ แต่เพราะถูกเพื่อนหักหลัง คนเราถูกกระทำมากๆ ย่อมมีความแค้น เขาอาจจะคิดว่าในเมื่อเป็นคนดีไม่ได้ ไม่มีใครช่วยก็เป็นคนเลวมันซะเลย แต่ใจจริงไม่เหี้ยมโหด เขาตัวคนเดียว ไม่มีหลักทางใจ จึงเหมือนเป็นคนที่มีความเจ็บปวดทางจิตใจอย่างสาหัส ดูจากฉากบนรถไฟ สายตาของเด็กที่มองเขา เขามานั่งคิดว่า ทำไมชีวิตเขาต้องเป็นแบบนี้ แม้แต่เด็กก็กลัว ต้องมาฆ่าเพื่อน เพียงแต่เลือกทางเดินที่เขากำหนดเอง ซึ่งสุดท้ายมันก็สายไปเมื่อรู้ตัว
"สันติ" เป็นคนที่มีความสับสนลึกๆในใจ ถึงว่ากันว่าคนเงียบน่ากลัวกว่าคนที่พูดๆๆออกมา เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จริงๆ หนังก็มีจุดที่สันติ สนใจในไสยศาสตร์แต่แรกแล้ว จากการที่เขาไล่ล่าใหญ่ และเห็นอาคมต่างๆ จุดที่ทำให้เขาเปลี่ยนอีกคือ ความหลงประเด็น เชื่อที่ท่านรองเล่าให้ฟัง และเห็นแต่ภาพอิทธิฆ่าคน และเสกของทำร้ายตัวเอง จึงเกิดอยากเอาชนะต้องการชนะด้วยส่วนหนึ่ง โดยที่ตัวสันติก็ไม่ได้หาข้อมูล หรือสาเหตุว่าทำไมอิทธิต้องฆ่า (ถ้าดูกันตอนฉากที่ผู้หญิงถูกฆ่า และมีเงิน แต่เงินไม่หายไปไหน ถ้าฆ่าเพราะเงินทำไมอิทธิไม่เอาเงินไปด้วย
ตรงนี้สันติสามารถตั้งข้อคิดได้ ) หนังก็ทิ้งให้เราคิดอีกแหละ คือว่าสันติไม่ได้สนใจ หน้าที่ที่ถูกต้องของตัวเองอีกต่อไป แต่เขาเลือกทางเดินอีกแบบหนึ่ง...ถูกครอบงำจากจิตใจในด้านมืดของตัวเอง.....
"ท่านรอง" และเพื่อน
ก็เป็นตัวละครที่ มีความโลภ ขึ้โกง ไม่ซื่อสัตย์ อย่างมาก
แล้วตัวเองก็ต้องมาเจอกับโศกนาฎกรรมที่ตัวเองเป็นก่อ คือรับกรรมไปในที่สุด
4)ประเด็นเรื่องไสยสาศาตร์และการศึกษา
ในความเห็นนะคะ หนังไม่ได้ต้องการสื่อเรื่องไสยศาสตร์เป็นประเด็นหลัก เพียงแต่เป็นองค์ประกอบหลัก เพราะฉะนั้นเราจะเห็นภาพของไสยศาสตร์แบบครี่งๆ
ประเด็นหลักคือ จิตใจ/การกระทำ/ความคิดของตัวละคร คุณคิดว่าพวกเขาใครถูกใครผิด และก็คงไม่ต้องการนำเสนอในเรื่องของการศึกษาไสยศาสตร์ที่มากเกินไป เพราะมันจะค่อนข้างละเอียดอ่อนกับการนำเสนอในส่วนนี้ แต่ดูน้อยไปนิดนึง ถึงแม้ไม่นำเสนอภูมิหลังของอิทธิและเพื่อน
ก็ดูพอจะเข้าใจว่า พวกเขาทำงานกลุ่มเดียวกัน ทุกคนมีคาถาอาคม เพราะหน้าทีของพวกเขาคือปราบปรามผู้ร้ายที่มีอาคม เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน อิทธิอาจจะสนิทกับเพื่อนอีกคนมากกว่า เพราะสีหน้าที่อยู่บนรถไฟ แสดงว่าไม่อยากทำ ไม่อยากฆ่า แต่กับท่านรอง(ทอม) อิทธิฆ่าแบบตั้งใจ คือมีความแค้นในใจกับคนนี้มากกว่า
หวังว่าพอจะช่วยให้หายสังสัยกันได้บ้างนะคะ
