SIAMZONE.COM

ไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยคำพูดของคนใกล้ชิดที่บอกว่าจะไม่ผิดหวัง

เมื่อไปดูแล้วมันก็ไม่ผิดหวังจริงๆนั่นแหละ ความรู้สึกที่ดูจบแล้ว
บอกได้คำเดียวว่า ผู้กำกับคัดนักแสดงได้เจ๋งมาก(อย่างที่คุณชายวายุ
ได้แสดงความคิดเห็นไป) รองมาก็คือเรื่องฉากและการตัดต่อ
ที่ค่อนข้างพิถีพิถัน ภาพทุกฉากจะสวย และชวนให้ติดตาม แม้จะมี
บางจุดที่ผิดพลาดในฉากเรื่องความน่าจะเป็น แต่ก็ถือว่าไม่ได้ทำให้
หนังเสียอรรถรสไป จุดนี้ทำให้คนดูมองที่จอตลอด 2 ชั่วโมง ถือเป็น
การดึงดูดที่ประสบผลสำเร็จ

แต่ก็ขอแสดงความคิดเห็นในข้อเสียที่เห็นสักหน่อย คือ
สาระของเรื่อง เมื่อดูแล้วก็จะได้การชิงรักหักสวาทของ1หญิง 2 ชาย
เรื่องอื่นไม่เป็นสาระสำคัญของหนัง หากคนดูที่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มา
ก่อนก็จะรู้สึกถึงความว่างเปล่าของหนัง แต่หนังที่สร้างมาจากหนังสือ
เรื่องนี้ ก็ถือได้ว่าทำได้ดีแล้ว ยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ทุกส่วนสำคัญ
ของเรื่องจะจบในหนังเรื่องเดียว เทียบกันแล้วดีกว่าหนังที่สร้างจาก
หนังสือเล่มอื่นๆ อย่าง แฮรี่ เพียงแต่ว่ามันเน้นที่ความรักจนทำให้คนดู
รู้สึกค้างคา อย่างบ้านมีดบินตอนที่ทหารบุกเข้ามาจะเป็นอย่างไรต่อไป
ตัวเอกทั้งสองเกี่ยวข้องกับการตายของเจ้าบ้านคนเก่าอย่างไร เป็นต้น

โดยรวมๆแล้ว เป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่ง

ไปดูมาแล้ว สนุกใช้ได้เลย ตอนแรกก็ไม่คิดว่าหนังจะออกมาในรูปแบบนี้ถูกหลอกไปพร้อมๆกับ...เลย รู้สึกว่าประทับใจมากๆทุกอย่างเลย
ทั้ง ผู้กำกับ นักแสดง โครงเรื่อง เสียงประกอบ ภาพก็สวยมากๆ ดูแล้วอิ่มเอม ยิ่งผู้กำกับเป็นจางอี่โหม่วด้วยแล้วก็รู้สึกว่า เรื่องนี้เค้าก็ทำออกมาไม่แพ้เรื่องก่อนๆเลย อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ รู้สึกว่าเค้าใช้ใจทำอ่ะ มันประณีต สวยงาม ชดช้อย อยากจะพรรณา นักแสดงก็ดีนะหลิวเต๋อหัว ก็ยังสุดยอดเหมือนเดิม แต่อาจจะเป็นเพราะบทไม่ค่อยส่งเค้าเท่าไหร่นัก ทาเคชิเล่นได้ดีนะ ดีกว่า รีเทิร์นเนอร์เยอะเลยทีเดียว ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดี นางเอกก็น่ารักมาก เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือ เนื้อเรื่อง ดีมากๆๆๆให้ 100 ดาวเลย สำหรับคนเขียนบท คิดได้ไงอ่ะ ยอดมาก ไม่ค่อยบอกนักนะที่จะได้ดูหนังดีๆของทางฝั่ง ฮ่องกงสักเรื่อง นานๆที เพราะที่มีอยู่ก็เอียนจนเต็มทน

Korb Koon Kaa :) Khun Chai Wayu... hmm..mm...are you a writer? a film critic or reviewer somthing like that? ^_^

I agree with you & I like your view on the acting of 3 leads... hee.hee..hee.. actually I'm a BIG fan of Andy Lau (หลิวเต๋อหัว) kaa.

