วิจารณ์ ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
-
เม
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 15:04
เป็นหนังที่แม้ว่าจะเอาแนวมาจากหนังเรื่องอื่นบ้างแต่สามารถนำมาพรีเซนต์ได้อย่างน่าสนใจและน่ากลัวมาก ทุกช๊อตคนดูรู้ว่าผีกำลังจะออกมาแน่ๆแต่ก็ตกใจอยู่ดีเพราะรูปแบบของการโผล่ออกมาทำได้เยี่ยม ในรอบหลายๆปีไม่มีหนังผีไทยเรื่องไหนจะน่ากลัวเท่าเรื่องนี้แล้ว
-
แฟนพันธุ์แท้หนังผีผี
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 12:56
ไม่มีอะไรนอกซะจากเสียงดังๆๆๆๆๆ ตกใจก็เพราะเสียงดังไม่ใช่อย่างอื่น
เพราะภาพที่ปรากฎอยู่บนจอ(ตอนผีหลอก ลีลาและท่าทาง แม้แต่งหน้า)เราเคยเห็นมาหมดแล้ว ทั้งหนังผีจากเกาหลี ฮ่องกง โดยเฉพาะผีญี่ปุ่นถูกลอกเลียนแบบมากที่สุด(อะไรกันเนี่ย) พล็อตเรื่องก็ไม่ได้ปูอะไรมากมายเล่นเอาผีมาหลอกอย่างเดียว เหมือนนิยามของผู้กำกับเรื่อง ju-on 1-2เขาว่าจะให้ผีมาหลอกทุก 5 นาทีเลย เห็นมั้ยขนาดรูปแบบการหลอกยังก๊อปมาเลย
แล้วผีที่ตามหลอกหลอน ตกลงว่าตายยังไงกันแน่
.....ถูกรถชนตาย(ผีถูกรถชนเป็นการตายซ้ำซาก)
.....หรือจมน้ำตาย(มีโผล่จากอ่างน้ำ)
.....หรือนอนตายในห้องพระเอก(มีคลานไปหยิบรูปด้วยอะไรจะเว่อร์ปานนั้น แล้วดันกล้องเสือกถ่ายติดอีก เอ้าเวรกรรม)
.....หรือว่าผีตกบันไดหนีไฟตาย(แล้วคลานลงมา)
.....แต่สุดท้ายบอกว่าโดดตึกเอ้า แล้ววิญญาณถ้ามันแค้นจริงแล้วทำไมไม่ออกอาละวาดตั้งแต่เกิดเรื่อง ปล่อยซะนานจนน่าจะไปเกิดได้แล้ว(สงสัยเพิ่งนึกได้ว่ามีหนี้ต้องชำระ)
ผู้กำกับปล่อยเรื่องไม่มีทิศทางการเล่าเรื่องที่ชัดเจน เช่นเอาประเด็นของภาพถ่ายแสงประหลาด แล้วภาพเหล่านั้นเมื่อมาประกอบกันหลายๆภาพแล้วมีส่วนในการเฉลยปมสำคัญของเรื่อง มิฉะนั้นสิ่งที่เราเห็นมาตั้งแต่ต้นก็สูญเปล่า แต่พอจะเอาเข้ามาเฉลยเรื่องกลับกลายเป็นเรื่องโง่เขลาสิ้นดี ที่กล้องถ่ายติดได้เองแล้วก็ซ้ำๆซากๆ
ประเด็นผีอยู่รอบๆตัวเราแล้วไปส่งผลในตอนท้ายเรื่อง กลับไม่มีน้ำหนักมากพอ เพราะผู้กำกับมัวแต่สนุกอยู่กับการเอาผีมาหลอกตัวละคร แล้วกระแทกเสียงให้คนดูตกใจเป็นระยะๆ กับอีแค่พล็อตรองเรื่องเอ๊กซ์เรย์ที่ลำคอ-ชั่งน้ำหนักเกินมันน้อยเกินไปที่จะไปสนับสนุนในตอนหลัง
ประเด็นผีล้างแค้นซึ่งมั่วไปหมดว่าตกลง ผีจะเอายังไงกันแน่ แล้วถามจริงๆว่าจะมีใครรักผู้ชายคนนี้(ช่างภาพหนุ่ม)ลงอีกเหรอ หนังเรื่องนี้ให้พระเจ้ามาแก้ไขจุดสำคัญของเรื่องทั้งหมด เช่น1. ดลบันดาลให้นางเอกไปถ่ายรูปที่ห้องทดลองผลคือเจอรูปถ่าย 2.ดลบันดาลให้กล้องถ่ายรูปได้เอง เพียงเพื่อต้องการจะสื่อปมสำคัญ 3.ดลบันดาลให้ช่างภาพหนุ่มตกตึกแล้วไม่เป็นไร(บาดเจ็บเล็กน้อย) 4.ดลบันดาลให้ไปหาแม่ผู้ตายแล้วรู้ความจริงแล้วก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแม่ไม่ยอมเผาศพลูกสาว เพียงแค่ใช้คำพูดไม่กี่คำ แม่ก็ยอมแล้ว(ทำไมง่ายจัง)ส่วนศพที่เผาแล้วแต่ยังแค้นอยู่รู้น๊ะว่าเอามาจากเรื่องอะไร ขอบอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรให้เก็บเกี่ยวสำหรับผู้ที่ต้องการลับสมอง ทั้งเรื่องมีแต่ผีออกมาแล้วก็เสียงดัง เสียงดัง แล้วก็เสียงดัง แต่บทสรุปตอนท้ายใช้ได้ทีเดียว มีดีแค่นี้จริงๆ... -
อ้น
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 12:39
ไม่น่ากลัว ไม่ตกใจ ไม่มีอะไรใหม่..... ราบเรียบมาก......... ดูแล้วเฉยๆมากเลย เสียดายตังค์
-
poppy ~~
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 11:23
100 บาท คุ้ม !!! คุ้ม !!! คุ้ม !!!