จริงๆแล้ว ไม่ได้รู้อะไรมากมายหรอกคะ เพียงแต่ติดตามเรื่องนี้มานาน แล้วก็ศึกษาข้อมูลก่อนดูภาพยนตร์เรื่องนี้
หลักๆเลยคือทำความเข้าใจในตัวผู้กำกับ ก่อนเพราะคุณต้อมเพิ่งกำกับเรื่องนี้ครั้งแรก เราขอรู้ประเด็นว่าเขามีความตั้งใจแบบไหน หนังของเขาเป็นแนวไหน เขาต้องการสื่ออะไร คือมันจะช่วยเรา แล้วเราจะดูเข้าใจมากขึ้น
ค่อยมาเก็บรายละเอียด องค์ประกอบอื่นๆ ทีหลัง ว่าตรงอย่างที่เขาเสนอมั๊ย
คือการเขียนบทมันยาว เหมือนเขียนหนังสือ เก็บรายละเอียดได้ทุกอย่าง แต่ถ้ามาทำเป็นหนังแล้ว ด้วยเวลาที่น้อย มันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะเก็บหรือเพิ่มรายละเอียด เพราะการแสดงของตัวละครมันจะใช้เวลา กับฉากๆหนึ่ง แต่ถ้ากำหนดว่าใน ชั่วโมงครึ่งของหนัง คุณจะใส่อะไรเข้าไปบ้าง จะช่วยโฟกัสบทให้สั้นลง คุณจะนำเสนออะไร มันจะได้ครบกว่า อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะคะ แต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ เพราะองค์ประกอบเยอะ คนเยอะ เรื่องทุน เรื่องเวลา เรื่องสถานที่ ดินฟ้าอากาศ ฯลฯ
จะกลับไปหาคำตอบกับเรื่องนี้อีกครั้ง ว่าจริงๆมีคำเฉลยซ่อนอยู่ในฉากไหนมั๊ย เราหลงประเด็นกันหรือเปล่า... -
ตัวละครลับ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 12 มี.ค. 48 12:57
คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ** ยังไม่ได้ดู ข้ามไปก่อนครับ อย่าพึ่งอ่าน **
เสียดายครับ คือ ไม่เสียดายเงินนะครับที่ไปดู
แต่เสียดายเพราะการที่ผมได้ไปดูหนังเรื่องนี้ ทำให้รู้ว่าเรื่อง special Effect ของหนังไทยนั้น พัฒนาขึ้นอยู่ในมาตรฐานที่ "ใช้ได้" เลยทีเดียว สำหรับการทำหนังดีๆสักเรื่อง แต่กลับไม่มีใครยอมทำหนังดีๆขึ้นมาให้คนดูกัน
ส่วนตัวผมไม่คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นขนาด "หนังห่วย" นะครับ ยิ่งรู้ว่าเป็นการกำกับครั้งแรกก็ชื่นชมทีเดียว ถือว่ามีความพยายามดีมาก ขอให้สู้ต่อไปครับ เอาเป็นว่าพูดถึงจุดบกพร่องก่อนก็แล้วกันนะครับ
1. อย่างที่มีคนเขียนไปแล้วครับ การขาดเหตุ และ ผล ที่มา และที่ไป ของตัวละคร บางครั้งทำให้เราแอบสงสัยในใจว่า เอ๊ะ มันทำไปเพื่ออะไร ต้องการเอาชนะหรือ? หรือว่าแค่ต้องการจับคนร้าย? หรือว่าอยากได้เงิน? หรือว่า??? เต็มไปหมด เพราะว่าส่วนนี้ไม่เคลียร์ครับ
2. การดำเนินเรื่องของหนังนั้นอืดเกินไปครับ เรียกได้ว่ามีส่วนประกอบไม่สำคัญอยู่เยอะ บางครั้งทำให้แอบน่าเบื่อและต้องดูนาฬิกา ลองดูครับ ลองทำไปเรื่อยๆแล้วจะรู้เองว่าตรงไหนควรทำอย่างไร