Thank you again :)

ตอบคุณ tuzi นะครับ....
สำหรับตัวละครนำทั้ง 3 ตัวนั้น...ผมประทับใจทุกคนครับ....
แต่ถ้าถามว่า ประทับใจใครเป็นพิเศษ ก็คงต้องตอบว่า เป็น จาง ซื่อ ยี่ นั่นแหละครับ....


จาง ซื่อ ยี่ :
หนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรก ที่สามารถบีบคั้น ศักยภาพทางการแสดงของหนูยี่ออกมาอย่างหมดจดงดงาม.....คงจะมีคนหลายๆคนที่มาถามว่า อะไรในหนังสวยงามมี่สุด...บางก็ตอบว่าฉาก...บ้างก็ตอบว่าวิว...บ้างก็ตอบว่าเสื้อผ้า...บางก็วา นางเอก......
แต่สำหรับผม...สิ่งที่สวยที่สุดในหนังเรื่องนี้คือ "แววตาของ เสี่ยวเม่ย" ครับ...
หนูยี่ สามารถเป็นเสี่ยวเม่ยได้ทั้งร่างกายและวิญญาณ....แววตาของเธอตอนต้นเรื่อง ที่แสดงว่าเป็นคนตาบอดนั้น...มันก็เหมือนคนตาบอดจริงๆ...แต่ก็เป็นคนตาบอดที่มีจิตใจ จิตวิญาณ....
พอมาตอนท้ายๆเรื่อง...แววตาของเธอเป็นตัวบ่งบอกถึงความรู้สึกภายในใจได้อย่างหมดจด ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์รัก อารมณ์เหงา เศร้า ตัดพ้อ เด็ดเดี่ยว
ทุกอย่างเพอเฟคหมดเมื่อได้หนูยี่มารับบทนี้....
นับว่าเป็นก้าวกระดดดทางการแสดงครั้งสำคัญและน่าจดจำ....
ทำให้เอกลายเป็น "นักแสดง เจ้าบทบาท" มากกว่าเป็นเพียง "นักแสดงเสริมบารมีหนังเพื่อเรียกแฟนคลับเข้ามาดู" อย่างหนังเรื่องกอ่นๆของเธอ....



ทาเคชิ คาเนชิโร :
คล้ายๆ ออร์แลนโด้ บลูม ในไพเรท ออฟ แคริเบียน ครับ...มีไว้ให้หล่อ และล่อให้สาวๆลงหลุมพราง...ถามว่าเขาแสดงดีไหม...ต้องตอบว่าดีเสมอตัวครับ...เพราะสักยภาพในการแสดงของเขานั้นมีมากจริงๆ หลังจากที่ได้พิสูจน์มาแล้ว 2 ครั้งจากหนังของหว่อง กา ไว....และครั้งนี้ ใน daggers เขาก็ทำได้ดี...ได้เหมาะสมกับบทบาทที่เขาได้รับ...ซึ่งก็ควรจะโทษที่บท เพราะมันไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงฝีมือทางด้านการแสดงออกทางอารมณ์มากเท่าใด....ยกเว้นแต่ตอนจบ....ที่ได้ใจผมไปจริงๆ กับแววตาของเขาที่ดูบริสุทธ์ในรักเหลือเกิน



หลิว เต๋อ หัว :
ไม่ต้องพุดอะไรอีกแล้วครับ....แค่ 3 นาทีที่โผล่มาตอนกลางเรื่องที่เฉลยความลับของเขานั้น.....สุดยอดจริงๆ....
ทุกฉากที่มีเขา...คือความสมบูรณ์แบบทางด้านการแสดงทุกครั้ง....
ถึงแม้ว่า...ครั้งนี้จะไม่ใช่ top form ของเฮียหลิวอย่างในเรื่อง infernal affiar
แต่ว่า มันก็ยอดเยี่ยมมากๆ...เมื่อมาอยู่ในหนังจีนกำลังภายในของจาง อี้ โหม่ว....
ดดยเฉพาะฉากตอนจบ...ที่เขากลายเป็นหลักของฉากนี้จริงๆ...
อารมณ์ สายตา ท่าทาง เมื่อมาถึงพีคสูงสุด เขาก็ไม่ทำให้ใครผิดหวัง...
และเป็นการแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ และความเป็นนักแสดงเอเชียระดับมาสเตอร์พีซจริงๆ.....