-
poppy ~~ kiko
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 11:21
สนุกน๊าๆๆๆ คนเต็มโรง . . กรี๊ด . .ดังมาก
-
จอน
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 11:12
น่ากลัวมากครับ สุดยอด
-
///
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 11:01
น่ากลัวดีค่ะ ผีเหมือนใน ju-on เลย ชอบเนื้อหาที่ตอนสุดท้ายน่ะค่ะ ดุแล้วก็สนุกดี
-
pot182
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 10:15
ไม่อะไรนอกจาก ตกใจ หนังขาดน้ำหนักไปมากพอสมควร อาจได้ไอเดียจาก what lie (ในความคิดผมคิด) และหนังเกาหลีผีผี ทั้งหลาย นึกจะทำอะไรก็ทำจะปูเรื่องสักหน่อยก้อไม่มี ถ้าขายความตกใจ ก็ถือว่าผ่านเลยละ แต่ถ้าเอาคุณภาพ ยังต้องพัฒนาอีกนะครับ ขอร้อง ฉากผีหลอกเปลี่ยนบ้างก็ได้ มันเหมือนๆกันเลยนะ กะหนัง ต้นแบบ นะ จะได้ตกใจก้อตรงเสียง และการแต่งหน้านี่แหละ ถ้าปูเรื่องดีดีนะโอเคเลย เพราะตอนจบ โอเคนะ สำหรับผมว่าดี แต่ภาพไม่มีแฟลชในห้องมึดๆ มันน่าจะมึดกว่านั้นนะ แถมถ่ายย้อนแสงอีก อืม น่าคิด ก้อมันหนังผีนะ แค่เอากลัวแค่นั้นพอ...
-
คนไม่กลัวผีแต่กลัวเมีย
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 15 ก.ย. 47 00:30
สนุกมากครับ ชอบทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ ถึงจะมีบางที่หลอกมาจากหนังเรื่องอื่น ก็ทำออกมาได้ดีก่วาหนังที่ ก็อป ผีต่างประเทศสู่ผีไทยในเรื่องนี้ไม่ได้หลอก มันน่ากลัวมาก ไม่แน่อาจมีค้ายหนังต่างประเทศมาซื่อลิขสิทธ์ไปทำต่อ
-
DIMON
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 14 ก.ย. 47 23:02
เปิดเรื่องมาหนังก็ลอก ju-on2 มาซะแล้ว ช่วงแรกของหนังที่เล่นกับภาพถ่ายติดแสงประหลาดมาน่าสนใจมาก แต่ผู้กำกับกลับไม่ใช้ประโยชน์จากทีมเรื่องหลักแล้วนำไปสู่จุดจบของเรื่องอย่างทรงพลัง แต่กลับเลือกที่จะไปก๊อปปี้หนังของต่างชาติมาเฉย เอาเสียงดังเข้าว่าเพื่อหลอกให้พวกขวัญอ่อนตกใจ ทั้งๆที่ภาพที่ปรากฎบนจอเราเคยเห็นมาแล้วทั้งนั้นโดยเฉพาะผีคลานลงกะได แตกต่างกันแค่บันไดไม้กับเหล็กเท่านั้น(น่าอายจริงๆ)เรียกได้ว่ายำใหญ่หนังผีก็ว่าได้ ที่น่าสงสารคือแม้แต่พล็อตเรื่องของตัวละครหลักดันไปก๊อปมาอีก เพียงมาบิดนิดหน่อยเท่านั้น คนทำหนังเรื่องนี้แค่ให้รู้เรื่องการปูอารมณ์กลัว หลอกล่อให้หลงทาง แล้วเข้าตบทีหลังเท่านั้นเองก็ทำหนังได้แล้ว และโชว์โปรดักชั่นดีๆ ส่วนพล็อตเรื่องก็อปปี้มันเข้าไป ถ้าไปฉายเมืองคงอายเขาตายเพราะ(ไอ้นี่ลอกตูนี่หว่า)
การดำเนินเรื่องก็ไม่มีเหตุผลที่สมควรมากพอ อยากให้ตัวละครถูกผีหลอกตรงไหนก็จับเข้าไปวางตรงนั้น ตรงนี้ ตรงโน้น ตัวละครอยากจะไปไหนก็ไป โดยที่คนดูไม่รู้เลยว่า มันจะไปไหน ทำอะไร แล้วไปทำไม แล้วพอหนังจะเฉลยปมสำคัญของเรื่องโดยใช้ภาพถ่ายเป็นตัวบอกกลับปัญญาอ่อนมาก ที่อยู่ๆกล้องก็ถ่ายรูปได้เอง(โดยไม่มีแฟลช)แล้วนำภาพติดผีมาเฉลยปมสำคัญ แล้วไอ้ที่มีภาพถ่ายติดแสงมาตั้งแต่ต้นที่คนดูเห็นทำมาเพื่ออะไร