3. และนี่คืออีกความเสียดายครับ คุณมีประเด็นที่ดีมากให้เล่น คุณแอบพูดถึงเรื่องศาสนาและไสยศาสตร์ และเรื่องกรรมไว้ในฉากที่ไปวัด แต่กลับหายไปครับ ในส่วนอื่นของเรื่อง เหมือนกับว่า อึ่ม เรื่องนี้น่าจะเอามาแทรก แต่ผมว่า มันไม่ควรแค่ "แทรก" ไว้จุดเดียวนะครับ ความจริงคุณเอามาทำเป็นหนังทั้งเรื่องก็ยังได้ ผมเห็นแล้วล่ะว่าเรื่องนี้คุณจะเอาทางที่บอกว่า "เลือก" ได้ว่าจะทำดี หรือไม่ดี แต่มันกลายเป็นความไม่ชัดเจนไปน่ะครับ จากที่บอกแล้วว่าองค์ประกอบยังขาดๆอยู่ เสียดายครับ คราวหน้าลองใหม่นะ ถ้าจะเล่นเรื่อง "ทางเลือก" ต้องชัดกว่านี้ครับ ลองไปดู Spiderman-2 สิครับ ... Choice ืทั้งเรื่องจริงๆ 555 ((อันนั้นก็หนังสูตรแบบสนุกๆน่ะครับ))
4. ฉากแอคชั่นครับ นี่คือหัวใจของหนังสไตล์นี้ ความตื่นเต้นเร้าใจใน2นาทีแรกหายไป และกลายเป็นความรู้สึกธรรมดาๆสำหรับ 5 นาทีหลังครับ
ที่เหลือจุดเล็กจุดน้อยเว้นไว้นะครับ
มาชมบ้างดีกว่า 555
1. หนังเรื่องนี้ อุอุ แอบสารภาพว่าผมดูได้จนจบเรื่องเพราะคุณนกฉัตรชัยครับ เขาเป็นคนที่กำชีวิตของหนังเรื่องนี้ไว้เกือบทั้งหมดเลยทีเดียว อันนี้ต้องขอบคุณเขามากๆ เล่นดีเสมอต้นเสมอปลายนะครับ ^^
2. ผมชอบลักษณะการตัดฉากครับ องค์ประกอบภาพสวยดี เช่นภาพท่อไอเสียก่อนรถวิ่ง หรืออะไรพวกนั้น ผมล่ะชอบมากๆๆ 555
ติมากกว่าชม แต่ติเพื่อก่อนะครับ ไม่ได้ชมเพื่อทำลาย
ผมชอบและดีใจนะที่รู้ว่าหนังไทยเนี่ย อึ่ม ถ้าจะทำดีก็ดีได้แล้ว เพราะฉะนั้น ลุยครับ
เป็นกำลังใจให้เต็มที่
- มิตรรักหนังไทยคนหนึ่ง - -
nuch
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 12 มี.ค. 48 12:19
ชอบมั่กมั่ก เป็นกำลังใจให้นักแสดงทุกท่าน
-
อินดี้
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 11 มี.ค. 48 19:41
มันครับหนังมันมากๆ
-
papermoon
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 11 มี.ค. 48 08:30
ดูแล้ว สนุกดี แต่เวอร์นิดๆ
-
โฏ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 10 มี.ค. 48 21:06
ดูแล้วเครียดเลยอะ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Let Me Inเข้าฉายปี 2010 แสดง Kodi Smit-McPhee, Chloe Moretz, Richard Jenkins
- Vampire Hunter Dเข้าฉายปี 2004 แสดง Hideyuki Tanaka, Ichiro Nagai, Koichi Yamadera
- Unstoppableเข้าฉายปี 2010 แสดง Denzel Washington, Chris Pine, Rosario Dawson