สรุป.....ประทับใจ ทั้ง 3 คนเลยครับ...
(ขอแอบปันใจให้บรรดาสาวๆบ้านโคมเขียนเล้กน้อยด้วยนะครับ....ขาวๆทั้งนั้น หึๆๆๆๆ)


จากใจจริง

หนังกำลังภายในของจาง อี้ โหม่ว ก็มีอยู่ 2 เรื่อง...นั่นก็คือ...
hero และ Daggers นั่นแหละครับ....

พักหลังมานี้...จางอี้โหม่ว แกลองทำหนังดูหลายๆแนวครับ....
จากที่เคยทำแนวบีบคั้นอารมณ์ วิพากษ์สังคม โดยมีผู้หญิงเป็นตัวดำเนินเรื่อง....
(คล้ายๆหนังแนวของลาส ฟรอง เทียร์ ที่เอาผู้หยิงมาทรมารทรกรรมในหนังนั่นแหละครับ)

แกเริ่มจากการเปลี่ยนแนวมาทำหนัง jump cut อาร์ทๆ อย่าง เรื่อง keeb cool ....
แล้วก็มาทำหนังง่ายๆ เรื่องน้อยๆ พุดน้อยๆ แต่กินใจหมาศาล (คล้านหนังแนวนี้จากอิหร่าน)
อย่างเรื่อง the road home และ not one less....
แล้วยังมีหนังตลกๆร้ายๆ วิพากษ์สังคมเล้กๆ อย่าง happy time

แล้วก็พลิกมาทำหนังกำลังภายใน 2 เรื่อง...นั่นก็คือ hero และ Daggers นี่แหละครับ....

ผมคิดเล่นๆนะ....
hero พูดถึงแก่งของหนังในแง่มุมที่กว้างๆ อย่างพวกอุดมการณ์ ชาติ ผองชนอะไรพวกนี้...
ต่อมา Daggers พุดถึงแก่นที่เล็กลงและดูเป็นปัจเจคบุคคล อย่างเรื่องห้วงแห่งความรู้สึก อารมณ์ กิเลส และความรัก
บางที...ถ้าจาง อี้ โหม่ว คิดทำเรื่อง ที่ 3 ขึ้นมา...
เขาอาจจะเล่น mass ที่เล็กที่สุด เล่นยากที่สุด และลำลึกที่สุด...อย่างพวกปรัชญา และจิตวิญญาณตะวันออกเลยก็เป็นได้....
ลุ้นครับ......


จากใจจริง

Khun James, Anita Mui (เหมยเยี่ยนฟาง) passed away before starting to film this movie, so that Da Jie (ต้าเจี่ย) you've seen is NOT her.....

Khun Yut kaa, two films refer to "Hero" and "House of Flying Daggers" kaa, no more... hee..hee..he.e..

Clap ~~ clap ~~ clap ~~ to Khun Chai Wayu, your review is great & real deep... thank you! how about the acting of the 3 leads kaa? what do you think? ^_^

หนังสนุกดีค่ะ คิดว่าการดำเนินเรื่องดูให้มีอะไรให้คิดมากกว่าเรื่อง hero แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ภาพในเรื่องhero สวยกว่านะ ชอบค่ะ

ข้าน้อยน้อมรับคำวิจารณ์ครับ

สงสัยผมต้องไปดู dragger แล้วว่ามันดีขนาดนั้นเลยหรือ

"ผมชอบ จางอี้โหม่ว มากที่สุด ถึงแม้เขาจะมีหนังกำลังภายในแค่ 2เรื่องเท่านั้น...
แต่ 2 เรื่องของเขานี้ คือสุดยอดของการเป็นหนังกำลังภายใน ที่เปิดมุมมองใหม่ๆ และเข้าใจถึงรากแท้แห่งคำว่า "บู๊เฮี๊ยบ" อย่างแท้จริง... "

อยากถามคุณ ชายวายุ ว่าหนังอีกเรื่องของจางอี้โหม่วคือเรื่องอะไรครับจะได้ไปหาดู

ขอบคุณล่วงหน้านะครับ

นั่นไงครับ...สิ่งที่คุณ yut ได้เขียนมานั้น...คือส่วนขยายข้อความของผมที่ว่า...

"hero ให้ความหมายว่า....วีรบุรุษ...คือคนที่ทรยศชาติ....หักหลังคนรัก....ล้มเลิกอุดมการณ์"

hero เป็นหนังที่ว่าด้วย เฮี๊ยบ ของหนังจีนกำลังภายในทุกเรื่องที่เคยมีมา...