ทำไมไม่มีส่วนในการเฉลยปมเรื่อง จึงดูไม่รู้สึกอะไรเลยแต่กลับหูแทบแตกเพราะเสียงดังมากๆๆ เพราะเรื่องเอาไม่อยู่จึงใช้เสียงหลอกแทนนี่แหละหนังไทย เพราะผู้กำกับไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่กลับใช้สมองไปก๊อปปี้ของคนอื่นมาแทน ถ้าคิดว่าหนัง102 ปิดกรุงเทพปล้นห่วยแตก เรื่องนี้ก็พอกันครับ (ขอชมว่าลอกมาได้เนียนมาก บิดนิดหน่อยก็เป็นของตัวเองแล้ว แต่โปรดอย่าลืมว่าคนดูไม่โง่นะครับ)
สรุปคือหนังทั้งเรื่องมีดีที่ตอนท้ายจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลยแต่ก็ยกย่องไอเดียว่าดีมาก ถ้าหนังเล่นธีมนี้มาตั้งแต่ต้น บทสรุปของเรื่องจะน่ากลัวสุดๆขอบอก
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- ผู้หญิง 5 บาปเข้าฉายปี 2002 แสดง คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา, ชุติมา เอเวอรี่, กมลชนก เวโรจน์
- องค์บาก 2เข้าฉายปี 2008 แสดง จาพนม ยีรัมย์, นิรุตติ์ ศิริจรรยา, สรพงษ์ ชาตรี
- ผีจ้างหนังเข้าฉายปี 2007 แสดง อชิตะ ปราโมช ณ อยุธยา, ภัครมัย โปรตระนันท์, นะโม ทองกำเหนิด
เกร็ดภาพยนตร์
- Still Alice - ตอนที่ได้อ่าน Still Alice ฉบับหนังสือครั้งแรก ริชาร์ด แกลตเซอร์ และ วอช เวสต์มอร์แลนด์ ผู้กำกับทั้งสองคนรู้สึกว่าเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับโรคสมองเสื่อมชนิดเกิดเร็วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ริชาร์ด ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเอแอลเอส ที่เป็นสาเหตุให้พูดแล้วลิ้นพันกัน ซึ่งเป็นทำให้ทั้งสองคนต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เหมือนตัวละคร อลิซ ที่แสดงโดย จูเลียนน์ มัวร์ อ่านต่อ»
- Song One - สก็อตต์ อาเวตต์ จากวง ดิ อาเวตต์ บราเธอร์ส เคยมาทดสอบบท เจมส์ โดย สก็อตต์ เล่าว่า เขาอ่านบทกับ แอนน์ แฮตธาเวย์ ผู้รับบท แฟรนนี ในฉากสะเทือนอารมณ์ และ แอนน์ เริ่มน้ำตาคลอ ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้ พระเจ้า เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร และมันก็ชัดเจนเลยว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ซึ่งภายหลังบท เจมส์ นี้ก็ตกเป็นของ จอห์นนี ฟลินน์ อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
The Lighthouse เอเฟรียม (โรเบิร์ต แพตทินสัน) ได้รับการว่าจ้างให้ขึ้นเรือไปยังเกาะอันห่างไกลนอกชายฝั่งนิวอิงแลนด์เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพื...อ่านต่อ»