ก่อนอื่น...เราถามตัวเองก่อนว่า...เราเติบโตมากับหนังจีนกำลังภายในที่มีกรอบของคำว่า "วีรบุรุษ" ในความหมายที่ว่าด้วย...
1. คือคนที่ยึดถือ บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ
2.ซื่อสัตย์ต่อคนรัก ทำทุกอย่างเพื่อคนรัก
3. ยึดถืออุดมการณ์ว่าด้วยเรื่องของการจงรักภักดีต่อชาติ....

แต่จาง อี้ โหม่ว เป็นคนให้ความหมายและแง่มุมของคำว่า "วีรบุรุษ" ในมิติใหม่....

นั่นก็คือ คนที่ทรยศชาติ
(ทั้งกระบี่หัก และไร้นาม....ในตอนแรกมีจุดมุ่งหมายฆ่าฉินอ๋องเพื่อให้เมืองจ้าวรอดพ้นภัย...แต่ภายหลังกลับยุติแผนลอบสังหารนั้นเพราะคำว่าใต้หล้า....เขาทรยศต่อบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองครับ)

คนที่หักหลังคนรัก
(กระบี่หัก ยอมที่จะขัดใจ หักหลัง และทรยศต่อคำสาบานที่มีต่อหิมะเหิร เพียงเพราะเขาได้รู้แจ้งต่อคำว่า ใต้หล้า)

คนที่ล้มเลิกอุดมการณ์
(เป็นเวลากว่ากี่ปี ที่ทักกระบี่หัก และไร้นาม ต่างทุ่มเทชีวิต วิญญาณ ให้แก่การวางแผนลอบสังหารฉินอ๋อง...พอท้ายที่สุด...เขารู้แจ้งในคำว่า ใต้หล้า เขาทั้ง 2 ก็พร้อมที่จะละทิ้งเวลาที่เสียไปอย่างไม่เสียดาย...ล้มเลิกอุดมการณ์หลายปีที่เขาตั้งเอาไว้)

นี่คือสิ่งที่เป็น mass หลักๆของ hero ที่จาง อี้ โหม่ว ต้องการถ่ายทอดออกมาให้คนดูรับรู้ครับ....
hero ในความหมายของแต่ละคน...แตกต่างกันไป....
ขึ้นอยู่กับว่าใคร....จะคิดได้แบบไหน....ที่สำคัญ...คุณต้องคิดด้วยตัวของคุณเอง...





ดังนั้น...จะบอกว่า ผมไม่ชอบ hero นั้น...ผิดมากๆๆๆๆๆๆๆครับ.....
บรรดานักทำหนังกำลังภายในที่เคยมีมาบนโลกหล้านี้...
ผมชอบ จางอี้โหม่ว มากที่สุด ถึงแม้เขาจะมีหนังกำลังภายในแค่ 2เรื่องเท่านั้น...
แต่ 2 เรื่องของเขานี้ คือสุดยอดของการเป็นหนังกำลังภายใน ที่เปิดมุมมองใหม่ๆ และเข้าใจถึงรากแท้แห่งคำว่า "บู๊เฮี๊ยบ" อย่างแท้จริง...


คุณ yut อาจเข้าใจผิดว่าผมไม่ชอบ hero เนื่องจากว่า ประโยคที่ผมพาดพิงถึงนั้นมันห้วนเกินไป....
สำหรับผม...ผมให้ A แก่ Hero และ Daggers ครับ...
แต่ถ้าเป็นดาว...ผมให้ hero 3 ดาวครึ่ง
Daggers ผมให้ 4 ดาวไปเลย...

เพราะส่วนตัว...ผมชอบ mass ของ daggers ที่เล่นแง่มุมของอารมณ์ ห้วงความรู้สึก ซึ่งมันแคบกว่า อุดมการณ์ใน hero ....
ยิ่งเฉพาะตอนจบ...ผมชอบมากๆ...เพราะเรื่องราวในตอนจบของ Daggers แทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ทว่ามันกลับอัดแน่นไปด้วยมิติของอารมณ์ ความรู้สึกที่เป็นธาตุแท้ของมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม...
ซึ่งต่างจาก hero ที่ให้ความรู้สึกฮึกเหิม องอาจ ในแง่มุมที่กว้างขวางของอุดมการณ์ และความหมายแห่งวีรบุรุษ....


จากใจจริง